ปัจจุบันภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับคนไทย และคนทั่วโลก ดังนั้นจะเห็นได้ว่า มนุษย์และสังคมทุกวันนี้สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง หรือการใช้สื่อต่างๆ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร และจากการที่ประเทศไทย และ 10 ประเทศอาเซียนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งภาษาอังกฤษถูกกำหนดให้เป็นภาษากลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน จึงทำให้ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น (www.Thai-AEC.com) จากเหตุผลดังกล่าวจึงจำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพ ในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในด้านต่างๆ การเรียนรู้ภาษต่างประเทศจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้นักศึกษาได้เรียนรู้ในการออกเสียงต่างๆ ในภาษานั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง ( เอกสารประกอบการสอนสัทศาสตร์ 2549 : 2 )
คำในภาษาอังกฤษประกอบขึ้นจากหน่วยเสียงตั้งแต่หนึ่งหน่วยเสียงขึ้นไป ในการสื่อสารด้วยการพูดนั้น หน่วยเสียงจะต้องถูกเปล่งออกมาเพื่อสื่อความหมายที่ถูกต้องไปยังผู้ฟัง อย่างไรก็ตามการออกเสียงของหน่วยเสียงท้ายคำนั้นกลับเป็นปัญหาสำหรับคนไทย โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องออกเสียงคำศัพท์ที่ลงท้ายด้วย ed ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ กฤตพร (2557) ซึ่งทำการศึกษาข้อผิดพลาดในการออกเสียง ed ท้ายคำ พบว่า นักศึกษามีความสับสนในการออกเสียงคำศัพท์ หรือประโยคภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะคำกริยาภาษาอังกฤษในประโยคบอกเล่าของรูปอดีต (Regular Past Verb ) ซึ่งเป็นคำกริยาที่เติม ed เช่นเดียวกับ เมธาวดี (2557) ซึ่งทำการทดสอบการอ่านออกเสียง ed ท้ายคำ พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ออกเสียง ed ท้ายคำไม่ถูกต้อง จากการศึกษางานวิจัยเหล่านี้ ปัญหาของการออกเสียง ed ท้ายคำนั้น จากงานวิจัยข้างต้นปัญหาที่พบของนักศึกษาคือการออกเสียงท้ายคำ
จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่าถ้านักศึกษาสามารถออกเสียง ed ท้ายคำได้อย่างถูกต้องจะช่วยลดข้อผิดพลาดในการสื่อสาร ประกอบกับยังไม่มีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการผิดพลาดการออกเสียง ed ท้ายคำของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.นครศรีธรรมราช (ไสใหญ่) ผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการทำวิจัยที่เกี่ยวกับการออกเสียง ed ท้ายคำ เพื่อให้ทราบข้อมูลในเรื่องดังกล่าวและเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการนำไปสู่การพัฒนาทักษะการออกเสียงและอาจจะเพิ่มความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