นักบัญชีสามารถเลือกสรรได้ว่าจะใช้หล

นักบัญชีสามารถเลือกสรรได้ว่าจะใช้หลักเกณฑ์ใดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ บริษัท และเมื่อเลือกแล้วก็ต้องการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นั้นต่อไป ตราบใดที่เรายังปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เราเลือกต่อไป มันก็จะยังคงเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ เมื่อเราจะดูว่าผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ต้องดูจาก งบกำไรขาดทุน ซึ่งคำนวณจากส่วนต่างระหว่างยอดขาย กับ ค่าใช้จ่าย เราจะรู้ว่าใน 1 ปีที่ผ่านมาเราได้กำไร หรือขาดทุน หรือหาก 1 ปียาวนานเกินไปจะสรุปผลกันเป็นราย 3 เดือน หรือสรุปทุก ๆ เดือนเลยก็ได้ โดยที่ความหมายของส่วนต่างที่เป็นกำไรหรือขาดทุนนั้นจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า เราเปรียบเทียบรายได้อะไรกับค่าใช้จ่ายอะไร ดังต่อไปนี้
• เมื่อนำ “ยอดขาย” ไปลบกับ “ต้นทุน” สิ่งที่ได้คือ “กำไรขั้นต้น”
• เมื่อเอา “กำไรขั้นต้น” ลบด้วย “ค่าใช้จ่ายในการขายและการจัดการทั่วไป” ค่าที่เหลือเรียกว่า “กำไรจากการดำเนินการ”
• หากมีรายได้หรือรายจ่ายนอกการดำเนินการ เช่น ดอกเบี้ยรับ ดอกเบี้ยจ่าย เงินปันผล นำมาบวกลบเข้าไป สิ่งที่ได้คือ “กำไรสุทธิ” หรือ “ขาดทุนสุทธิ” ซึ่งแสดงถึงความสามารถทางการบริหารที่แท้จริงของบริษัท
• หากมี “รายได้อื่น ๆ “ อีก สามารถนำเข้าไปรวมกับ “กำไรสุทธิ” และเรียกว่า “กำไรสุทธิประจำงวดก่อนหักภาษี”
• เมื่อนำไปหักภาษีนิติบุคคลแล้ว ส่วนที่เหลือจะเรียกว่า “กำไรสุทธิประจำงวด” ซึ่งจะแสดงผลการดำเนินการสุดท้ายของงวดปีนั้น ๆ
การ อ่านตัวเลขทางบัญชีจึงไม่สามารถดูเพียงด้านเดียวได้ แต่ต้องพิจารณาให้รอบด้าน นำตัวเลขรายได้ และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ มาพิจารณาประกอบด้วยเสมอ เพื่อให้ได้ตัวเลขผลการดำเนินการที่แท้จริงของบริษัทซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ต่อการตัดสินใจในการบริหารธุรกิจต่อไป

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Accountants can choose whether to use specific criteria to meet the aims and purposes of the company and to choose, then it must be treated on the basis that as long as we follow the criteria that we choose to continue, it is still something that is always valid. When we will see whether past performance is how they would like to see from the profit and loss statement which is calculated from the difference between total sales expenses, we will know that in the past year, we have gained or lost, or if one year is too long to summarize a list of 3 months or so each month, it concluded. By means of the difference as a gain or loss, it is different. Depending on how we compare revenues with expenses? In the following ways:• เมื่อนำ “ยอดขาย” ไปลบกับ “ต้นทุน” สิ่งที่ได้คือ “กำไรขั้นต้น”• เมื่อเอา “กำไรขั้นต้น” ลบด้วย “ค่าใช้จ่ายในการขายและการจัดการทั่วไป” ค่าที่เหลือเรียกว่า “กำไรจากการดำเนินการ”• หากมีรายได้หรือรายจ่ายนอกการดำเนินการ เช่น ดอกเบี้ยรับ ดอกเบี้ยจ่าย เงินปันผล นำมาบวกลบเข้าไป สิ่งที่ได้คือ “กำไรสุทธิ” หรือ “ขาดทุนสุทธิ” ซึ่งแสดงถึงความสามารถทางการบริหารที่แท้จริงของบริษัท• หากมี “รายได้อื่น ๆ “ อีก สามารถนำเข้าไปรวมกับ “กำไรสุทธิ” และเรียกว่า “กำไรสุทธิประจำงวดก่อนหักภาษี”• เมื่อนำไปหักภาษีนิติบุคคลแล้ว ส่วนที่เหลือจะเรียกว่า “กำไรสุทธิประจำงวด” ซึ่งจะแสดงผลการดำเนินการสุดท้ายของงวดปีนั้น ๆการ อ่านตัวเลขทางบัญชีจึงไม่สามารถดูเพียงด้านเดียวได้ แต่ต้องพิจารณาให้รอบด้าน นำตัวเลขรายได้ และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ มาพิจารณาประกอบด้วยเสมอ เพื่อให้ได้ตัวเลขผลการดำเนินการที่แท้จริงของบริษัทซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ต่อการตัดสินใจในการบริหารธุรกิจต่อไป

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Accountants can choose whether to take any guidelines as to the spirit of the company and when it needs to comply with the following rules. As long as we comply with the rules we choose to. It will still be the right thing always. When will we see that the performance of the past, however, need to look at the income statement, which is calculated from the difference between sales and costs, we do know that in one year we have a gain or loss, or if one year. Too long to be concluded with a summary of three months or every month all. The meaning of the difference as a gain or loss is different. Based on that We have nothing to compare it to the cost of the following
• When the "sales" to remove the "cost" of what it is. "Gross margin"
• When the "gross margin" minus the "cost of sales and general management," the rest is called. "Profit from operations"
•. If revenue and expenses outside of operations, such as interest income, interest, dividends brought into a positive. What is "net income" or "Net Loss", which implies the ability to manage the Company's actual
• If the "other income" to be included on "net income", and referred to as "net income. Prior period tax "
• When the corporate tax already deducted. The rest are called "Net profit", which shows the results of last year and then
read the book so I can not look at only one side of it. But consider the round Bring revenue figures And costs on the other. Always consider include To get the real performance of the company which is very critical. The decision on the next administration.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

The accountant can choose to use any criteria in accordance with the spirit of the company, and when he want to comply with the rules anymore. As long as we follow the rules that we choose.When we see how the past performance is how to view from the income statements, which are calculated from the difference between the sales and cost. We know that in the past few years, we 1 profit or loss, or if 1.3 months or summary every month. The meaning of the difference is profit or loss shall be different. Based on that. We compare with what the cost income following
.- the "sales", minus the "cost" that is "gross"
- on the "กำไรขั้นต้น" minus "selling expenses and general management." The rest is called "the profit from operations"
.If income or expenditure outside operations such as interest, interest, dividends, led to take in. What is the "net". Or "net", which represents the administrative capabilities of the real company
.If there are "other income", can import combined with "net profit" and called "net profit in the period before tax."
.- when the tax entity. The rest are called "net income of the period." Which will display the last of the period that year.
.To read the accounting numbers cannot look at only one side, but must consider all sides taken number revenue and expenditures in other sectors. Consider the features.Decisions in business administration next
.