ครีมล้างหน้าหรือคลีนซิ่งครีมนั้น นิยมใช้เช็ดทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเช็ดเอาเมคอัพออกไปแต่ครีมพวกนี้มักทำความสะอาดใบหน้าได้ไม่หมดจด ทำให้เหลือส่วนผสมของครีมล้างหน้าเมคอัพ และสารอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่อาจจะก่อความระคายเคือง ให้แก่ผิวหนังได้ นอกจากนั้นสิ่งสกปรกตกค้างเหล่านี้อาจอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ ดังนั้นการทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำสบู่ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด และเพียงพอที่จะทำความสะอาดผิวหนังโดยทั่วไปแนะนำให้ล้างหน้าวันละ 2-3 ครั้ง ด้วยสบู่อ่อน หากใช้เมคอัพหนาๆ ก็อาจใช้ครีมล้างหน้าเช็ดเมคอัพออกก่อน แต่ก็ต้องตามด้วยการใช้สบู่ล้างหน้าอีกครั้ง เพื่อไม่ให้มีสารเคมีตกค้างบนผิวหนัง
เป็นที่ทราบกันดีว่า แสงแดดมีส่วนทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพ หากใช้ยากันแดดแล้ว คงจะออกโดนแดดได้ทั้งวันใช่ไหม
ยากันแดดมีส่วนป้องกันผิวหนังจากแสงแดดได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดครับ แม้จะมียากันแดดที่มีค่ากันแสงแดดที่เรียกว่า S.P.F. สูงๆ ออกวางขายก็ตาม แต่ค่าตัวเลขนั้นก็เป็นเพียงค่าที่ได้จากการทดลอง ในชีวิตจริงแล้ว เมื่อทายากันแดดลงบนผิวหนัง เหงื่อที่หลั่งออกมารวมถึงการสัมผัสผิวหนัง ก็จะทำให้ยากันแดดหลุดออก ดังนั้นถึงทายากันแดดแล้ว ก็ยังไม่ควรออกโดนแดดจัดติดต่อกันหลายๆ ชั่วโมง หากเป็นไปได้ ควรหันมาเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ในตอนเช้าตรู่หรือตอนเย็นจะดีกว่า ยากันแดดที่มีสีขุ่นทึบมักมีค่ากันแดดสูงกว่า แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะทาผิวหนังแล้วหน้าจะขาววอก ทั้งที่มีงานวิจัยแสดงว่ายากันแดดที่มีประสิทธิภาพสูง ควรมีส่วนผสมของสารสีขุ่นทึบ (คือแป้ง) นี้
การสูบบุหรี่มีผลเสียต่อผิวหนังไหม
พบว่าสูบบุหรี่ทำให้ผิวหนังเหี่ยวแก่ได้ แพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญ จะดูหน้าคนที่สูบบุหรี่ออกแม้อยู่ห่างกันนับ 10 เมตร พบว่าใบหน้าคนที่สูบบุหรี่จัดนะ มีริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาและรอบปาก ผิวหนังจะหย่อนยานไม่เต่งตึง และมีสีออกซีดๆ เทาๆ บุหรี่ทำให้ผิวหนังเหี่ยวแก่และเสื่อมสลายได้ เพราะบุหรี่มีสารนิโคติน ซึ่งทำให้เส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงผิวหนังหดตัว สารอาหารไม่สามารถหล่อเลี้ยง เซลล์ผิวหนังได้อย่างเพียงพอ
บทบาทของสถานเสริมความงามบำรุงผิวพรรณที่เกิดขึ้นมากมาย
ในแง่ของการแต่งแต้มสีสันให้ใบหน้าแล้ว ต้องยอมรับว่าช่างแต่งหน้า มีประสบการณ์และเทคนิคต่างๆ มาตกแต่งผิวหน้าให้สดสวย และเข้ากับบุคลิกของแต่ละคนได้อย่างแน่นอนครับ แต่ในแง่ของการดูแลและรักษาผิวหนังนั้น เนื่องจากช่างเสริมสวย ไม่ใช่แพทย์ จึงขาดความเข้าใจพื้นฐานในเรื่องนี้ และอาจมีแนวทาง การดูแลรักษาผิวหนังที่ผิดหลักวิชาไป ที่เห็นได้ชัด ก็คืการใช้ผักผลไม้ต่างๆ มาผ่าแล้วนำมาพอกหน้า เนื่องจากผลไม้บางชนิดมีสารเคมีบางตัวซึ่งไวต่อแสงมาก เมื่อถูกแสงแดดหน้าอาจเป็นรอยดำได้ บางคนเอาน้ำมะกรูดมานวดผมหลังสระ อาจ เห็นรอยไหม้ดำเป็นทางที่ต้นคอได้ การนวดหน้านั้น บางครั้งใช้สารเคมีหลายตัวมาขัดถูใบหน้า ทำให้ใบหน้าระคายเคืองมาก จึงพบได้บ่อยว่าคนที่ไปนวดหน้ามาแล้ว อาจจะเกิดสิวอักเสบเห่อขึ้นได้ การสักคิ้ว สักเปลือกตาถาวรนั้น พบว่าบางครั้งผิวหนังจะแพ้เม็ดสี ที่สักเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลเรื้อรัง นอกจากนั้นการใช้เข็มสัก ที่ไม่ทำความสะอาดให้เพียงพอ อาจทำให้เกิดโรคติดเชื้อได้ เช่น โรคตับอักเสบ ซึ่งเป็นอันตรายมาก พบว่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคตับอักเสบนั้น มีความทนทานสูงมาก เข็มที่เปื้อนเชื้อไวรัสนี้ แม้นำไปเผา ไฟจนไหม้แดงเชื้อไวรัสตับอักเสบก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น การทำความสะอาดเครื่องมือ โดยขาดหลักความรู้พื้นฐานทางการแพทย์ ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ที่น่ากลัวที่สุดคือ พบว่าสถานเสริมความงามบางแห่ง ให้ยารับประทานแก่ลูกค้าด้วย โดยไม่มีแพทย์ตรวจรักษา ยารักษาสิวบางตัวมีผลเสียต่อเด็กในครรภ์ หากแพทย์เป็นคนสั่งจ่ายยาตัวนี้ ก็จะต้องแนะนำให้คุมกำเนิดอย่างเคร่งครัด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยแล้ว ในแง่ของการดูแลรักษาผิวหนัง, สิว, ฝ้า จึงขอแนะนำให้มาพบแพทย์ผิวหนังโดยตรงจะปลอดภัยกว่า อีกทั้งยังไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเกินไปนัก ส่วนเรื่องการแต่งหน้าทาสีนั้น ไปให้ช่างเสริมสวยทำก็เหมาะสมดี