การเรียงลำดับของคำ แม้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษจะมีรูปแบบประธาน + กริยา + ก การแปล - การเรียงลำดับของคำ แม้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษจะมีรูปแบบประธาน + กริยา + ก อังกฤษ วิธีการพูด

การเรียงลำดับของคำ แม้ภาษาไทยกับภาษ

การเรียงลำดับของคำ
แม้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษจะมีรูปแบบประธาน + กริยา + กรรม เหมือนกันอย่างฉันรักเธอกับ I love you. แต่เวลาใส่คำขยายต่างๆ เข้าไปในประโยค ลำดับจะต่างกันอย่างฉันมีกระเป๋าสีแดง ก็เป็น I have a red bag.
นอกจากนี้เวลาทำเป็นประโยคคำถาม ภาษาอังกฤษก็จะย้ายคำกริยามาไว้หน้าประธาน ทั้งที่ภาษาไทยไม่มี เช่น นั่นคือแฟนเธอรึเปล่า กับ Is that your boyfriend? หรือเธอชื่ออะไร What is your name? (แปลตรงตัวได้ว่าอะไรคือชื่อเธอ)
Did his dad tell him not to worry? ประโยคนี้ดูง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพราะคำศัพท์ก็แปลออกทุกตัว แต่ถ้าให้เขียนเองตั้งแต่แรก พี่เชื่อว่าหลายคนคงไม่แน่ใจว่าเรียงประโยคยังไงให้อ่านรู้เรื่อง (จงแปลประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาอังกฤษ “พ่อของเขาบอกเขารึเปล่าว่าไม่ต้องเป็นห่วง”)

เรื่องของเวลาและ Tense ต่างๆ
ภาษาไทยไม่ต้องเปลี่ยนรูปตามกาล จะกินเมื่อวาน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ ก็ยังคง “กิน” อยู่วันยังค่ำ แต่ภาษาอังกฤษกลับมีตั้ง 12 Tenses ทั้งอดีตของอดีต ทำแล้วจบแล้วในอดีต ทำแล้วแต่ยังไม่จบ จะทำแบบแน่นอน จะทำแบบยังไม่แน่นอน หรือแม้แต่กาลปัจจุบันอย่าง Present Simple Tense ที่กริยายังต้องเติม –s, -es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์อีก ตอนเด็กๆ พี่ก็เคยสงสัยค่ะว่ามันจะทำมาเยอะแยะทำไม แต่พอคิดได้ว่าคำตอบคงอยู่ที่คนคิดภาษาอังกฤษซึ่งไม่รู้ว่าจะไปเจอได้ที่ไหนแล้ว พี่เลยเปลี่ยนมาจำว่ามันมี Tense อะไรบ้าง แต่ไปสงสัยเรื่องการใช้แต่ละ Tense ให้ถูกต้องแทน (ต้องบอกว่าการสงสัยแบบหลังนี่เกิดประโยชน์มากกว่ากันเยอะ)

เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!


เครื่องหมายวรรคตอน
ภาษาไทยใช้เครื่องหมายวรรคตอนไม่บ่อยมากนัก เมื่อจบประโยคก็ไม่ต้องใส่จุดด้วย (มหัพภาค) แต่ภาษาอังกฤษต้องจบประโยคด้วยจุด เพราะภาษาไทยใช้การเว้นวรรคแสดงการจบประโยคอยู่แล้ว แต่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เขียนเว้นวรรคทุกคำจึงต้องมีจุดแสดง ส่วนประโยคคำถาม ในภาษาไทยก็ไม่นิยมใช้เพราะแต่เดิมไทยไม่มีเครื่องหมายปรัศนี (?) จนกระทั่งรู้จักภาษาต่างประเทศ และถือว่ามีคำไทยที่รวมความเป็นเครื่องหมายคำถามเข้าไปในตัวอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแสดงเครื่องหมายคำถามอีก เช่น กี่, ใคร, อะไร
นอกจากนี้ภาษาไทยยังมีไม้ยมก (ๆ), ไปยาลน้อย (ฯ), ไปยาลใหญ่ (ฯลฯ) ที่ภาษาอังกฤษไม่มีใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จุกจิกเรื่องเครื่องหมายวรรคตอนเยอะมาก มีกฎเยอะแยะไปหมด แต่ภาษาไทยเน้นใช้ “วรรค” เป็นหลัก ซึ่งวรรคของภาษาไทยแทนเครื่องหมายวรรคตอนของภาษาอังกฤษได้หลายตัวมาก ทำให้เป็นอีกหนึ่งปัญหาการเขียน เพราะเดาไม่ถูกว่า “วรรค” ตรงนี้ควรเป็นเครื่องหมายไหนดี

