A history of the sport, surfing (Surfing)Playing the surf or surfing. There is an ancient tradition that comes from the original natives of the island of Hawaii and Tahiti Islands. Where the natives will be surfing on a surfboard is made from different types of hardwood, specifically a type of hardwood, which area of the island of Hawaii, also called the "Koa wood and chrome-adidas-" this exciting wooden surfboard that is made in the wat sot 15 at Honolulu on the island of bikini chof Museum Hawaii.There is a legend that tells the people of Hawaii, well that is the chant and the sea for a blessing, there is good surfing waves and show respect towards the sea by race windsurf.Several waves around Hawaii The altar was created by the natives of ancient Hawaii. To make an appeal to have the prayer wave for surfing, for example, that ancient cu e came to nu Hai OU (Heiau Kuemanu) adidas beach Casa ha (Kahaluu Beach Park), then in the 19th century, when a mission is a Christian religion spread into binary and decided to surf it, contrary to Christian doctrine. Mission Church of St. Peter has created a binary. Beside salvage places worship. In 1980 Hawaii has restored this altar came around again in one until now. Many travelers, surfers can worship at CU, au nu Hai e Agen came. This property is great for surfing in the waves.Traditional Hawaiian island surf & island of Tahiti was first recorded by Captain James Cook in 1777, and was published as a book in 1784 in A Voyage to the Pacific or the name "flying to the Pacific", in which Captain James Cook had written describing what they found on surfing."Concluding that the man most feel happy while he hit the waves in the sea was running smoothly and quickly."การโต้คลื่นกลับมาเป็นที่แพร่หลายอีกครั้งเมื่อปี ค.ศ.1920 โดยนักว่ายน้ำชาวฮาวายชื่อ ดุ๊ก คาฮานาโคมู ซึ่งทำให้การโต้คลื่นเป็นกีฬายอดฮิตในนานาประเทศที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ดุ๊ก คาฮานาโคมู เป็นผู้ที่ทำให้ชาวโลกได้ประจักการเล่นโต้คลื่นที่งดงามของชาวฮาวาย ผ่านความสามารถในการว่ายน้ำของเขา ที่ได้เหรียญทองและเหรียญเงินในกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ.1912, ค.ศ.1920 และปีค.ศ.1924มีเรื่องเล่าว่า ครั้งโบราณนั้นชาวประมงมีการโต้คลื่นทุกวัน ในการที่จะต้องออกไปหาปลาแต่ละวัน ก็จะต้องทำการโต้คลื่นออกไป และในเมื่อต้องการกลับเข้าฝั่งก็จะต้องขี่คลื่นเพื่อกลับมายังชายฝั่ง ในสมัยก่อนยุคล่าอาณานิคม บริเวณประเทศเปรู และเอกวาดอร์ ได้ปพบเห็นมีการใช้เรือที่ทำจากต้นกก ทำการโล้คลื่นเพื่อกลับเข้าฝั่งมาเป็น 1000 ปีมาแล้วคบไฟแห่งทีกีถูกจุดสว่างยามย่ำค่ำ เสียงของอูคูเลเล(กีต้าร์ฮาวาย)บรรเลงเพลงเต้นระบำ ใส่เลื้อฮาวายเดินบนผืนทรายในคืนพระจันทร์วันเพ็ญ(พระจันทร์เต็มดวง) โต้คลื่นด้วยกระดานยาวแบบคลาสสิค และนี่คือสวรรค์ของนักโต้คลื่น ในสถานที่ที่พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นสถานที่กำเนิดของเซิร์ฟทัวริซึ่ม หรือที่ท่องเที่ยวของนักโต้คลื่นนั้นเองจากจดบันทึกอันแสนโรแมนติกของ แจ็ค ลอนดอน(Jack London) และมาร์ค ทเวน(Mark Twain) ทำให้ไวกีกีฮาวาย เป็นสถานที่แสนจะโรแมนติกและเย้ายวนใจของนักท่องเที่ยว และเป็นเหตุผลสำคัญที่เกาะฮาวายได้นำไวกีกี มาใช้ในการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์ ธุรกิจนำเที่ยวต่างๆ รวมไปถึงโรงงานสับปะรดอีกด้วย
การแปล กรุณารอสักครู่..