Metafhor and Analogy Metafhor ทฤษฎี

Metafhor and Analogy
Metafhor
ทฤษฎีอุปลักษณ์ จำแนกเป็นสองทฤษฎีหลัก คือ
1. ทฤษฎีอุปลักษณ์แบบแนวคิดดั้งเดิม ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 16 ถือได้ว่าอุปลักษณ์คือส่วนสำคัญในการใช้ภาษา ดั้งนั้น จึงพบอุปลักษณ์ในงานเขียนประเภทต่างๆ
นักคิดคนสำคัญที่เป็นผู้วางรากฐานการศึกษาอุปลักษณ์ในยุคปัจจุบัน คือ ออริสโตเติล โดยมองว่าอุปลักษณ์ทำหน้าที่ในเชิงวาทศิลป์การกล่าวสุนทรพจน์ รวมทั้งการพูดอย่างชัดเจน สุภาพหรือเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสนใจเป็นเสมือนการแทนที่สิ่งหนึ่งด้วยอีกสิ่งหนึ่ง

2.ทฤษฎีอุปลักษณ์แบบใหม่ ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีทฤษฎีอุปลักษณ์เกิดขึ้นจำนวนมาก โดยมองว่าอุปลักษณ์ไม่ใช่สวนหนึ่งของภาษาเขียน แต่เป็นสิ่งทีใช้เพื่อให้เกิดผลในเชิงวรรณศิลป์ และช่วยตกแต่งภาษาเขียน ให้เกิดภาษาสลักสลวยงามมากขึ้น นักภาษาศาสตร์ คนสำคัญที่อยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนจากแนวคิดแบบดั้งเดิมกับแนวคิดแบบใหม่ คือ แบล็ค ( Max black )
ทฤษฎีนี้มีจุดด้อยคือไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่จะมารวมตัวกันนั้นจริงๆ แล้วมาจากที่ใด และแม้จะสร้างคำนิยามขึ้นมาจำนวนมากเพื่อใช้อ้างอิงถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้ให้คำอธิบายว่าเพราะเหตุใดจึงมีการรวมตัวกันเกิดขึ้น

กล่าวโดยสรุป แนวคิดแบบดั้งเดิมมองว่าอุปลักษณ์คือ เครื่องมือในการทำให้ภาษาในการเขียนของกวีเกิดความสวยงาม เป็นกลวิธีในการใช้ภาษาแบบหนึ่งในหลายๆวิธี ดังนั้นอุปลักษณ์จึงเป็นเรื่องของกวี นักพูด หรือนักการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งปกติธรรมดาสำหรับบุคคลโดยมองว่าแปลักษณ์เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลักษณะทางภาษาเท่านั้น ต่างจากแนวความคิดแบบใหม่ที่มองว่าอุปลักษณ์เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคิดละการกระทำ และพบเห็นได้จาการศึกษาทั่วไปในชีวิต


Analogy
กลุ่ม SYNECTICS ได้เสนอขั้นตอนการวิเคราะห์ปัญหาเชิงจิตวิทยาไว้ 2 ขั้นตอนคือ
1 ทำปัญหาที่แปลกให้คุ้นเคย
2 ทำปัญหาที่คุ้นเคยให้แปลก


1.การทำปัญหาที่แปลกให้คุ้นเคย
ก็คือการทำความเข้าใจต่อปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่นั่นเอง นี่คือขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญของการวิเคราะห์ปัญหา ปัญหาที่มีความ “แปลก” คือปัญหาที่ผู้แก้ ยังไม่มีความเข้าใจปัญหาหรือทราบจุดมุ่งหมายของการแก้ปัญหา และไม่สามารถคิดหาคำตอบได้ขณะนั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตีความหมายของปัญหา เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจต่อปัญหาเสียใหม่ หรือทำให้เกิดความคุ้นเคยนั่นเอง
2.การทำปัญหาที่คุ้นเคยให้แปลก
ผู้แก้ปัญหาต้องทำปัญหาที่คุ้นเคยให้แปลก เช่น นักปติมากร มองต้นไม้เป็นกลุ่มของช่องว่างที่อากาศผ่านทะลุได้ สถาปนิกมองอาคารที่ตนออกแบบ เหมือนกลุ่มดอกลิลลี่ (แฟรงค์ ลอยด์ไรท์) มองหลังคาโบสถ์ เหมือนกระดองปู (เลอร์ คอบูซิเออร์) หรือมองอาคาร เหมือนเรือใบ ที่แล่นใน มหาสมุทร (จอน อุทซอน)
กลไกทางความคิดที่สำคัญในการทำปัญหาที่คุ้นเคยให้แปลก คือ “การอุปมาอุปมัย”หรือ Analogy กลุ่ม SYNECTICS กำหนดการอุปมาอุปมัยไว้ 4 ลักษณะในการเปรียบเทียบ ซึ่งถือว่าเป็นเนื้อหาการค้นคว้าสำคัญ ของวิธีการคิดเชิงสร้างสรรค์ คือ
1. การอุปมาอุปมัยโดยอิงตัวเอง (Personal Analogy)
2. การอุปมาอุปมัยโดยตรง (Direct Analogy)
3. การอุปมาอุปมัยโดยอิงบัญญัติ (Symbolic Analogy)
4. การอุปมาอุปมัยโดยอิงการเพ้อฝัน (Fantasy Analogy)
1 การอุปมาอุปมัยโดยอิงตัวเอง (Personal Analogy)
การกำหนดตัวเองให้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
2 การอุปมาอุปมัยโดยตรง (Direct Analogy)
ยกตัวอย่าง ในการทดลองของกลุ่ม Synectics เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องวัสดุก่อสร้างอาคาร คือวัสดุหลังคา เพื่อให้สามารถมีผิวดูดซึม ความร้อนในหนาว และสะท้อนความร้อนในหน้าร้อน ผลการทำปัญหาที่แปลกให้คุ้นเคย คือ การทำผิวหลังคาเป็นสองสี คือดำและขาว สลับเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล เพราะจากประสบการณ์เดิมที่คุ้นเคยว่า สีขาวสะท้อนความร้อนได้ดีที่สุด ในขณะที่สีดำดูดซึมความร้อนได้ดีที่สุด จากนั้นจึงทำปัญหาที่คุ้นเคยนี้ ให้แปลก คือทำหลังคา ให้มีคุณลักษณะ เหมือนปลาฟลาวเดอร์ นี่คือการอุปมาอุปมัยโดยตรง เพราะผิวของตัวปลาฟลาวเดอร์ มีจุดดำที่แผ่กระจายปกคลุมทั่วตัว มีคุณ สมบัติของการเปลี่ยนแปลงจำนวน หรือระดับความเข้มของสีผิวได้ ตามสภาพแวดล้อมที่มันอาศัย
ด้วยเหตุนี้ กลุ่ม Synectics จึงยืนยันได้ว่า กลไกที่สำคัญของความคิดอีกอย่างหนึ่ง คือความสามารถในการอุปมาอุปมัย โดยตรง จะเป็นวิธี การคิด ที่ ให้ได้มาซึ่งผล ของความคิดเชิงสร้างสรรค์ อย่างแน่นอน
3 การอุปมาอุปมัยโดยอิงบัญญัติ (Symbolic Analogy)
เปรียบได้จาก การอุปมาอุปมัยเชิงบัญญัติของก้อนอิฐ ซึ่งจะมีหลากหลาย เช่น สำหรับสถาปนิก Louis I. Kahn คือ โครงสร้างโค้งของอาคาร สำหรับช่างก่อสร้าง คือ กำแพง และสำหรับอันธพาล คือ อาวุธใช้ขว้างหัวคนอื่น เป็นต้น นักปฏิบัติวิชาชีพแต่ละสาขา มักมี “ภาษา” หรือ บัญญัติเฉพาะในการสื่อความคิด เพื่อแก้ปัญหาต่าง ซึ่งประกอบกันเป็นมโนทัศน์ เก็บสะสมเป็นประสบการณ์ เฉพาะบุคคลตามสาขาอาชีพ ในการทำความคุ้นเคยกับปัญหา
4.การอุปมาอุปมัยโดยอิงการเพ้อฝัน (Fantasy Analogy)

ในงานสถาปัตยกรรม ผลงานในอดีตที่ทรงคุณค่าต่อการศึกษา ในด้านวิชาการจนถึงปัจจุบัน ก็ล้วนเกิดจากสถาปนิกที่มีความสามารถในการอุปมาอุปมัยเชิงเพ้อฝันทั้งสิ้น เช่น Boullee & Ledoux เคยฝันที่จะออกแบบโครงสร้างทรงกลมขนาดใหญ่ ในศตวรรตที่ 18 ซึ่งอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของวิทยาการก่อสร้างในเวลานั้น แต่ต่อมา Buckminster Fuller ก็ทำฝันนั้นให้เป็นจริงในศตวรรตที่20 โดยออกแบบโครงสร้าง Geodesic Dome ได้สำเร็จ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Metafhor and Analogy
Metafhor
metaphor theory. Classified into two major theories
1. The traditional theory of conceptual metaphor. During the 15th century, and 16 held that the metaphor is an important part of the language and therefore find metaphors in the writings of various
thinkers who laid the foundation of metaphors in modern times was in Aristotle. The metaphor that serves the rhetorical speeches. Including speaking clearly Or recommend to the audience's attention as replacing one thing with another thing 2. Metaphor new theory. In the 20th century, there are many theories, metaphors occur. In a metaphor that is not part of the written language. However, it is used to achieve results in the literature. And decorative language Aerodynamic sculpting a language more beautiful. Linguist Key in the rotation from the traditional to the new concept is BlackRock (Max black) , this theory is a weak point can not tell what's going to come together really. Come from? And even build up a lot of definition to refer to the outcome. It does not provide an explanation as to why it is gathered up by the conclusion. The traditional idea is that metaphorical. Tools to make the language in the writing of poetry beauty. One strategy is to use language in many ways. The metaphor is so poetic orator, politician or otherwise. Is not common for a person with a deformed appearance that is related to the nature of language only. Unlike the concept of a new metaphor that is associated with the idea of action. Public education in general, and found life Analogy SYNECTICS group has proposed steps to analyze psychological problems are two phases: first the odd problem to do familiar two. A familiar problem to a strange familiarity 1. The problem is to understand the problems they are facing there. This is one important step of the analysis. The problem with the "strange" that the problem is solved. Not understanding the problem or know the purpose of the solution. And can not think of an answer at that time. It is necessary to interpret the issue. To create a new understanding of the issue. Or make sure that you are familiar 2. The problem is familiar to a person familiar problem to solve to make it as much of a processing plant for the bulk of the air through the gap. Architects for its design buildings Groups like lilies (Frank Lloyd Wright), a church roof. Like crab (Trailer Court Hotel Beziers) or a building like a sailboat sailing in the ocean (Jon Appeal hide) mechanism, the important thought of making the familiar strange "metaphor" or Analogy group. SYNECTICS schedule metaphors are four characteristics in comparison. This is important research content. Of how creative thinking is based on 1. the metaphor itself (Personal Analogy) 2. metaphor directly (Direct Analogy) 3. metaphor based Commandments (Symbolic Analogy) 4. metaphor by reference. fantasy (Fantasy Analogy) 1 based on the metaphor itself (Personal Analogy) defines itself as a part of the second. Metaphor directly (Direct Analogy) , for example. In the experimental group Synectics about solving the problem of building materials. Roofing materials To be able to penetrate the skin. Heating in winter And reflect heat in summer. The problem that made ​​the familiar strange is that the roof surface is made ​​of black and white as the seasons change. Because from experience that old familiar. White reflects the heat best. While black absorbs heat best. Then a familiar problem to do it is to feature a roof. Flour fish like spiders. This is a direct metaphor The skin of the fish Flour Durban. A black veil that is spread across a number of changes have you treasure. Or the intensity of skin color. The environment it lives by Synectics Group is thus confirmed. The mechanism of thought another. The ability to direct metaphor is a way of thinking that to get the result. Of creative thinking, certainly third metaphor based Commandments (Symbolic Analogy) advantage of. Metaphor oriented provisions of bricks. Which provides for architect Louis I. Kahn is curved structure of the building. Construction for the walls and for the armed thugs to throw the others as a professional practice, each branch is a "language" or commandments only to convey ideas. To solve problems Which together constitute the concept Accumulating experience Only persons under occupation To familiarize yourself with the metaphors 4. Based on the Dreamer (Fantasy Analogy) architecture. Past invaluable contribution to the study. In the present academic You are the architects with the ability to make analogies oriented idealism of such Boullee & Ledoux dreamed of designing a spherical structure in a large Century at 18 which is above the rules of the science building at the time. But later, Buckminster Fuller made ​​that dream come true in the 20th Century. Geodesic Dome was achieved by designing the structure.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Metafhor and Analogy

theory Metafhor metaphors were two main theories is
1.Theory of metaphor and a traditional concept in the 15 century and is an important 16 regarded metaphor in language use, so they found metaphor in literary works
.An important thinker who laid the foundation of modern education metaphor is, Aristotle โดยมอง that metaphor serves in rhetoric speech! As well as speaking clearly.
.
2.Theories of metaphor in new century in 20 theory metaphor happens). Nonetheless metaphor not garden one of the written language. But what use to achieve results in the literature and help decorate the written language.The linguist. Important in the changing from traditional concept with new concept is black (Max black)
.This theory has a weak point is can't tell what will come together is actually from anywhere else. And even build up to refer to the definition of the outcome.
.