บทเรียน:
บททดสอบ คือ อะไร
ทำไมมนุษย์ต้องมีบททดสอบ
..........................................
หลายท่านที่เกิดมาเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
ย่อมต้องมีบางสิ่งในชีวิตส่วนตัวที่เหมือนๆกันอยู่
นั่นคือความรู้สึกเบื่อหน่ายท้อแท้
ที่ท่านเบื่อหน่ายในชีวิตก็เพราะ
จิตใจมันไร้พลังที่จะต่อสู้
กับอุปสรรคปัญหาทั้งหลาย
ที่ต้องเผชิญกับมันอยู่จำเจซ้ำซากนั่นเอง
ทั้งปัญหาเรื่องงาน
ปัญหาทางสังคม
ปัญหาส่วนตัว
ปัญหาเหล่านี้มันจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
ให้ได้เผชิญกันอยู่มิได้ขาด
มีทั้งยากมีทั้งง่าย
มีทั้งไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย
มีทั้งปัญหาที่ตนเองเป็นผู้ก่อ
มีทั้งปัญหาที่ผู้อื่นหยิบยื่นมาให้
เมื่อท่านได้เผชิญกับมันแล้ว จัดการมันแล้ว
ก็มีทั้งสำเร็จบ้างล้มเหลวบ้างคละเคล้ากันไป
นักเรียนจึงต้องรู้ว่า........
คำว่า "ปัญหา" ที่เรากล่าวไว้ข้างต้นนั้นน่ะ
แท้จริงแล้วมันคือ "บททดสอบ" ของท่านนั่นเอง
มนุษย์คนอื่นๆเขาก็มีปัญหา
เขาก็มีบททดสอบเช่นเดียวกับท่านด้วยกันทั้งสิ้น
ท่านจึงต้องไม่กลัวบททดสอบ
ท่านจึงต้องไม่รังเกียจบททดสอบ
ท่านจึงต้องไม่เบื่อหน่ายบททดสอบ
ท่านจึงต้องไม่ท้อแท้ที่จะเผชิญบททดสอบ
นักเรียนรู้หรือไม่ว่า
การเผชิญหน้าฝ่าฟันบททดสอบใดๆในชีวิตนั้น
มันเป็นหน้าที่สำคัญของมนุษย์ที่มิอาจเลี่ยง
นักเรียนคงจำได้ที่เราเคยกล่าวความจริงไว้ว่า
จิตวิญญาณของท่านนั้นขันอาสามาเกิดเป็นคน
แล้วมีหน้าที่ต้องคนตนเองให้เป็น "มนุษย์"
โดยต้องคนกายหยาบ จิตหยาบ และจิตวิญญาณ
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้สำเร็จให้จงได้
ซึ่งท่านจะสามารถทำสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ
ท่านต้องสั่นสะเทือน "จิตสำนึก" ด้านบวกเท่านั้น
การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวก
หมายถึง การสั่นสะเทือนทางจิตใจ
ให้เกิดเป็นความรักเอาไว้ตลอดเวลา
หมายถึง การสั่นสะเทือนทางปัญญา
คือ "การคิด"
คิดเพื่อเรียนรู้ให้ได้รู้
คิดเพื่อการตัดสินใจให้ถูกต้อง
คิดเพื่อการพิจารณาตอบสนองอย่างเหมาะสม
คิดเพื่อการสร้างสรรค์สิ่งดีๆในชีวิต
คิดเพื่อให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เป็นต้น
พระบิดาผู้ทรงให้โอกาสพวกท่าน
มาเกิดเป็นมนุษย์ยังโลกเสรีนี้
ทรงเล็งเห็นแล้วว่าหากจะให้พวกท่าน
สั่นสะเทือนจิตใจให้เกิดเป็นความรัก
และสั่นสะเทือนสมองให้เกิดปัญญาขึ้นมาได้นั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องมี "เงื่อนไข" หรือ "ปัญหา"
เป็นเครื่องมือช่วยเหลือเป็นบททดสอบให้
ด้วยเหตุนี้เองชีวิตประจำวันของพวกท่าน
จึงต้องมีสิ่งเหล่านี้เป็นสำคัญ
1.มีคนใกล้ตัวและคนใกล้ชิดสร้างปัญหาให้ท่าน
ทั้งปัญหาทางร่างกาย ปัญหาทางสังคม
และปัญหาทางจิตใจ
2.มีตัวท่านเองนี่แหละ
ที่จะสร้างปัญหาให้แก่ผู้อื่น
ที่ท่านสื่อสารสัมพันธ์ด้วยในทุกรูปแบบ
3.มีเรื่องราว เหตุการณ์ สถานการณ์ต่างๆ
ทั้งดีและร้ายให้ท่านได้เผชิญกับมันเสมอ
ทั้งแบบที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า
ทั้งแบบที่เป็นปัญหาระยะยาว
ทั้งแบบที่เป็นปัญหาระยะสั้น
การที่ท่านยังมีปัญหาในชีวิตค่อนข้างมาก
แสดงว่าท่านยังมีข้อสอบ
ในบททดสอบเหลืออยู่อีกมากนั่นแหละ
ดังนั้น....ในภพชาติสุดท้ายนี้
ก่อนการปิดยุคพลังงานเก่า
ข้อสอบทั้งหมดของท่านที่ยังค้างคามาจากอดีต
จึงจำต้องถูกนำมาจัดวางตั้งกองไว้ตรงหน้า
เพื่อให้ท่านได้เร่งทำมันเสียให้ครบถ้วน
สาเหตุที่บททดสอบของท่านยังเหลืออยู่มาก
อาจเป็นเพราะว่าในภพชาติที่ผ่านๆมา
ท่านสอบตกในการทำข้อสอบเหล่านี้มาแล้ว
ภพชาตินี้ท่านจึงต้องเผชิญกับข้อสอบเดิมนั้นอีก
การสอบตกแล้วต้องเรียนซ้ำชั้นเพื่อสอบใหม่
จึงมิใช่เรื่องผิดแปลกแต่ประการใด
สาเหตุที่บททดสอบของท่านยังเหลืออีกมาก
ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้อีกเช่นกันก็คือ
ภพชาติที่ผ่านมาท่านอาจเป็นผู้ร้องขอไว้
เพื่อให้จิตวิญญาณของท่านได้พักผ่อนบ้าง
หลังตรากตรำทำข้อทดสอบรายวันกันจนอ่อนล้าแล้ว
ภพชาตินี้จึงต้องมารับผิดชอบบททดสอบที่ตกค้าง
จึงยังผลให้ชีวิตประจำวันของท่าน
กลายเป็นว่ามีปัญหาเยอะจริงๆ
มันเยอะเสียจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน
ในที่สุดความเบื่อหน่าย....
จึงเป็นผลบั้นปลายที่บังเกิดขึ้นให้ได้เผชิญในชาตินี้
นอกจากนั้น
หากท่านต้องพบเจอปัญหานั้นๆอยู่ซ้ำซาก
โดยที่ท่านยังไม่สามารถจะข้ามผ่าน
หรือฟันฝ่ามันไปได้สักที
ชีวิตท่านยังต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่ดุจเดิมแล้ว
มีหรือที่ท่านจะมิบังเกิดความท้อแท้ตามมา
นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ทุกปัญหาในชีวิตประจำวันของท่าน
มันล้วนเป็นเงื่อนไข
ในบททดสอบจิตสำนึกของท่านเอง
เพื่อให้ท่านสั่นสะเทือนทางจิตใจเป็นความรัก
เพื่อให้ท่านสั่นสะเทือนทางสมองเป็นความคิด
แทบจะทั้งสิ้นเลยทีเดียว
ท่านจะสังเกตได้ว่า.....
คนรอบข้างตัวท่านจนแม้ตัวท่านเอง
ต่างจึงมีหน้าที่สร้างปัญหาทางจิตใจต่อกัน
เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่ง "รัก" ให้ได้ "ให้อภัย" ให้เป็น
ต่างจึงมีหน้าที่สร้างปัญหาทางสังคมต่อกัน
เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่ง "ต้องใช้ความคิด" ด้วยสมอง
เพื่อการตัดสินใจให้ถูกต้องก่อนที่จะ
แสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมใดตอบสนอง
เรากล่าวตามความจริงให้พวกท่านรู้
แม้มันจะเป็นคำกล่าวค่อนข้างยืดยาว
เพื่อยืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า
จงอย่าถือโทษโกรธเคืองใคร
ให้เป็นการเกี่ยวกรรมเกี่ยวเวรกันเลย
ทุกคนต้องมีหน้าที่เป็นเงื่อนไขหรือสร้างเงื่อนไข
ให้เกิดปัญหาทางจิตใจและสมองของกันและกัน
เพื่อการช่วยกันยกระดับจิตสำนึก
สู่การเป็นมนุษย์แห่งโลกเสรีที่องอาจสง่างาม
หาใช่การกวนสะทีนของมึงกับกูและมัน
ดั่งการคิดแบบจิตมนุษย์แต่อย่างใดเลย
ทุกๆท่านล้วนเป็นทั้งครูผู้ยื่นบททดสอบให้กัน
และยังเป็นผู้มีพระคุณของท่านอีกต่างหากด้วยสิ
รู้อย่างนี้แล้ว...ยังจะโกรธเคืองขุ่นใจ
อีเวรนั่น....กับ ไอ้เวรนี่.....อยู่อีกมั้ย?
เอเมน....สาธุ......
ป.วิสุทธิปัญญา
26-12-2014