​ประเทศไทยได้เกิดภาวะวิกฤตการณ์ทางก

​ประเทศไทยได้เกิดภาวะวิกฤตการณ์ทางการเมือง ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม โดยเฉพาะด้านความแตกแยกแบ่งฝ่ายของผู้คนในสังคม เหตุการณ์เหล่านี้ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2547 มีการรวมตัวเพื่อขับไล่พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร ควรออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะเดียวกันมีกลุ่มประชาชนจำนวนมากอีกกลุ่มรวมตัวกันเพื่อสนับสนุนทักษิณให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะเชื่อว่าทักษิณคือตัวแทนทางการเมืองที่พึงปรารถนา จากวิกฤตการณ์ดังกล่าวได้นำไปสู่เหตุการณ์ล้มล้างรัฐบาลผู้บริหารปกครองรัฐในขณะนั้นกล่าวคือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง บริหารประเทศผิดพลาดแล้วจำเป็นต้องบังคับให้รัฐบาลพ้นจากอำนาจ กลุ่มทหารจึงใช้กำลังบังคับให้ออกจากตำแหน่ง โดยประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญหรือประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายในเวลาที่กำหนดเรียกว่าการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549
​การจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2551 ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมืองของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นเวลาห้าปี แล้วได้มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ผลปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้มีการเปลี่ยนขั้วการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อพรรคขนาดกลาง 2-3 พรรคที่เคยร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทยถูกสถานการณ์ผลักดันให้เปลี่ยนไปสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำและพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน
​การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อกดดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และในช่วงเวลานั้นพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้ถ่ายทอดภาพวิดีโอมายังกลุ่มผู้สนับสนุนและกล่าวอ้างว่าประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 2549 ว่าพลเอกเปรมและองคมนตรีคือ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และชาญชัย ลิขิตจิตถะ ได้สมคบกับอำนาจทหารของกองทัพไทยเพื่อยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนต้องการเรียกร้องให้นายกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่
​การชุมนุมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีความทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทั้งพลเรือน ทหาร และตำรวจ เพียงเพราะเกิดจากความต้องการอำนาจเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ของตนเองโดยการคอรัปชันของนักการเมือง มีการทุจริตเพื่อให้ก้าวเข้าสู่อำนาจและเมื่อมีอำนาจก็นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ประเด็นที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนคือการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกบการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความรุนแรงในสังคมเป็นอย่างมาก
​เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี 2553 ได้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีการเผยแพร่ไปทั่วโลก และหลายประเทศได้มีการห้ามและงดออกวีซ่าให้กับนักเดินทางที่จะเดินทางมาในประเทศไทย ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของประเทศไทยปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะการผลิต การค้า และบริการธุรกิจโรงแรมและภัตตาคารและถือเป็นการลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยและตัดสินใจชะลอการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ถึงแม้ว่าการลงทุนระยะสั้นหรือระยะกลางอาจกระทบไม่มากนัก หรือการลงทุนระยะยาวและนักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนมาก่อนจะชะลอตัวลง และอาจจะเสียหายไม่มากอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ทำให้ความเชื่อมั่นสังคมโลกต่อประเทศไทย ถูกกระทบอย่างรุนแรง เพราะในขณะเดียวกันผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองฉุดรายได้จากภาคท่องเที่ยวของไทยลดลงมากจากปัญหาทางการเมือง ดังนั้นสถานการณ์ทางการเมืองจึงส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้