การสูญเสียความความหลากหลายทางชีวภาพ
นักชีววิทยาได้เห็นพ้องต้องกันว่า โลกกำลังสูญเสียสัตว์และพืชในป่าเขตร้อน อย่างน้อย 27,000 ชนิดต่อปี นอกจากในป่าเขตร้อนแล้ว ความหลากหลายทางชีวภาพ ในระบบนิเวศอื่นๆ กำลังลดลงเช่นกัน อาทิเช่น ในแนวปะการัง พื้นที่ชุ่ม บนเกาะ และบนภูเขา แม้ว่าจำนวนชนิดพันธุ์ที่สูญหายไปในระบบนิเวศนี้รวมกันแล้วยังเทียบไม่ได้กับจำนวนชนิดพันธุ์ที่สูญหายไปในป่าเขตร้อนก็ตาม
เมื่อทำการประเมินระบบนิเวศทั้งหมดแล้ว ปรากฎว่า ในปัจจุบันสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในโลกได้สูญพันธุ์ไป ด้วยอัตรา มากกว่า 30,000 ชนิดต่อปี จากหลักฐานพบว่า ในก่อนที่มนุษย์จะถือกำเนิด อัตรา การสูญพันธุ์มีเพียง 1 ชนิดเท่านั้น ที่สูญพันธุ์ในระยะเวลา 4 ปี ดังนั้น อัตราปัจจุบันจึงสูงกว่าในยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึง 120,000 เท่า นักชีววิทยาคาดว่าในอนาคต หากปราศจากซึ่งความพยายามอย่างใหญ่หลวง ในการอนุรักษ์โลกจะสูญเสียร้อยละ 20 ของชนิดพันธุ์ ที่มีอยู่ในปัจจุบันไปในเวลา 30 ปี และร้อยละ 50 ของชนิดพันธุ์ ภายในสิ้นศตวรรษหน้า
แม้ว่าการสูญพันธุ์เป็นวัฏจักรของธรรมชาติ แต่การสูญพันธุ์ด้วยอัตราเร่งอย่างเป็นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นปรากฏการณ์นอกเหนือธรรมชาติ ซึ่งได้แสดงเห็นว่า โลกกำลังเผชิญหน้ากับความหายนะที่กำลังคืบคลานสู่ทุกชีวิตบนพื้นพิภพนี้ สำหรับมวลมนุษย์ชาติการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพมีความหมายมากกว่าการดำรงรักษาชนิดพันธุ์หนึ่งชนิดใดไว้มากกว่า การดำรงรักษาระบบนิเวศประเภทหนึ่งประเภทใด เพราะนอกเหนือไปจากนั้น มนุษย์ต้องการดำรงรักษาแหล่งอาหาร แหล่งยารักษาโรค แหล่งวัสดุใช้สอย ฯลฯ เพื่อความอยู่รอดของตนเองและอนาคตของชนรุ่นหลัง
สาเหตุของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
สาเหตุของการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย ได้แก่ การนำมาใช้ประโยชน์มากเกินไป การค้าขายสัตว์และพืชป่าแบบผิดกฎหมาย การรบกวนแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ และการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย แม้ว่าทรัพยากรชีวภาพเป็นทรัพยากรที่เกิดทดแทนได้ หมายถึง สามารถสืบพันธุ์ได้โดยธรรมชาติเอื้ออำนวยให้มนุษย์ได้เก็บเกี่ยวนำไปใช้ประโยชน์ แต่ทว่าในอดีตการล่าสัตว์มากเกินไป ส่งผลให้ประชากรและชนิดของสัตว์ป่าลดลง
การล่าสัตว์ได้ทำให้สัตว์เฉพาะถิ่นหลายชนิดสูญพันธุ์ เช่น สมัน ซึ่งอาศัยในป่าดงดิบที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อสัตว์เฉพาะถิ่นเกิดการสูญพันธุ์ นั่นคือ การสูญพันธุ์ไปจากโลกด้วย
การคุกคามที่มีความรุนแรงที่สุดต่อการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แก่ รบกวนสภาพที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ ทั้งดิบชื้นและชายเลน การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและเขื่อนพลังนี้ ความเป็นเมือง การท่องเที่ยว และภาวะมลพิษล้วนแต่ก่อให้เกิดการลดลงของจำนวนประชากรต่างๆ
การตัดฟันไม้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ โดยลดจำนวนไม้ยืนต้นลงและทำให้โครงสร้างเปลี่ยนแปลงไป ไม้ใหญ่ในป่าให้อาหาร และให้ที่อยู่แก่สัตว์ป่า ไม้ใหญ่หลายๆ ต้นควบคุมโครงสร้างของป่าและสภาพภูมิอากาศในระบบนิเวศ การตัดไม้และเก็บเกี่ยวซากไม้เป็นผลให้ความหลากหลายของชนิดพันธุ์ในป่าลดลงด้วย ซึ่งรวมถึงจุลินทรีย์ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังของพืชสมุนไพร
อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
ในปี พ.ศ.2530 สหพันธ์อนุรักษ์ธรรมชาติแห่งโลก ได้ยกร่างสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on biological diversity - CBD) ขึ้น ทั้งนี้ เพื่อวางมาตรการต่างๆ ในการคุ้มครองสิ่งมีชีวิตและถิ่นที่อยู่ที่หลากหลาย รวมถึงวางมาตรการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์
ในอนุสัญญา ได้มีผลบังคับใช้เป็นระเบียบนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นภาคีสมาชิก เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2536 ถือว่าเป็นอนุสัญญานานาชาติฉบับแรกที่ครอบคลุมการอนุรักษ์ อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ได้รับการลงสัตยาบันจากนานาประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมิได้ลงสัตยาบันต่ออนุสัญญาฉบับนี้เพียงได้ลงนามรับรองไว้ตั้งแต่ปี 2535
อนุสัญญา มีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ 1.อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ 2. ใช้ประโยชน์องค์ประกอบของความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน 3. แบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม
เนื้อหาของอนุสัญญา ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ มีลักษณะเป็นกรอบนโยบายที่กว้างซึ่งในการดำเนินงาน แต่ละประเทศจะต้องจัดทำนโยบายมาตรการและแผนการดำเนินงานขึ้นเอง ดังนั้น อนุสัญญา จึงได้เตรียมกลไกการเงิน คือ กองทุนสิ่งแวดล้อมโลกไว้สนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวฃองประเทศกำลังพัฒนา