ประวัติความเป็นมาของเทียนพรรษาเมืองอุบลฯพรรษา คือ ช่วงระยะเวลา 3 เดือน การแปล - ประวัติความเป็นมาของเทียนพรรษาเมืองอุบลฯพรรษา คือ ช่วงระยะเวลา 3 เดือน อังกฤษ วิธีการพูด

ประวัติความเป็นมาของเทียนพรรษาเมือง

ประวัติความเป็นมาของเทียนพรรษาเมืองอุบลฯ
พรรษา คือ ช่วงระยะเวลา 3 เดือนในฤดูฝนที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องปฏิบัติธรรมอยู่วัดใดวัดหนึ่งโดยตลอดจะไปค้างคืนที่วัดอื่นไม่ได้ ข้อห้ามที่ให้พระอยู่วัดใดวัดหนึ่งตลอด 3 เดือนนี้ เพราะฤดูฝนเป็นฤดูเพาะปลูก ข้าวกล้าพืชผลของชาวบ้านกำลังเขียวขจี ถ้าพระออกเดินทางในฤดูนี้จะไปเหยียบย่ำข้าวกล้าพืชผลของชาวบ้านเสียหายได้ พระพุทธเจ้าจึงได้บัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์หยุดเข้าพรรษาหรือหยุดพักฝน 3 เดือนไม่ให้จาริกเดินทางไปค้างคืนที่อื่นๆ (เข้าพรรษาแปลว่าพักฝน) การเข้าพรรษาจึงมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลหรือตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า
วันเข้าพรรษา คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติหรืออยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมแล้วนับไปอีก 3 เดือนก็จะเป็นวันออกพรรษา ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรืออยู่ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี เมื่อพระต้องหยุดพักฝนหรือหยุดเข้าพรรษาทำให้พระมีเวลาศึกษาหาความรู้โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ เวลาอ่านหนังสือให้เข้าใจและจดจำได้ดีที่สุดคือเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่เงียบสงบทำสมาธิได้ง่าย ในสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าเวลาพระจะอ่านหนังสือจึงจุดเทียน เมื่อชาวบ้านทราบจึงทำเทียนไปถวายพระ โดยเฉพาะการถวายในวันเข้าพรรษา ซึ่งถือว่าได้บุญกุศลมากยิ่งนัก นั่นคือจะทำให้ชีวิตของผู้ถวายมีความสุขสบาย สว่างไสว ไม่มืดมน หรืออีกนัยหนึ่งเป็นผู้มีปัญญา มีความรู้ เฉลียวฉลาดนั่นเอง ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Bright การถวายเทียนแด่พระในวันเข้าพรรษาจึงเป็นประเพณีของชาวพุทธมาแต่โบราณกาลนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในปัจจุบันชาวบ้านสมัยใหม่จะนิยมถวายหลอดไฟฟ้าแทน เพราะมีความสว่างมากกว่าเทียน ใช้งานง่าย สะดวก และได้บุญกุศลมากเช่นกัน
ชาวอุบลฯ ก็เหมือนกับชาวพุทธทั่วไป เมื่อถึงวันเข้าพรรษาก็จะนำเทียนไปถวายพระ ในสมัยก่อนยังไม่มีเทียนสำเร็จรูปขาย ชาวบ้านจะใช้ขี้ผึ้งซึ่งได้จากรังผึ้งมาต้มให้ละลายแล้วเอาฝ้ายที่จะทำเป็นไส้เทียนจุ่มลงไปในน้ำผึ้งที่ละลายนั้น ปล่อยให้เย็นพอที่จะเอามือคลึงให้ขี้ผึ้งโอบล้อมไส้เทียนให้เต็ม (วิธีการแบบนี้ชาวอุบลฯ เรียกว่า “ฟั่นเทียน”) จากนั้นนำมาตัดตามขนาดที่ต้องการ เสร็จเรียบร้อยก็จะเป็นเทียนที่พร้อมนำไปถวายพระได้
การนำเทียนไปถวายพระของชาวอุบลฯ ในสมัยก่อน ไม่ได้มีการแห่แหนหรือการประกวดประชันกันอย่างทุกวันนี้ เป็นแต่เพียงการถวายเทียนพร้อมกับเครื่องไทยธรรมไทยทานอื่นๆ รับศีลรับพรจากพระ

แล้วก็กลับบ้าน สาเหตุที่การถวายเทียนจะต้องมีการแห่แหนและมีการประกวดประชันอย่างทุกวันนี้ เล่ากันว่าเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นข้าหลวงใหญ่มาปกครองมณฑลลาวกาว ซึ่งมีที่ตั้งมณฑลอยู่ที่เมืองอุบลฯ ได้เห็นการบาดเจ็บล้มตายของชาวบ้านจากงานประเพณีบุญบั้งไฟ ซึ่งมีทั้งบาดเจ็บล้มตายเพราะบั้งไฟระเบิดหรือตกใส่บ้านเรือน หรือบาดเจ็บล้มตายเพราะการทะเลาะวิวาทตีรันฟันแทงเพราะความเมามายในสุรา หรือบางครั้งเพราะการละเล่นโคลนตมที่สนุกสนานเกินเลย หรือการละเล่นตุ๊กตาไม้ในท่าทางร่วมเพศตามแบบฉบับของงานบุญบั้งไฟ เรื่องต่างๆ เหล่านี้พระองค์ท่านทรงเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม จึงให้ยกเลิกการจัดงานบุญบั้งไฟและให้เปลี่ยนเป็นการแห่เทียนพรรษาแล้วนำไปถวายพระแทน


เทียนพรรษา ในสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์นั้นจะเป็นการทำเทียนร่วมกันของชาวบ้านในแต่ละคุ้ม (คุ้ม คือ กลุ่มชุมชนเล็กๆ ของชุมชนใหญ่ ในแต่ละหมู่บ้านจะมีหลายคุ้ม) โดยการนำขี้ผึ้งมารวมกัน ต้มให้ละลายแล้วเทใส่เบ้าหลอม ตกแต่งให้สวยงามแล้วใส่คานหามหรือบรรทุกใส่เกวียน นำเข้าขบวนแล้วแห่ไปรวมกันที่หน้าศาลากลางมณฑล เมื่อทุกคุ้มมารวมพร้อมกันแล้ว พระองค์จะประทานรางวัลให้กับคุ้มที่ทำต้นเทียนได้สวยงาม เสร็จแล้วจะให้จับฉลากว่าคุ้มไหนจะถวายเทียนวัดอะไร เมื่อรู้ว่าจะไปถวายวัดอะไรแล้วแต่ละคุ้มก็จะแห่แหนไปถวายวัดนั้น การแห่เทียนพรรษาจึงเริ่มมีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

การทำเทียนพรรษาของชาวบ้านแต่ละคุ้มในระยะแรกนี้ จะเป็นเทียนที่สามารถจุดใช้งานได้จริง มีขนาดเท่ากับต้นไผ่ (เพราะใช้ต้นไผ่เป็นเบ้าหลอม) บางคุ้มก็จะเท่ากับต้นกล้วย แล้วแต่ว่าคุ้มไหนจะหาเบ้าหลอมและหาขี้ผึ้งได้มากน้อยแค่ไหน ผิวต้นเทียนจะเรียบมันไม่มีลวดลาย แต่จะแต่งต้นเทียนโดยใช้กระดาษสีตัดเป็นเส้นหรือเป็นลวดลาย แล้วนำมาพันรอบต้นเทียนหรือติดกับต้นเทียนเป็นกลุ่มลวดลายต่างๆ บางคุ้มก็จะใช้วิธีนำเทียนเล่มเล็กๆ มามัดรวมกันให้เป็นเทียนต้นใหญ่ หรือบางครั้งประหยัดเงินค่าเทียนก็จะใช้ไม้กลมๆ หรือไม้เสาทำเป็นแกนแล้วนำเทียนมัดรอบแกนเสา ตกแต่งด้วยกระดาษเพื่อไม่ให้เห็นเชือกที่มัด (วิธีนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีเทียนสมัยใหม่และมีขายทั่วไปแล้ว จึงเป็นการประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องต้มขี้ผึ้ง)
เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีประกอบกับมีการแข่งขันให้รางวัล คุ้มที่ตกแต่งต้นเทียนได้สวยงามแปลกแตกต่างไปจากต้นเทียนคุ้มอื่น จึงมักจะได้รับรางวัลชนะเลิศอยู่เสมอ การประดับตกแต่งต้นเทียนแบบใหม่ๆ จึงเกิดขึ้น นั่นคือจากเดิมที่ใช้กระดาษติดเป็นลวดลายต่างๆ ก็เปลี่ยนเป็นการใช้ขี้ผึ้งหล่อลวดลายจากแบบพิมพ์ก่อนแล้วจึงนำไปติดที่ต้นเทียน ซึ่งจะทำให้ต้นเทียนมีความสวยงามกว่าติดด้วยกระดาษ ต้นเทียนคุ้มที่ตกแต่งแบบนี้จึงมักจะได้รับรางวัลชนะเลิศอยู่เสมอๆ เช่นเดิม เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี การตกแต่งแบบติดพิมพ์ด้วยเทียนก็ซ้ำซากจำเจ คุ้มที่อยากชนะจึงต้องหาวิธีตกแต่งต้นเทียนที่แปลกแตกต่างออกไป การแกะสลักลงไปในเนื้อต้นเทียนให้เป็นรูปและลวดลายต่างๆ จึงเกิดขึ้น และคุ้มที่จัดทำแบบนี้ก็ได้รับชัยชนะ เมื่อการตกแต่งต้นเทียนให้สวยงามมีวิธีการแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการแบ่งประเภทต้นเทียนและให้มีรางวัลชนะเลิศแต่ละประเภทเกิดขึ้น ต้นเทียนในเวลาต่อมาจึงมีสองแบบ คือ แบบติดพิมพ์และแบบแกะสลัก






อย่างไรก็ตามทั้งสองแบบก็ยังเป็นแต่เพียงต้นเทียนอย่างเดียว ไม่มีองค์ประกอบอื่นมากมายนัก โดยเฉพาะฐานต้นเทียนก็เป็นฐานที่ทำขึ้นเพื่อไม่ให้ต้นเทียนล้มเท่านั้น คุ้มที่อยากชนะจึงต้องหาวิธีตกแต่งที่แตกต่างออกไปอีกเช่นเดิม ด้วยเหตุนี้การตกแต่งฐานต้นเทียนให
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
The history of the city of ubon candle waxThe end is the 3-month period during which monks are required to perform any one of the metric measurements are always going to overnight at another was not. Restrictions, which measure one Lord are measured at all 3 months because the rainy season planting crops of the villagers are khaokla Green. If the monks departed for this season will go on crops of the villagers, khaokla. The Buddha law, monks have been lent, or rain break stopped for 3 months, no pilgrimage trips to overnight at the other (which lent a rain room). The lent is coming from or from the era of the Buddha. Buddhist lent day is day 8 lunar month according to the lunar calendar, or in July, and then another 3 months, it will be counted as Buddhist lent, which corresponds to 11 or 15 month's day in October of every year. When the rain Lord must break or stop working, have lent their time for education, especially reading. Time to read a book to understand and recognize the best night time during which there is a quiet meditation is easy. In the past, there is still no electricity, it's reading time candles. When people know it was a candle to. By only offering for lent, which is considered to have merit increases student charity. That is, to make the lives of those who present with joy worthy. In other words, it is not gloomy or people with clever enough knowledge, wisdom, which corresponds to English present candles to Bright to Lord said on the eve of lent, it is the tradition of the ancient Buddhist, but count as. But for the villagers of modern electric bulb is present instead. Because there is more than a candle bright. Easy to use and has a very charitable, juicy. The people of ubon was the same as the General Buddhist. When the day of lent, thian is introduced to King. In the past, there is no ready-made candle sales. The villagers have to use wax from honeycomb comes to boil, melt, and then remove the cotton to make a stuffed, candles, honey dipped into the melt. Let cool enough to remove the wax ones hands, surrounded by candles, stuffed full of (the people of ubon method called "fan candle") and then bring a cut to the size you want. Complete, ready-to-present God's candle. Apply a wax to the King of the people of ubon. In the past Not have to parade or Pageant to compete today, but just as he is with a natural wax and other thaithan been receiving blessings from God's precepts. แล้วก็กลับบ้าน สาเหตุที่การถวายเทียนจะต้องมีการแห่แหนและมีการประกวดประชันอย่างทุกวันนี้ เล่ากันว่าเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นข้าหลวงใหญ่มาปกครองมณฑลลาวกาว ซึ่งมีที่ตั้งมณฑลอยู่ที่เมืองอุบลฯ ได้เห็นการบาดเจ็บล้มตายของชาวบ้านจากงานประเพณีบุญบั้งไฟ ซึ่งมีทั้งบาดเจ็บล้มตายเพราะบั้งไฟระเบิดหรือตกใส่บ้านเรือน หรือบาดเจ็บล้มตายเพราะการทะเลาะวิวาทตีรันฟันแทงเพราะความเมามายในสุรา หรือบางครั้งเพราะการละเล่นโคลนตมที่สนุกสนานเกินเลย หรือการละเล่นตุ๊กตาไม้ในท่าทางร่วมเพศตามแบบฉบับของงานบุญบั้งไฟ เรื่องต่างๆ เหล่านี้พระองค์ท่านทรงเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม จึงให้ยกเลิกการจัดงานบุญบั้งไฟและให้เปลี่ยนเป็นการแห่เทียนพรรษาแล้วนำไปถวายพระแทน เทียนพรรษา ในสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์นั้นจะเป็นการทำเทียนร่วมกันของชาวบ้านในแต่ละคุ้ม (คุ้ม คือ กลุ่มชุมชนเล็กๆ ของชุมชนใหญ่ ในแต่ละหมู่บ้านจะมีหลายคุ้ม) โดยการนำขี้ผึ้งมารวมกัน ต้มให้ละลายแล้วเทใส่เบ้าหลอม ตกแต่งให้สวยงามแล้วใส่คานหามหรือบรรทุกใส่เกวียน นำเข้าขบวนแล้วแห่ไปรวมกันที่หน้าศาลากลางมณฑล เมื่อทุกคุ้มมารวมพร้อมกันแล้ว พระองค์จะประทานรางวัลให้กับคุ้มที่ทำต้นเทียนได้สวยงาม เสร็จแล้วจะให้จับฉลากว่าคุ้มไหนจะถวายเทียนวัดอะไร เมื่อรู้ว่าจะไปถวายวัดอะไรแล้วแต่ละคุ้มก็จะแห่แหนไปถวายวัดนั้น การแห่เทียนพรรษาจึงเริ่มมีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา การทำเทียนพรรษาของชาวบ้านแต่ละคุ้มในระยะแรกนี้ จะเป็นเทียนที่สามารถจุดใช้งานได้จริง มีขนาดเท่ากับต้นไผ่ (เพราะใช้ต้นไผ่เป็นเบ้าหลอม) บางคุ้มก็จะเท่ากับต้นกล้วย แล้วแต่ว่าคุ้มไหนจะหาเบ้าหลอมและหาขี้ผึ้งได้มากน้อยแค่ไหน ผิวต้นเทียนจะเรียบมันไม่มีลวดลาย แต่จะแต่งต้นเทียนโดยใช้กระดาษสีตัดเป็นเส้นหรือเป็นลวดลาย แล้วนำมาพันรอบต้นเทียนหรือติดกับต้นเทียนเป็นกลุ่มลวดลายต่างๆ บางคุ้มก็จะใช้วิธีนำเทียนเล่มเล็กๆ มามัดรวมกันให้เป็นเทียนต้นใหญ่ หรือบางครั้งประหยัดเงินค่าเทียนก็จะใช้ไม้กลมๆ หรือไม้เสาทำเป็นแกนแล้วนำเทียนมัดรอบแกนเสา ตกแต่งด้วยกระดาษเพื่อไม่ให้เห็นเชือกที่มัด (วิธีนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีเทียนสมัยใหม่และมีขายทั่วไปแล้ว จึงเป็นการประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องต้มขี้ผึ้ง) เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีประกอบกับมีการแข่งขันให้รางวัล คุ้มที่ตกแต่งต้นเทียนได้สวยงามแปลกแตกต่างไปจากต้นเทียนคุ้มอื่น จึงมักจะได้รับรางวัลชนะเลิศอยู่เสมอ การประดับตกแต่งต้นเทียนแบบใหม่ๆ จึงเกิดขึ้น นั่นคือจากเดิมที่ใช้กระดาษติดเป็นลวดลายต่างๆ ก็เปลี่ยนเป็นการใช้ขี้ผึ้งหล่อลวดลายจากแบบพิมพ์ก่อนแล้วจึงนำไปติดที่ต้นเทียน ซึ่งจะทำให้ต้นเทียนมีความสวยงามกว่าติดด้วยกระดาษ ต้นเทียนคุ้มที่ตกแต่งแบบนี้จึงมักจะได้รับรางวัลชนะเลิศอยู่เสมอๆ เช่นเดิม เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี การตกแต่งแบบติดพิมพ์ด้วยเทียนก็ซ้ำซากจำเจ คุ้มที่อยากชนะจึงต้องหาวิธีตกแต่งต้นเทียนที่แปลกแตกต่างออกไป การแกะสลักลงไปในเนื้อต้นเทียนให้เป็นรูปและลวดลายต่างๆ จึงเกิดขึ้น และคุ้มที่จัดทำแบบนี้ก็ได้รับชัยชนะ เมื่อการตกแต่งต้นเทียนให้สวยงามมีวิธีการแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการแบ่งประเภทต้นเทียนและให้มีรางวัลชนะเลิศแต่ละประเภทเกิดขึ้น ต้นเทียนในเวลาต่อมาจึงมีสองแบบ คือ แบบติดพิมพ์และแบบแกะสลัก However, both still are just the beginning of a candle only. There are no other elements, many students. Specifically, it is the beginning of base wax to the candle does not fall only. Escort wanted to find a way to win a different decoration, like the original. For this reason, the underlying base candle decoration results.
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
The history of the city of Ubon Buddhist
Lent is a period of three months during the rainy season, the monk must meditate measured by any one measure, the measure does not go overnight. The measure is a prohibition on any one measure over the three-month rainy season, because the growing season. Shoots villagers' crops are green. If the departure is trampled in this season's rice crops were damaged. Buddha ordained a monk Lent or three months without a break for rain overnight pilgrim journey to the other. (Lent means rain) so there Lent since the modern era since the Buddha or
Buddhist Lent is waning days of the first lunar month in the lunar calendar, or in the range of 8 July, and then the next three months, it will be the end of Buddhist Lent. Which corresponds to 11 or 15 lunar months in October of each year. When the rain to stop or make Lent a time of learning, especially reading. Reading time to understand and remember best was at night. It is quiet easy to concentrate. In the past, there is no electricity, the time to read the book, so the candles. When people know they made ​​candles to the monks. The offering of Lent. This is a very great merit. That is dedicated to making the lives of a happy, bright, not dark or in other words, a wise, knowledgeable intelligence itself. Coinciding with English as Bright Candle offerings unto the day is the tradition of Buddhist Lent comes from the ancient times until today. But today, people would be dedicated to modern light bulb instead. It is brighter than a candle for easy and has great merit as
a Guest. Like Buddhist On rainy days, it will bring candles to the monks. In the past, there is no ready-made candles sold. Villagers use of honeycomb wax, which has come to a boil, then remove the dissolved parties to a wick dipped into the honey is dissolved. Let cool enough to hand roll beeswax candle engulfs the full. (How these people Ubon called "dental wax"), then to cut the desired size. The candle is finished, it will be ready to sacrifice to
bring candles to the monks of the tents in the past did not have a parade or contest Championships today. But just as the consecration candles with a fairly Thailand Thailand eat more. Baptized the blessing of the Lord , returned home. The reason has to be presented with a candle parade and contest Championships today. Told that started in the reign of the fifth when HRH Krom Luang Sappasitthiprasong. The High Commissioner had ruled Laos glue. The county is located in the city of Ubon. Seeing the casualties of residents from rocket festival. Including casualties due to rocket or a bomb fell on the house. Or casualties because of controversy because of the drunken brawl in the liquor. Sometimes play the mire enjoyable overstatement. Or skits wooden doll in a gesture typical of sexual favors upon all these fireballs me, he saw that it was pretty bad. The rocket festival organizers to cancel and replace the candle procession then unto the candle. In the HRH Krom Luang Sappasit purpose would be to make candles for each share of people in the (good of the community is a small community in each village several good) by bringing together the wax. Boil until dissolved and pour into a mold. Beautifully decorated palanquin and enter or carry cart. Import procession and parade gathered at County Hall. When combined together, and all good. He will give a prize to the value that the candle is beautiful. Ready to draw that money would be dedicated to candles measure. Knowing when to go to the temple, then what good would flock to the temple. The Candle From then on, I started making candles for each of the residents in this first phase. The candles can be used practically. The size of the bamboo (The use of bamboo as a melting pot), some good is equal to the banana. But that would be good for mold and wax it much. Henna skin is smooth, it has no pattern. But it's the candle using colored paper, cut into strips or patterns. It was wrapped around the candle or stick with a henna patterns. Some money will also be used to bring a small candle. Tied together into a large tree candle. Sometimes saving money is to use wood candle round. Or wooden poles, a core pillar candle tied around its axis. Decorate with paper to keep the ropes that bind. (This practice started when a candle Modern and general sales. It saves time because it does not have to boil the wax) , over time, many years, coupled with a competition for the award. Henna is a beautiful decorative value as distinct from the candle for others. He always has been won it. The new henna decorations so happens that the original use as a paper jam patterns. It's turning into a wax casting patterns from printed first and then to stick a candle. This will make a beautiful candle stick with paper. The decor is worth the candle, so often the winner is always the same, over time, many years. Decorated with candles stuck print it monotonous. You must find a way to win for the decorative henna weird differently. Carved into the flesh and henna to form a pattern, and it so happens that this pattern was victorious. When henna decorated beautifully with different methods. This is why it is an assortment of henna and has won each place. Henna at a later time, so there are two types of contact printing and engraving However, both also the only henna only. There are not many other The Candle Base, the base was made ​​so as not to fall henna only. You must find a way to win for the different finishing off again as before. To this end, finishing the Candle Base.














การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
The history of the city of Ubon Ratchathani candle
.Birthday is a period of 3 month during the rainy season of monk will have to practice at the temple ใดวัด one by overnight temple, otherwise not. The prohibition to other gods in the temple throughout the 3 this month. The rainy season is the planting season.If the depart in this season to trample on rice seedlings fruit of the villagers were damaged. The Buddha is necessary to a stop or break lent rain 3 month, not a pilgrimage journey overnight elsewhere (lent means rain check).Lent is the waning days of 1 night the moon according to the lunar calendar, or 8 during July and วนับ again 3 month is the Buddhist Lent. Which falls on the full moon day of month 11 15 dinner or during October every year.The time to read to understand and remember is the best at night. The quiet meditation easily. In the past, there is no time to read the book, so the electric candles. When people know the candle to the monks.Which is considered to have great merit greatly. That is to make the life of the present happy comfortable, bright, dark, or in other words, whose wisdom, knowledge, smart enough, which match the English. Bright.But at present the modern popular for light bulb instead. Because the light more candles, easy to use, and has great merit as well
.The Ubon Ratchathani, like Buddhists in general. When lent will bring a candle to the monks. In the past, there is no candle package sales.Let cool enough to hand similar to the wax surrounding wick full (this method of Ubon Ratchathani, called "fan candle") and then finely cut according to size. Completed, it will be a candle with the monks have
.The candle to the monks of the Ubon Ratchathani. In the past, does not have a parade or contest Championships are his work today. But just as the candle with facilities offering alms offered other communion blessing from the

.Then I went home. The cause and the candle must be parade contest and championships today. It is said that begins in the reign of 5 when "Krom Luang all right desire.Which are located in the town of county of Ubon Ratchathani. See the casualties of the villagers from the rocket Festival. The casualties for rocket bomb or fell on homes.Or sometimes because the play mud fun immoderate. Or skits wooden dolls in a manner typical of fucking big rocket Festival, things เหล่านี้พระองค์ he that is is not good

.Candle in the days of "Krom Luang all right desire is a candle making joint types of villagers in each worth (worth is a group of small community Of the large community in each village, there are many protected) by the wax together.Beautifully decorated, and then put litter or carried in a cart. Import formation of gather at the Capitol region. When all the worth a combined together. He will give a prize to the worth doing candle is beautiful.When going to the temple, what each worth will parade to the temple. The candle began since since then!
.The candle of the villagers each worth in the first stage. A candle that can point the real use, the size of the bamboo (bamboo, because use a crucible). Some worth are equal to the banana tree.The skin is smooth, it is pattern candle But will dress up the candle using paper cut into lines or patterns. The wrapped around a candle or adjacent to the candle group patterns. Some worth can be used to help bring a small candle.Save money or sometimes candles will use wood round. Wood poles or pretend axis the candles tied around the axis pole. Decorated with paper in order not to see the rope tied up. (this began when a candle and sell modern general.After many years as a competitive award. Worth the candle decorated beautiful was different from the candle was another. So often has won the championship. Decorative candle new model has occurred.Change is the use of wax casting patterns from the mold, then mounted at the beginning of the candle. The candle is more beautiful than on paper. The candle was decorated like this so often award winner always, as the original.Decoration with candle stick type is brand-new. Worth to win is to find a way to decorate the candle was different. Carved into the meat into the candle and patterns. It happens.When the beautiful decoration candle has a different way. Hence, it is the source of the assortment and have won a candle each type has occurred. Candle at a later time, so there are two is mounted print and carved
.





.However, both still is but a candle only. There is plenty of other elements. Especially the base candle's base, made to prevent candle fall.For this reason the base decorated candle to
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: