ฝนเทียม1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม การท

ฝนเทียม
1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม
การทำฝนเทียม ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม ฝนหลวง ซึ่งเป็นกรรมวิธีในการสร้างฝนจริงๆ โดยอาศัยไอน้ำที่อยู่ในบรรยากาศ คือก้อนเมฆ ซึ่งในหน้าแล้งมักจะลอยผ่านพื้นที่ที่แห้งแล้งไป โดยไม่กลายเป็นน้ำฝน การสร้างฝนจึงต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และแปลงเป็นเทคนิคโดยอาศัยเทคโนโลยีการบิน เป็นเครื่องมือสร้างความเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ สร้างก้อนเมฆให้โตขึ้น สร้างสถานการณที่ทำให้เกิดลม ที่ช่วยลดระดับของก้อนเมฆที่โตขึ้น จนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำฝน ตกลงบนพื้นที่เป้าหมายได้สำเร็จ
วิทยาศาสตร์ดังกล่าวนี้ ต้องเกิดจาก กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ การสังเกต บันทึก วิเคราะห์เพื่อสร้างสมมุติฐาน ตั้งทฤษฎี และทำการทดลอง จนเกิดความเข้าใจทั้งหมด จากนั้นจึงนำวิทยาศาสตร์ที่เป็นความรู้ใหม่ ไปประยุกต์ใช้เพื่อพิสูจน์ ทำฝนขึ้นมาได้จริงๆการพิสูจน์ดังกล่าว ได้เกิดขึ้นต่อหน้ากลุ่มบุคคล ที่สำคัญทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ
2.กรรมวิธีในการทำฝนเทียม
2.1.การทำฝนเทียมในเขตอบอุ่นซึ่งมีเมฆที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า0องศาเซลเซียส
การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆเย็น จะทำให้เมื่อยอดเมฆสูงเฉลี่ย 21,500 ฟุต หรือประมาณ 6,450 เมตรมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เป็นแบบเมฆคิวมูลัส (Cumulus) จะเกิดเฉพาะช่วงต้นและปลายฤดูฝน การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้ใช้โปรยหรือหว่านเม็ดน้ำแข็งแห้งเล็กๆ (dry ice) หรือ ซิลเวอร์ไอโอไดด์ ( silver iodide) จะเกิดปฏิกิริยาที่เร่งเร้าให้เม็ดน้ำเย็นยิ่งยวดเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นผลึกหรือเกล็ดน้ำแข็งทันทีแล้วคลายความร้อนแฝงออกมา พลังงานความร้อนดังกล่าวทำให้มวลอากาศภายในก้อนเมฆลอยตัวขึ้นเบื้องบนมีผลทำให้เกิดแรงดึงดูดใต้ฐานเมฆ ซึ่งจะดูดเอาความชื้นเข้ามาหล่อเลี้ยงทำให้ก้อนเมฆเจริญเติบโตและมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันแรงยกตัวจะหอบเอาเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆขึ้นไปข้างบนทำให้เกล็ดน้ำแข็งเหล่นี้มีขนาดใหญ่ขึ้นพอมีน้ำหนักมากกว่าที่แรงยกตัวจะพยุงไว้ได้ก็ตกลงมา จนผ่านชั้นอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆก้อนน้ำแข็งจะละลายกลายเป็นฝน
2.2.การทำฝนเทียมในเขตร้อนซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส
การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆอุ่น มีลักษณะของก้อนเมฆก่อตัวขึ้นเป็นแนวตั้งฉากเป็นเมฆคิวเมฆคิวมูลัส (cumulus) ซึ่งสังเกตได้จากกลุ่มเมฆจะมีลักษณะฐานเมฆสีดำ ก้อนเมฆก่อตัวขั้นคล้ายดอกกะหล่ำปีอยู่ที่ระดับความสูงของฐานเมฆไม่เกิน 16,000 ฟุต มีอุณหภูมิภายในก้อนเมฆสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้จะใช้สารเคมีเพื่อกระตุ้นให้เดกระบวนการชนและรวมตัวกันของเม็ดเมฆขนาดต่างๆ
3.ขั้นตอนการทำฝนเทียม
การทำฝนเทียมประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ก่อกวน ( Triggering )
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศด้วยการก่อกวนสมดุลย์ (Equilibrium) หรือ เสถียรภาพ (Stability) ของมวลอากาศเป็นแห่งๆโดยการโปรยสารเคมีประเภท คายความร้อน ( Exothermic chemical) ในท้องฟ้าที่ระดับของฐานเมฆในแต่ละวัน และโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อน (Endothermic chemicals) ที่ระดับสูงกว่า 2,000-3,000 ฟุต ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เกิดเมฆเร็วขึ้น และปริมาณมากกว่าที่เกิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเริ่มก่อกวนในช่วงเวลาเช้าทางด้านเหนือลมของพื้นที่ เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ในแต่ละวัน
ขั้นที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน (Fatten)
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศและก้อนเมฆด้วยการกระตุ้นหรือเร่งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆที่ก่อตัวแล้ว ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทางฐานเมฆและยอดเมฆ ให้ขนาดหยดน้ำใหญ่ขึ้น และปริมาณน้ำในก้อนเมฆมากขึ้น และหนาแน่นเกินกว่าที่จะปล่อยให้เจริญเองตามธรรมชาติ ด้วยการโปรยสารเคมีประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงที่ระดับฐานเมฆหรือยอดเมฆโดยบินโปรยสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆโดยตรงหรือโปรยรอบๆ และระหว่างช่องว่างของก้อนเมฆทางด้านหรือลมให้กระแสลมพัดพาสาเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆ หรือโปรยสารเคมีประเภทคายความร้อนสลับสารเคมีประเภทคายความเย็นในอัตราส่วน 1:4 ทับยอดเมฆทั่วบริเวณที่มีความหนา 2,000-3,000 ฟุต ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หรือบริเวณพื้นที่ใต้ลมของบริเวณที่เริ่มต้นก่อกวน ทั้งนี้สุดแล้วแต่สภาพของเครื่องบิน ภูมิประเทศ และขณะอากาศขณะนั้นจะอำนวยให้
ขั้นที่ 3 โจมตี (Attack)
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศในก้อนเมฆโดยตรงหรือบริเวณใต้ฐานเมฆ หรือบริเวณที่ต้องการ ชักนำเมฆฝนที่ตกอยู่แล้วเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ที่ต้องการ เป็นการบังคับหรือเหนี่ยวนำให้เมฆที่แก่ตัวจัดแล้วตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ โดยใช้เครื่องบิน บินโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเข้าไปโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือยอดเมฆ หรือที่ระดับระหว่างฐานเมฆและยอดเมฆ ชิดขอบเมฆทางด้านเหนือลมหรือใช้เครื่องบิน 2 เครื่องโปรยพร้อมกันแบบแซนด์วิช (Sandwich) เครื่องหนึ่งโปรยที่ฐานเมฆใต้ลม อีกเครื่องโปรยด้านเหนือชิดลมขอบเมฆที่ระดับยอดเมฆหรือไหล่เมฆ เครื่องบินทั้งสองทุมเยื้องกัน 45 องศา หรือโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนที่ระดับต่ำกว่าฐานเมฆ ไม่น้อยกว่า 1,000ฟุต หรือสร้างจุดเย็นด้วยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเป็นบริเวณแคบในบริเวณที่เป้าหมายหวังผล เพื่อเหนี่ยวนำให้ฝนที่กำลังตกอยู่เคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณที่ต้องการนั้น
4.สารเคมีที่ใช้ในการทำฝนเทียม
4.1.สารเคมีประเภทคายความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น (Exothermic chemical)ปัจจุบันมีใช้ในการทำฝนเทียมในประเทศไทย 3ชนิด คือ
4.1.1.แคลเซียมคาร์บอน (Calcium carbide ; CaC2)
4.1.2.แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium Chloride ; CaCl2)
4.1.3. แคลเซียมออกไซด์ ( Calcium oxide ; CaO)
4.2.สารเคมีประเภทดูดกลืนความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิต่ำขึ้น (Endothermic chemical)ปัจจุบัน
มีใช้ในการทำฝนเทียม 3ชนิด คือ
4.2.1. ยูเรีย ( Urea ;Co()NH2)2)
4.2.2.น้ำแข็งแห้ง (Dry ice ; Co2(s))
4.2.3. แอมโมเนียไนเทรต ( Ammoniumnitrate ; NH4NO3)
4.3.สารเคมีที่ทำหน้าที่ดูดซับความชื้นประการเดียว ได้แก่ เกลือ
5.ประโยชน์ของการทำฝนเทียม
5.1.เพื่อการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้ง ช่วยเพิ่มปริมาณให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆที่มีปริมาณน้ำลดลง
5.2.เพื่ออุปโภคบริโภค
5.3.เสริมเส้นทางคมนาคมทางน้ำ
5.4.ป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม
5.5.เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
5.6.ความสำเร็จการยอมรับและการทำฝนเทียมในอนาคต

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Artificial rain.1. about making artificial rain. Artificial rain-making at all well known names. The rain which is a method to create the rain really steam that is based in the cloud, which is often dry, floating through the arid areas to. Without becoming rain Creating rain requires scientific knowledge and convert it into a technique based on the technology are instruments to create a change in nature. Creating clouds, grow up. Leave the place, causing the wind to reduce the level of clouds that grow as rain water droplets condensing on the target area. Science, it must be caused by the process of science is observation record analysis to create sommutithan. Set theory and experiment until you do understand all the science that is then taken to apply new knowledge to prove make the rain come up really to prove it happened in front of a group of important people both at home and from abroad. 2. the processes for making artificial rain. 2.1. to make artificial rain in the khetopun, which has a lower-temperature clouds 0° c. การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆเย็น จะทำให้เมื่อยอดเมฆสูงเฉลี่ย 21,500 ฟุต หรือประมาณ 6,450 เมตรมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เป็นแบบเมฆคิวมูลัส (Cumulus) จะเกิดเฉพาะช่วงต้นและปลายฤดูฝน การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้ใช้โปรยหรือหว่านเม็ดน้ำแข็งแห้งเล็กๆ (dry ice) หรือ ซิลเวอร์ไอโอไดด์ ( silver iodide) จะเกิดปฏิกิริยาที่เร่งเร้าให้เม็ดน้ำเย็นยิ่งยวดเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นผลึกหรือเกล็ดน้ำแข็งทันทีแล้วคลายความร้อนแฝงออกมา พลังงานความร้อนดังกล่าวทำให้มวลอากาศภายในก้อนเมฆลอยตัวขึ้นเบื้องบนมีผลทำให้เกิดแรงดึงดูดใต้ฐานเมฆ ซึ่งจะดูดเอาความชื้นเข้ามาหล่อเลี้ยงทำให้ก้อนเมฆเจริญเติบโตและมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันแรงยกตัวจะหอบเอาเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆขึ้นไปข้างบนทำให้เกล็ดน้ำแข็งเหล่นี้มีขนาดใหญ่ขึ้นพอมีน้ำหนักมากกว่าที่แรงยกตัวจะพยุงไว้ได้ก็ตกลงมา จนผ่านชั้นอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆก้อนน้ำแข็งจะละลายกลายเป็นฝน 2.2. to make artificial rain in the tropics, where there is a temperature higher than 0° c. Making artificial rain, this is also known as the rain clouds do warm looks of clouds forming as the vertical cloud cloud of the queue q is scene Mu lat. (Cumulus) clouds are observed from the characteristics of black cloud base. Cloud formation stages like cauliflower last year stood at cloud base height cannot exceed 16000 ft internal temperature higher than 0° c clouds. To make artificial rain in the clouds they use chemicals to stimulate, dek and routes of various size cloud tablets.3. the process of making artificial rain.Artificial rain-making consists of 3 steps. Is as follows:ขั้นที่ 1 ก่อกวน ( Triggering ) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศด้วยการก่อกวนสมดุลย์ (Equilibrium) หรือ เสถียรภาพ (Stability) ของมวลอากาศเป็นแห่งๆโดยการโปรยสารเคมีประเภท คายความร้อน ( Exothermic chemical) ในท้องฟ้าที่ระดับของฐานเมฆในแต่ละวัน และโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อน (Endothermic chemicals) ที่ระดับสูงกว่า 2,000-3,000 ฟุต ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เกิดเมฆเร็วขึ้น และปริมาณมากกว่าที่เกิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเริ่มก่อกวนในช่วงเวลาเช้าทางด้านเหนือลมของพื้นที่ เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ในแต่ละวันขั้นที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน (Fatten) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศและก้อนเมฆด้วยการกระตุ้นหรือเร่งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆที่ก่อตัวแล้ว ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทางฐานเมฆและยอดเมฆ ให้ขนาดหยดน้ำใหญ่ขึ้น และปริมาณน้ำในก้อนเมฆมากขึ้น และหนาแน่นเกินกว่าที่จะปล่อยให้เจริญเองตามธรรมชาติ ด้วยการโปรยสารเคมีประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงที่ระดับฐานเมฆหรือยอดเมฆโดยบินโปรยสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆโดยตรงหรือโปรยรอบๆ และระหว่างช่องว่างของก้อนเมฆทางด้านหรือลมให้กระแสลมพัดพาสาเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆ หรือโปรยสารเคมีประเภทคายความร้อนสลับสารเคมีประเภทคายความเย็นในอัตราส่วน 1:4 ทับยอดเมฆทั่วบริเวณที่มีความหนา 2,000-3,000 ฟุต ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หรือบริเวณพื้นที่ใต้ลมของบริเวณที่เริ่มต้นก่อกวน ทั้งนี้สุดแล้วแต่สภาพของเครื่องบิน ภูมิประเทศ และขณะอากาศขณะนั้นจะอำนวยให้ขั้นที่ 3 โจมตี (Attack) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศในก้อนเมฆโดยตรงหรือบริเวณใต้ฐานเมฆ หรือบริเวณที่ต้องการ ชักนำเมฆฝนที่ตกอยู่แล้วเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ที่ต้องการ เป็นการบังคับหรือเหนี่ยวนำให้เมฆที่แก่ตัวจัดแล้วตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ โดยใช้เครื่องบิน บินโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเข้าไปโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือยอดเมฆ หรือที่ระดับระหว่างฐานเมฆและยอดเมฆ ชิดขอบเมฆทางด้านเหนือลมหรือใช้เครื่องบิน 2 เครื่องโปรยพร้อมกันแบบแซนด์วิช (Sandwich) เครื่องหนึ่งโปรยที่ฐานเมฆใต้ลม อีกเครื่องโปรยด้านเหนือชิดลมขอบเมฆที่ระดับยอดเมฆหรือไหล่เมฆ เครื่องบินทั้งสองทุมเยื้องกัน 45 องศา หรือโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนที่ระดับต่ำกว่าฐานเมฆ ไม่น้อยกว่า 1,000ฟุต หรือสร้างจุดเย็นด้วยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเป็นบริเวณแคบในบริเวณที่เป้าหมายหวังผล เพื่อเหนี่ยวนำให้ฝนที่กำลังตกอยู่เคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณที่ต้องการนั้น4.สารเคมีที่ใช้ในการทำฝนเทียม4.1.สารเคมีประเภทคายความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น (Exothermic chemical)ปัจจุบันมีใช้ในการทำฝนเทียมในประเทศไทย 3ชนิด คือ 4.1.1.แคลเซียมคาร์บอน (Calcium carbide ; CaC2) 4.1.2.แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium Chloride ; CaCl2) 4.1.3. แคลเซียมออกไซด์ ( Calcium oxide ; CaO)4.2.สารเคมีประเภทดูดกลืนความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิต่ำขึ้น (Endothermic chemical)ปัจจุบันมีใช้ในการทำฝนเทียม 3ชนิด คือ 4.2.1. ยูเรีย ( Urea ;Co()NH2)2) 4.2.2.น้ำแข็งแห้ง (Dry ice ; Co2(s)) 4.2.3. แอมโมเนียไนเทรต ( Ammoniumnitrate ; NH4NO3)4.3.สารเคมีที่ทำหน้าที่ดูดซับความชื้นประการเดียว ได้แก่ เกลือ5.ประโยชน์ของการทำฝนเทียม5.1.เพื่อการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้ง ช่วยเพิ่มปริมาณให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆที่มีปริมาณน้ำลดลง5.2.เพื่ออุปโภคบริโภค5.3.เสริมเส้นทางคมนาคมทางน้ำ5.4.ป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม5.5.เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า5.6.ความสำเร็จการยอมรับและการทำฝนเทียมในอนาคต

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Artificial
rainmaking 1. About
rainmaking. All well known in the rain, the methods of the rain really. By water vapor clouds in the atmosphere is in the dry season, which usually fly through the area to dry. Without becoming rain Rain requires the creation of scientific knowledge. And conversion techniques using aerospace technology. An instrument of change in nature. Create clouds to grow Create situations that cause fainting. The levels of the clouds grow. The condensation water. Agreed on a target has been achieved
such scientific needs of the scientific process is to analyze the records to the theory and hypothesis testing. I understand all Then, the science that is new knowledge. Application for accreditation The rain made ​​it really proved it. It happened in front of a group of persons The locally And from abroad
2. The process of rainmaking
2.1. rainmaking clouds in the temperate zone, which has a temperature below 0 degrees Celsius
rainmaking is referred to as the rain clouds and cold. When will cloud 21,500 feet or 6,450 meters high average temperatures below 0 ° C, a cumulus cloud (Cumulus) is only the beginning and end of the rainy season. Rainmaking clouds This type of scattering or sowing pellet small (dry ice) or silver iodide (silver iodide) to the reaction urging grain cold superconducting transition from liquid crystals or frost immediately. Loosen the heat out Such thermal mass within a cloud floating up above the cloud base results in gravity. It absorbs moisture to sustain growth, and make clouds, rainfall increases the lifting force to carry out the ice crystals small upward, making these ice crystals large enough weight. more lifting force will support them if they fall. The last layer of air at temperatures up ice cubes to melt into rain
. 2.2 rainmaking tropical temperatures above 0 ° C
rainmaking is referred to as the warm rain clouds. With the appearance of clouds formed perpendicular queue cloud clouds cumulus (cumulus) is distinguishable from the clouds will look black cloud base. Cloud formation process resembles cauliflower year at the height of the cloud base up to 16,000 feet, the temperature in the clouds above 0 degrees Celsius rainmaking clouds of this type are used chemicals to induce de process collided and merged. A cloud of tablets in different sizes
3. rainmaking
rainmaking comprises three steps:
Step 1 sorties (Triggering)
as modified by disruptive climate balance. (Equilibrium) or stability (Stability) of the air mass is dry by spraying chemical exothermic (Exothermic chemical) levels of the clouds in the sky each day. And spraying chemical heat (Endothermic chemicals) at levels above 2,000-3,000 feet in order to contribute to the cloud faster. And larger than that which occurs naturally. The harassment began in the morning on the windward side of the area. The planned profit targets set for each day
Step 2 fatten. (Fatten)
as modified by weather and clouds induce or accelerate the growth of cloud formations ago. The larger the cloud base and cloud top. For larger water droplets Water in cloudy and pack up. And denser than to let it grow naturally. By sprinkling chemical that absorbs moisture when the temperature drops to a level that makes the cloud or cloud top flight by sprinkling chemicals into clouds or scattered around. And gaps between the clouds or wind gusts can blow chemicals into the clouds. Or spraying chemical exothermic chemical switch exude coolness in the ratio 1: 4 over the entire area with a thick cloud covered a wide area of 2,000-3,000 feet. Or areas downwind of the area where the initial perturbation. However, depending on the terrain and the weather condition of the aircraft as it will facilitate
Stage 3 attack (Attack)
to modify the weather, clouds or below the cloud base. To targeted areas Induced precipitation that falls and then moves into the desired area. Forced or induced clouds against the rain and went into the goal area hope that the plans. By plane Flying sprinkling chemical heat directly into the cloud, or cloud or between cloud base and cloud top level. The northern edge of the cloud and use of two aircraft simultaneously sprinkler sandwich (Sandwich), one drop at the leeward cloud base. Another sprinkler Chidlom northern edge or shoulder cloud cloud cloud top level. Both aircraft O. opposite 45-degree heat or chemical spraying at a level below the cloud base of at least 1,000 feet or cold spots with chemical heat a small area in the vicinity of the target profit. To induce rain that is falling moved into the area to
4. rainmaking chemicals used in
4.1. chemical exothermic temperature or higher (Exothermic chemical) are currently used to make artificial rain. in three types:
4.1.1. calcium carbonate (Calcium carbide; CaC2)
4.1.2. Calcium chloride (Calcium Chloride; CaCl2)
4.1.3. of calcium oxide (Calcium oxide; CaO)
4.2. chemical absorption heat or low-temperature (Endothermic chemical) is currently
available in three types of rainmaking
4.2.1. Urea (Urea; Co () NH2) 2)
4.2.2. . Dry ice (Dry Ice; Co2 (s))
4.2.3. Ammonium nitrate (Ammoniumnitrate; NH4NO3)
4.3. chemicals that absorb moisture and salt sole
5. Benefits of rainmaking
5.1. for agriculture. Solve the problem of water shortage during a drought. Increases to the lowlands the water of the rivers are depleted
. 5.2 Consumer
5.3. Extra transport water
5.4. Prevention and treatment of pollution of the environment
5.5. increasing the amount of water to produce a stream. Power
5.6. The recognition and rainmaking in the future.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Artificial rain

. 1 on cloud seeding.Cloud seeding, all well known hypertrophic obstructive cardiomyopathy, which is a process to create rain. The steam in the atmosphere, clouds, which is in the dry season, often floating through space that drought, without becoming rain.Converter technique and by using aviation technology. A change in nature, create clouds to grow up, create the situation ที่ทำให้เกิด wind. To help reduce the level of the clouds that grew to condense as raindrops.This must be the science scientific process observation, record, analysis, to build a hypothesis, the theory. The experiment was to understand all. Then the science is new.Rainmaking up really proved them. It happened in front of a group of people is important both in domestic and overseas
.2 process in cloud seeding
. 2.1. Cloud seeding in warm zone, which has a cloud with lower temperature 0 C
. Cloud seeding this call another thing that cloud rainmaking cold. To make strain had high clouds, the average 21 500 feet, or about 6450 meters have a lower temperature 0 C a cumulus cloud (Cumulus) is only born early and late rainy season. Cloud seeding in cloud types used in dry ice or sow grain small (dry ice) or silver iodide and (silver iodide).