สุภาษิต คำพังเพย สำนวน
แต่ละภาษามีสุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่างกันตามวัฒนธรรมและลักษณะของประเทศนั้นๆ อย่างหนีเสือปะจระเข้ จะกลายเป็นหนีกระทะทอดไปเจอกองไฟทันที (Out of the frying pan and into the fire) หรือเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามก็เป็นเข้ากรุงโรมต้องทำตามชาวโรมัน (When in Rome do as the Romans do) ซึ่งเวลาจะใช้คนไทยคงนึกไม่ถึงกรุงโรมแน่ๆ ถ้าจะเปรียบเทียบก็น่าจะเลือกอาณาจักรที่ไทยเราคุ้นเคยมากกว่าอย่างกรุงอโยธยา
ถึงสำนวนพวกนี้ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ แต่โชคดีที่ปัจจุบันมีแหล่งข้อมูลมากมายที่ช่วยให้เรารู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน ทำให้ไม่ต้องพยายามแปลเองผิดๆ ถูกๆ อีกแล้วค่ะ (พี่พิซซ่า เคยรวบรวมสำนวนที่ใช้สัตว์เปรียบเทียบไว้ ไปดูได้ที่นี่ค่ะ)

เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!


ไม่รู้คำศัพท์
จริงๆ ปัญหานี้แก้ได้ง่ายมากเพราะมีพจนานุกรมตั้งหลายประเภท แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆ น่าจะเป็นการใช้ไม่เป็นมากกว่า ไม่รู้ว่าคำนี้ใช้ในประโยคนี้ได้หรือไม่ หรือว่าคำนี้มีความหมายด้านบวกหรือลบ หรือไม่แน่ใจว่ามันให้ความหมายตรงกับที่คิดไว้ในหัวรึเปล่า ฉะนั้นต้องมีพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษติดไว้ด้วยอีกเล่มหนึ่งค่ะ เลือกเล่มที่อธิบายความหมายเยอะๆ และยกตัวอย่างเยอะมากๆ จะได้เห็นภาพมากขึ้นว่าคำที่เราเลือกจากพจนานุกรมไทย-อังกฤษไปใช้นั้น มันถูกต้องจริงๆ แล้วรึยัง

ไม่รู้จะเขียนอะไร/ไม่มีอะไรจะเขียน
ข้อนี้จัดเป็นปัญหาการเขียนแบบไม่ขึ้นกับภาษา อย่างนี้แสดงว่าต่อให้เป็นภาษาไทยก็ยังไม่รู้จะเขียนอะไรอยู่ดี ซึ่งพี่ไม่สามารถช่วยได้ค่ะ 5555



เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!


วิธีที่ดีที่สุดคือคิดเป็นภาษาอังกฤษไปเลยค่ะ ห้ามคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลกลับเป็นภาษาอังกฤษ เพราะรายละเอียดหลายๆ อย่างอาจจะตกหล่นระหว่างการแปลได้ แต่พี่ก็เข้าใจค่ะว่ามันพูดง่ายแต่ทำยากสำหรับใครหลายๆ คน เพราะมันต้องอาศัยความคุ้นเคย ถึงจะทำให้คิดเป็นภาษาอังกฤษได้เลย แต่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการฟังหรืออ่านก็ได้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการใช้ภาษาค่ะ แต่ในระหว่างที่ยังไม่คุ้นกับการใช้ภาษาอังกฤษ ก็มีวิธีช่วยพัฒนาทักษะการเขียน ดังนี้
การเขียนร่างหลายๆ ครั้งหรือเขียนแล้วทบทวนแก้ไขหลายรอบ อย่าเขียนครั้งเดียวส่งค่ะ ร่างเสร็จก็ตรวจทานใหม่ ถ้าเป็นการบ้านที่อีกนานกว่าจะส่งก็ให้รีบทำแต่เนิ่นๆ ตรวจรอบแรกแล้วทิ้งไว้ซัก 3 วันมาอ่านอีกที แก้ไขแล้วก็เว้นไว้อีก 5 วันมาแก้อีกรอบ ควรเว้นจังหวะระหว่างการแก้ไขแต่ละครั้งด้วย (เหมือนแต่งนิยาย) ครั้งหลังๆ มาอ่านก็จะรู้สึกว่า “วันนั้นฉันเขียนอะไรลงไปเนี่ย”
จับอะไรรวมกันได้ก็รวมเข้าด้วยกัน ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าทำไมงานเขียนตัวเองมันดูพื้นๆ มากเลย มีแต่ I am. He is. They are. เต็มไปหมด เช่น He has beautiful eyes. They are green. He is looking right at me. ก็ลองรวมเป็น His beautiful green eyes are looking right at me. ซึ่งสามารถฝึกการแปลงรูปประโยคได้จากการอ่านและฟังเยอะๆ ดูหนังฟังเพลงจัดเต็มไปเลยค่ะ

เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!


ลองอ่านออกเสียงเผื่อสะดุด การอ่านออกเสียงทำให้เราได้ใช้ประสาทสัมผัสเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นก็เหมือนกับตัวช่วยตรวจสอบที่เพิ่มขึ้น บางทีพูดไปพูดมาน้องก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมากับบางประโยค
ขยันพิมพ์ภาษาอังกฤษในสเตตัส ใครจะว่าก็ช่าง แต่เราทำเพื่อพัฒนาทักษะตัวเอง เวลาอยากจะเม้าธ์หรือวิจารณ์หนังที่เพิ่งไปดูมา ก็ลองเปลี่ยนมาอัพสเตตัสเป็นภาษาอังกฤษแทน พยายามแสดงเหตุผลไปเยอะๆ พระเอกหล่อยังไง ตัวโกงดีเลวยังไง ดนตรีประกอบเพราะมั้ย เขียนไปตามใจชอบเลยค่ะ เพื่อนในเฟซบ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
A sequence of words. Even the English language with Thailand will have the format verb-Chief + + Karma the same example I love you I love you, but the time to put the extended sequence in the sentence to be different, I have a red purse, it is I have a red bag. Additionally, the opening sentence is a question, in English, it will move the verb come in front of the President, both as a language, such as Thailand, that is her boyfriend? Is that your boyfriend? "to her name, what is your name What? (. What is her name). Did his dad tell him not to worry this simple sentence? "because it's all translated terminology, but if they write it themselves in the first place. Brethren believe that many people wouldn't be sure to read the words (thou shalt translate the following sentence into English. "His father told him not to worry about that?"). A matter of time and a different Tense ภาษาไทยไม่ต้องเปลี่ยนรูปตามกาล จะกินเมื่อวาน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ ก็ยังคง “กิน” อยู่วันยังค่ำ แต่ภาษาอังกฤษกลับมีตั้ง 12 Tenses ทั้งอดีตของอดีต ทำแล้วจบแล้วในอดีต ทำแล้วแต่ยังไม่จบ จะทำแบบแน่นอน จะทำแบบยังไม่แน่นอน หรือแม้แต่กาลปัจจุบันอย่าง Present Simple Tense ที่กริยายังต้องเติม –s, -es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์อีก ตอนเด็กๆ พี่ก็เคยสงสัยค่ะว่ามันจะทำมาเยอะแยะทำไม แต่พอคิดได้ว่าคำตอบคงอยู่ที่คนคิดภาษาอังกฤษซึ่งไม่รู้ว่าจะไปเจอได้ที่ไหนแล้ว พี่เลยเปลี่ยนมาจำว่ามันมี Tense อะไรบ้าง แต่ไปสงสัยเรื่องการใช้แต่ละ Tense ให้ถูกต้องแทน (ต้องบอกว่าการสงสัยแบบหลังนี่เกิดประโยชน์มากกว่ากันเยอะ) เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!เครื่องหมายวรรคตอน ภาษาไทยใช้เครื่องหมายวรรคตอนไม่บ่อยมากนัก เมื่อจบประโยคก็ไม่ต้องใส่จุดด้วย (มหัพภาค) แต่ภาษาอังกฤษต้องจบประโยคด้วยจุด เพราะภาษาไทยใช้การเว้นวรรคแสดงการจบประโยคอยู่แล้ว แต่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เขียนเว้นวรรคทุกคำจึงต้องมีจุดแสดง ส่วนประโยคคำถาม ในภาษาไทยก็ไม่นิยมใช้เพราะแต่เดิมไทยไม่มีเครื่องหมายปรัศนี (?) จนกระทั่งรู้จักภาษาต่างประเทศ และถือว่ามีคำไทยที่รวมความเป็นเครื่องหมายคำถามเข้าไปในตัวอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแสดงเครื่องหมายคำถามอีก เช่น กี่, ใคร, อะไร In addition, Thailand has also yamok language. (Lol), Paiyan (), (etc.) paiyan English doesn't have English as the fastidious subject a lot of punctuation. There are many rules, but the "paragraph" Thailand focus on language as the main language of paragraph Thailand instead of punctuation in the English language has many more. Cause is another problem to write, because, guess what, "paragraph", this should be marked? An aphorism proverb Idiom แต่ละภาษามีสุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่างกันตามวัฒนธรรมและลักษณะของประเทศนั้นๆ อย่างหนีเสือปะจระเข้ จะกลายเป็นหนีกระทะทอดไปเจอกองไฟทันที (Out of the frying pan and into the fire) หรือเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามก็เป็นเข้ากรุงโรมต้องทำตามชาวโรมัน (When in Rome do as the Romans do) ซึ่งเวลาจะใช้คนไทยคงนึกไม่ถึงกรุงโรมแน่ๆ ถ้าจะเปรียบเทียบก็น่าจะเลือกอาณาจักรที่ไทยเราคุ้นเคยมากกว่าอย่างกรุงอโยธยา ถึงสำนวนพวกนี้ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ แต่โชคดีที่ปัจจุบันมีแหล่งข้อมูลมากมายที่ช่วยให้เรารู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน ทำให้ไม่ต้องพยายามแปลเองผิดๆ ถูกๆ อีกแล้วค่ะ (พี่พิซซ่า เคยรวบรวมสำนวนที่ใช้สัตว์เปรียบเทียบไว้ ไปดูได้ที่นี่ค่ะ) เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!ไม่รู้คำศัพท์ จริงๆ ปัญหานี้แก้ได้ง่ายมากเพราะมีพจนานุกรมตั้งหลายประเภท แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆ น่าจะเป็นการใช้ไม่เป็นมากกว่า ไม่รู้ว่าคำนี้ใช้ในประโยคนี้ได้หรือไม่ หรือว่าคำนี้มีความหมายด้านบวกหรือลบ หรือไม่แน่ใจว่ามันให้ความหมายตรงกับที่คิดไว้ในหัวรึเปล่า ฉะนั้นต้องมีพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษติดไว้ด้วยอีกเล่มหนึ่งค่ะ เลือกเล่มที่อธิบายความหมายเยอะๆ และยกตัวอย่างเยอะมากๆ จะได้เห็นภาพมากขึ้นว่าคำที่เราเลือกจากพจนานุกรมไทย-อังกฤษไปใช้นั้น มันถูกต้องจริงๆ แล้วรึยัง ไม่รู้จะเขียนอะไร/ไม่มีอะไรจะเขียน ข้อนี้จัดเป็นปัญหาการเขียนแบบไม่ขึ้นกับภาษา อย่างนี้แสดงว่าต่อให้เป็นภาษาไทยก็ยังไม่รู้จะเขียนอะไรอยู่ดี ซึ่งพี่ไม่สามารถช่วยได้ค่ะ 5555



เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!


วิธีที่ดีที่สุดคือคิดเป็นภาษาอังกฤษไปเลยค่ะ ห้ามคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลกลับเป็นภาษาอังกฤษ เพราะรายละเอียดหลายๆ อย่างอาจจะตกหล่นระหว่างการแปลได้ แต่พี่ก็เข้าใจค่ะว่ามันพูดง่ายแต่ทำยากสำหรับใครหลายๆ คน เพราะมันต้องอาศัยความคุ้นเคย ถึงจะทำให้คิดเป็นภาษาอังกฤษได้เลย แต่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการฟังหรืออ่านก็ได้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการใช้ภาษาค่ะ แต่ในระหว่างที่ยังไม่คุ้นกับการใช้ภาษาอังกฤษ ก็มีวิธีช่วยพัฒนาทักษะการเขียน ดังนี้
การเขียนร่างหลายๆ ครั้งหรือเขียนแล้วทบทวนแก้ไขหลายรอบ อย่าเขียนครั้งเดียวส่งค่ะ ร่างเสร็จก็ตรวจทานใหม่ ถ้าเป็นการบ้านที่อีกนานกว่าจะส่งก็ให้รีบทำแต่เนิ่นๆ ตรวจรอบแรกแล้วทิ้งไว้ซัก 3 วันมาอ่านอีกที แก้ไขแล้วก็เว้นไว้อีก 5 วันมาแก้อีกรอบ ควรเว้นจังหวะระหว่างการแก้ไขแต่ละครั้งด้วย (เหมือนแต่งนิยาย) ครั้งหลังๆ มาอ่านก็จะรู้สึกว่า “วันนั้นฉันเขียนอะไรลงไปเนี่ย”
จับอะไรรวมกันได้ก็รวมเข้าด้วยกัน ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าทำไมงานเขียนตัวเองมันดูพื้นๆ มากเลย มีแต่ I am. He is. They are. เต็มไปหมด เช่น He has beautiful eyes. They are green. He is looking right at me. ก็ลองรวมเป็น His beautiful green eyes are looking right at me. ซึ่งสามารถฝึกการแปลงรูปประโยคได้จากการอ่านและฟังเยอะๆ ดูหนังฟังเพลงจัดเต็มไปเลยค่ะ

เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!


ลองอ่านออกเสียงเผื่อสะดุด การอ่านออกเสียงทำให้เราได้ใช้ประสาทสัมผัสเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นก็เหมือนกับตัวช่วยตรวจสอบที่เพิ่มขึ้น บางทีพูดไปพูดมาน้องก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมากับบางประโยค
ขยันพิมพ์ภาษาอังกฤษในสเตตัส ใครจะว่าก็ช่าง แต่เราทำเพื่อพัฒนาทักษะตัวเอง เวลาอยากจะเม้าธ์หรือวิจารณ์หนังที่เพิ่งไปดูมา ก็ลองเปลี่ยนมาอัพสเตตัสเป็นภาษาอังกฤษแทน พยายามแสดงเหตุผลไปเยอะๆ พระเอกหล่อยังไง ตัวโกงดีเลวยังไง ดนตรีประกอบเพราะมั้ย เขียนไปตามใจชอบเลยค่ะ เพื่อนในเฟซบ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
The sequence of words.Even the Thai and English is a form of subject + Verb + object. The same as I love you with I love you. But time put various modifiers into sentences. The sequence is different, I have a red bag is I have a red bag.The time act). English will move the verb comes before the president, even though no such language. That is your boyfriend? No, with Is that your boyfriend? Or what her name is. What is your name? (to what was her name).Did his dad tell him not to worry? This sentence look simple, uncomplicated, because vocabulary means out of every. But if I wrote it in the first place. I believe that many people would not sure how to read about the sort of sentence (be translated sentences following into English. "His father told him not to worry about?").Time and Tense.Thai to transform according to tense, to eat yesterday, today or tomorrow, it"s still a "eat" is all the day long. But English is set 12 Tenses. The former of the former, it is done in the past, but not yet. Do of course do not exact or even present tense as Present. Simple Tense verbs also fill - s, - es when the president is singular. When I was young, I was wondering, it will do a lot of why. But when I realized that the answer was that people think in English which I don"t know where to meet. I changed it to remember that it is Tense anything but to wonder about the use of each Tense right instead of (to tell that a suspect after this benefit more on the way).Tips: good writing English like a native speaker!Punctuation.English punctuation, more often. At the end of a sentence, do not put the point (full stop), but the English to end sentences with points. Because of language use space show the end of a sentence. But English is the language writing space all have shown the point). In it is not commonly used because originally Thai question mark (?) until know foreign languages. Considered to have included a Thai words and question mark inside. So there"s no need to show a question mark, such as a few, who, what?Noh,
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: