แนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศทฤษฎีบ ารุงเศรษฐกิจของชาติ หรือลัทธิพ การแปล - แนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศทฤษฎีบ ารุงเศรษฐกิจของชาติ หรือลัทธิพ ไทย วิธีการพูด

แนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศทฤ

แนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ
ทฤษฎีบ ารุงเศรษฐกิจของชาติ หรือลัทธิพานิชย์นิยม (Mercantilism) เกิดขึ้น
ในช่วง ค.ศ. 1500 ที่มีการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอ านาจในยุโรป ประเทศใหญ่ เช่น
อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ที่ได้พยายามขยายอาณานิคมการปกครองโดยการล่าเมืองขึ้นเพื่อแสวงหา
ทรัพยากรจากประเทศเหล่านี้มาเสริมความมั่งคั่งให้กับตัวเอง โดยตามทฤษฎีนี้มีจุดประสงค์หลัก
ในการบ ารุงเศรษฐกิจของชาติและรัฐบาลด้วยการสะสมโลหะที่มีค่า เช่น ทองค า แร่เงิน ในด้าน
การค้าระหว่างประเทศของยุค Mercantilism สามารถสรุปได้ว่า บ ารุงเศรษฐกิจของชาติ เป็น
แนวคิดที่ว่าการได้เปรียบดุลการค้า เป็นการที่ประเทศนั้นสามารถส่งออกได้มากกว่าการน าเข้า
และการเสียเปรียบดุลการค้า เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา (kahal, 1994,อ้างถึงใน วันรักษ์ มิ่งมณี
นาคิน, 2544, หน้า 13-14)
ทฤษฎีความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์(Theory of Absolute Advantage) (Adam
Smithอ้างถึงใน วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน, 2544, หน้า 15) ได้เขียนหนังสือ The Wealth of Nations
ซึ่งแยกการวิเคราะห์เป็น 2 ประเด็นหลัก คือ Absolute Advantage และ Division of Labor โดย
ในส่วนของ Absolute Advantage กล่าวว่าถ้าประเทศใดประเทศมีความได้เปรียบในการผลิต
ินค้าใดสินค้าหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าประเทศอื่น ก็ควรให้ประเทศนั้นผลิตสินค้านั้น
แล้วส่งไปค้าขายแลกเปลี่ยนกับประเทศอื่นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ของประสิทธิภาพรวมที่สูงที่สุดของ
โลกและส่วนของ Division of Labor ได้เข้ามาเสริมทฤษฏีAbsolute Advantage ว่าแต่ละ
ประเทศควรใช้ทรัพยากรของตนให้แก่สินค้าที่สามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดจนเกิดการ
ได้เปรียบในการแข่งขันกับผู้อื่น ซึ่งความเชี่ยวชาญเฉพาะที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจาก
1. แรงงานเกิดความช านาญในการท างานนั้นซ้ า ๆอยู่เป็นประจ า
2. แรงงานเกิดความช านาญโดยการท างานนั้นไปอีกงานหนึ่ง
3.การผลิตอย่างต่อเนื่องยาวนานจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาหาวิธีการท างาน
มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านก่อให้เกิดความได้เปรียบ (Advantage) ซึ่งสามารถ
จ าแนกได้เป็น 2 ชนิดคือ
1. ความได้เปรียบโดยธรรมชาติ(Natural Advantage) เป็นประโยชน์ที่เกิดจากสภาพ
ภูมิอากาศทรัพยากรธรรมชาติหรือแรงงานที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ
2. ความได้เปรียบจากการเรียนรู้นอกจากทฤษฎีความได้เปรียบ ยังกล่าวถึง ขนาดของ
ประเทศหนึ่งซึ่งมีผลต่อชนิดและปริมาณของสินค้าที่จะท าการค้าขายกัน ขนาดของประเทศที่
แตกต่างกันจะมีผลต่อปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ความหลากหลายของทรัพยากร ประเทศใหญ่มีทรัพยากรหลายชนิดกระจายอยู่
ตามภาคต่าง ๆในประเทศจนแทบสามารถพึ่งพาตนเองได้หมด
2. ค่าขนส่ง ประเทศใหญ่และประเทศเล็กได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งแตกต่างกัน
โดยทั่วไปแล้วค่าขนส่งจะแปรตามระยะทาง ประเทศใหญ่มักจะท าการค้าขายกับแหล่งตลาดที่อยู่
ใกล้จึงท าให้ค่าขนส่งต่ าราคาสินค้าก็ต่ าไปด้วย
3. ขนาดของเศรษฐกิจขนาดของประเทศมิได้บอกถึงความมั่งคั่งของประเทศ
ความร่ ารวยของประเทศวัดได้จากขนาดเศรษฐกิจและรายได้ประชาชาติที่ค่อนข้างสูง จึงควรมี
การผลิตสินค้าในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เพื่อให้เพียงพอต่อการ
อุปโภคบริโภคภายในประเทศและท าการส่งออกด้วย
ทฤษฎีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (Comparative Advantage) (Ricardoอ้าง
ถึงในกตัญญู หิรัญญสมบูรณ์, 2543, หน้า14) ในปี ค.ศ. 1819 เขียนหนังสือชื่อ On the
Principles of Political and Taxation โดยพื้นฐานแนวคิดของ Adam Smith มาพัฒนาต่อเนื่อง
ออกไปว่าถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งมีความได้เปรียบในการผลิตสินค้า 2 ชนิดขึ้นไป ประเทศนั้น
ควรจะผลิตสินค่าที่ตนผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แล้วสิ่งที่ตนไม่ได้ผลิตจากประเทศอื่น
ทฤษฎีComparative Advantage จะมีประสิทธิผลเต็มที่ภายใต้ข้อสมมุติฐานของการ
ใช้ความช านาญเฉพาะดังต่อไปนี้
1. การว่าจ้างแรงงานเต็มที่ไม่มีการว่างงาน ซึงแสดงถึงการใช้ทรัพยากรเต็มที่
ถ้ามีการว่างงานเกิดขึ้นจะมีการลดการน าเข้าลง เพื่อให้แรงงานที่ว่างงานอยู่ได้รับการว่าจ้างให้ท า
การผลิตสินค่าทดแทนการน าเข้า
2. การมุ่งวัตถุประสงค์ของประเทศ บางครั้งประเทศไทยไม่ได้มีวัตถุประสงค์
เชิงเศรษฐศาสตร์หรือต้องการก าไรสูงสุดเสมอไป นอกจากนั้นรัฐบาลได้เล็งเห็นว่าการเป็น
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษในสินค้าเฉพาะอย่างเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการขึ้นลงของ
ราคาสินค้านั้น จึงควรผลิตสินค้าที่ตนไม่ได้เปรียบด้วยเพื่อกระจายความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
3. การคิดค่าขนส่ง ไม่มีทฤษฎีใดค านึงถึงค่าขนส่งซึ่งต้องสัมพันธ์กับระยะทางที่
เคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศ ปัญหาจะเกิดขึ้นถ้าค่าขนส่งรวมกับสินค้าแล้วสูงกว่าต้นทุนที่
ประเทศผู้ซื้อผลิตเอง เพราะจะท าให้การค้าระหว่างประเทศไม่เกิดขึ้นความช านาญและการ
ได้เปรียบเฉพาะสินค้าจะหมดความหมายไปในที่สุด
ทฤษฎีComparative Advantage แตกต่างจากทฤษฎีAbsolute Advantage ตรงที่
Absolute Advantage กล่าวว่าประเทศใดสามารถใช้ทรัพยากรที่ผลิตสิ้นค้าได้อย่างมี
ประสิทธิภาพมากกว่าประเทศอื่นก็ควรผลิตสินค้าเพื่อจ าหน่ายแก่ประเทศอื่น แต่ ทฤษฎี
Comparative Advantage แสดงการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกโดยกล่าวถึงประเทศที่เกิดความ
ได้เปรียบในการผลิตสินค้าทั้งสองชนิดเหนือกว่าอีกประเทศหนึ่ง ควรท าการผลิตโดยใช้ความ
ได้เปรียบในสิ่งที่ตนสามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเป็นอย่างมากและให้อีก
ประเทศหนึ่งผลิตสินค้าที่ประเทศแรกผลิตแล้ว จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเป็นส่วนน้อยแล้วทั้ง
สองประเทศจะได้ผลผลิตมากกว่าการผลิตโดยปราศจากการค้าระหว่างประเทศ
ทฤษฎีปัจจัยสัดส่วนการผลิต (Factor Proportion) ในปี ค.ศ. 1950 นัก
เศรษฐศาสตร์ชาวสวีเดน 2 คน คือ Hecksher and Ohlin (อ้างถึงใน ศรีวงศ์ สุมิตร และสาลินี วร
บัณฑูร, 2536, หน้า 12-13) ได้สร้างทฤษฎีFactor Proportion โดยเน้นไปที่ปัจจัยการผลิต คือ
ที่ดิน แรงงานและทุน แทน โดยกล่าวว่าแต่ละประเทศมีปัจจัยการผลิตที่แตกต่างกันไป ประเทศใด
ก็ตามที่มีแรงงานมากเมื่อเทียบกับที่ดินและแรงงาน ก็จะส่งผลให้ต้นทุนด้านแรงงานถูกลง ทาง
ตรงกันข้ามต้นทุนด้านและทุนก็จะสูง ดังนั้น แต่ละประเทศก็ควรผลิตสินค้าที่ใช้ปัจจัยการผลิตใน
ประเทศที่มีอยู่มาก หาได้ง่ายและต้นทุนไม่สูง ผลิตสินค้าส่งออกไปจ าหน่ายต่างประเทศ
ทฤษฎีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และการลงทุนระหว่างประเทศ (International
Investmentand Product Life Cycle) (วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน, 2544, หน้า 16-17) ในปีค.ศ. 1996
โดยเน้นถึงตัวสินค้ามากกว่าประเทศหร
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
แนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้นทฤษฎีบารุงเศรษฐกิจของชาติหรือลัทธิพานิชย์นิยม (Mercantilism) ในช่วงค.ศ. 1500 ที่มีการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอานาจในยุโรปประเทศใหญ่เช่น อังกฤษฝรั่งเศสสเปนที่ได้พยายามขยายอาณานิคมการปกครองโดยการล่าเมืองขึ้นเพื่อแสวงหาทรัพยากรจากประเทศเหล่านี้มาเสริมความมั่งคั่งให้กับตัวเองโดยตามทฤษฎีนี้มีจุดประสงค์หลักในการบารุงเศรษฐกิจของชาติและรัฐบาลด้วยการสะสมโลหะที่มีค่าเช่นทองคลากแร่เงินในด้านการค้าระหว่างประเทศของยุค Mercantilism สามารถสรุปได้ว่าบารุงเศรษฐกิจของชาติเป็นแนวคิดที่ว่าการได้เปรียบดุลการค้าเป็นการที่ประเทศนั้นสามารถส่งออกได้มากกว่าการนาเข้าและการเสียเปรียบดุลการค้าเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา (kahal, 1994 อ้างถึงในวันรักษ์มิ่งมณีนาคิน 2544 หน้า 13-14)ทฤษฎีความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ (ทฤษฎีความได้เปรียบสมบูรณ์) (อาดัม Smithอ้างถึงใน วันรักษ์มิ่งมณีนาคิน 2544 หน้า 15) ได้เขียนหนังสือความมั่งคั่งของประชาชาติซึ่งแยกการวิเคราะห์เป็น 2 ประเด็นหลักคือประโยชน์แน่นอนและส่วนของแรงงานโดยสิ่งสัมบูรณ์ในส่วนของกล่าวว่าถ้าประเทศใดประเทศมีความได้เปรียบในการผลิตินค้าใดสินค้าหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าประเทศอื่นก็ควรให้ประเทศนั้นผลิตสินค้านั้นแล้วส่งไปค้าขายแลกเปลี่ยนกับประเทศอื่นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ของประสิทธิภาพรวมที่สูงที่สุดของประโยชน์จากกองแรงงาน ได้เข้ามาเสริมทฤษฏีAbsolute โลกและส่วนของว่าแต่ละประเทศควรใช้ทรัพยากรของตนให้แก่สินค้าที่สามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดจนเกิดการได้เปรียบในการแข่งขันกับผู้อื่นซึ่งความเชี่ยวชาญเฉพาะที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจาก1. แรงงานเกิดความชานาญในการทางานนั้นซ้ลากลากๆอยู่เป็นประจ2. แรงงานเกิดความชานาญโดยการทางานนั้นไปอีกงานหนึ่ง3.การผลิตอย่างต่อเนื่องยาวนานจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาหาวิธีการท างานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นซึ่งสามารถจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านก่อให้เกิดความได้เปรียบ (ประโยชน์)จาแนกได้เป็น 2 ชนิดคือ1. ความได้เปรียบโดยธรรมชาติ(Natural Advantage) เป็นประโยชน์ที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศทรัพยากรธรรมชาติหรือแรงงานที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ2. ความได้เปรียบจากการเรียนรู้นอกจากทฤษฎีความได้เปรียบยังกล่าวถึงขนาดของประเทศหนึ่งซึ่งมีผลต่อชนิดและปริมาณของสินค้าที่จะทาการค้าขายกันขนาดของประเทศที่แตกต่างกันจะมีผลต่อปัจจัยดังต่อไปนี้1. ความหลากหลายของทรัพยากรประเทศใหญ่มีทรัพยากรหลายชนิดกระจายอยู่ตามภาคต่างๆในประเทศจนแทบสามารถพึ่งพาตนเองได้หมด2. ค่าขนส่งประเทศใหญ่และประเทศเล็กได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งแตกต่างกันโดยทั่วไปแล้วค่าขนส่งจะแปรตามระยะทางประเทศใหญ่มักจะทาการค้าขายกับแหล่งตลาดที่อยู่ใกล้จึงทาให้ค่าขนส่งต่าราคาสินค้าก็ต่าไปด้วย3. ขนาดของเศรษฐกิจขนาดของประเทศมิได้บอกถึงความมั่งคั่งของประเทศความร่ารวยของประเทศวัดได้จากขนาดเศรษฐกิจและรายได้ประชาชาติที่ค่อนข้างสูงจึงควรมีการผลิตสินค้าในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคภายในประเทศและทาการส่งออกด้วยทฤษฎีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (เปรียบเทียบประโยชน์) (Ricardoอ้างถึงในกตัญญูหิรัญญสมบูรณ์ 2543, หน้า14) ในปีค.ศ. 1819 เขียนหนังสือชื่อในการหลักการของการเมืองและภาษีโดยพื้นฐานแนวคิดของมาพัฒนาต่อเนื่องอาดัมสมิธออกไปว่าถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งมีความได้เปรียบในการผลิตสินค้า 2 ชนิดขึ้นไปประเทศนั้นควรจะผลิตสินค่าที่ตนผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้วสิ่งที่ตนไม่ได้ผลิตจากประเทศอื่นจาก ทฤษฎีComparative จะมีประสิทธิผลเต็มที่ภายใต้ข้อสมมุติฐานของการใช้ความชานาญเฉพาะดังต่อไปนี้1. การว่าจ้างแรงงานเต็มที่ไม่มีการว่างงานซึงแสดงถึงการใช้ทรัพยากรเต็มที่ลากเพื่อให้แรงงานที่ว่างงานอยู่ได้รับการว่าจ้างให้ทาเข้าลงถ้ามีการว่างงานเกิดขึ้นจะมีการลดการนการผลิตสินค่าทดแทนการนาเข้า2. การมุ่งวัตถุประสงค์ของประเทศบางครั้งประเทศไทยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เชิงเศรษฐศาสตร์หรือต้องการกาไรสูงสุดเสมอไปนอกจากนั้นรัฐบาลได้เล็งเห็นว่าการเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษในสินค้าเฉพาะอย่างเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการขึ้นลงของราคาสินค้านั้นจึงควรผลิตสินค้าที่ตนไม่ได้เปรียบด้วยเพื่อกระจายความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น3. การคิดค่าขนส่งไม่มีทฤษฎีใดคานึงถึงค่าขนส่งซึ่งต้องสัมพันธ์กับระยะทางที่เคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศปัญหาจะเกิดขึ้นถ้าค่าขนส่งรวมกับสินค้าแล้วสูงกว่าต้นทุนที่ประเทศผู้ซื้อผลิตเองเพราะจะทาให้การค้าระหว่างประเทศไม่เกิดขึ้นความชานาญและการได้เปรียบเฉพาะสินค้าจะหมดความหมายไปในที่สุดประโยชน์จาก ทฤษฎีComparative จาก แตกต่างจากทฤษฎีAbsolute ตรงที่แน่นอนประโยชน์กล่าวว่าประเทศใดสามารถใช้ทรัพยากรที่ผลิตสิ้นค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าประเทศอื่นก็ควรผลิตสินค้าเพื่อจาหน่ายแก่ประเทศอื่นแต่ทฤษฎีเปรียบเทียบประโยชน์แสดงการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกโดยกล่าวถึงประเทศที่เกิดความได้เปรียบในการผลิตสินค้าทั้งสองชนิดเหนือกว่าอีกประเทศหนึ่งควรทาการผลิตโดยใช้ความได้เปรียบในสิ่งที่ตนสามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเป็นอย่างมากและให้อีกประเทศหนึ่งผลิตสินค้าที่ประเทศแรกผลิตแล้วจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเป็นส่วนน้อยแล้วทั้งสองประเทศจะได้ผลผลิตมากกว่าการผลิตโดยปราศจากการค้าระหว่างประเทศในปีค.ศ. 1950 นักทฤษฎีปัจจัยสัดส่วนการผลิต (สัดส่วนตัวคูณ)เศรษฐศาสตร์ชาวสวีเดน 2 คนคือ Hecksher และ Ohlin (อ้างถึงในศรีวงศ์สุมิตรและสาลินีวรบัณฑูร 2536 หน้า 12-13) คือโดยเน้นไปที่ปัจจัยการผลิตสัดส่วน ได้สร้างทฤษฎีFactor ที่ดินแรงงานและทุนแทนโดยกล่าวว่าแต่ละประเทศมีปัจจัยการผลิตที่แตกต่างกันไปประเทศใดชนิดก็จะส่งผลให้ต้นทุนด้านแรงงานถูกลงก็ตามที่มีแรงงานมากเมื่อเทียบกับที่ดินและแรงงานตรงกันข้ามต้นทุนด้านและทุนก็จะสูงดังนั้นแต่ละประเทศก็ควรผลิตสินค้าที่ใช้ปัจจัยการผลิตในประเทศที่มีอยู่มากหาได้ง่ายและต้นทุนไม่สูงผลิตสินค้าส่งออกไปจาหน่ายต่างประเทศทฤษฎีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และการลงทุนระหว่างประเทศ (นานาชาติ วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ Investmentand) (วันรักษ์มิ่งมณีนาคิน 2544 หน้า 16-17) ในปีค.ศ ปี 1996 โดยเน้นถึงตัวสินค้ามากกว่าประเทศหร
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
แนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ
ทฤษฎีบารุงเศรษฐกิจของชาติหรือลัทธิพานิชย์นิยม ( การติดต่อคบค้าสมาคม ) เกิดขึ้น
said studies ค . ศ . 1500 ที่มีการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอานาจในยุโรปประเทศใหญ่เช่น
อังกฤษฝรั่งเศสสเปนที่ได้พยายามขยายอาณานิคมการปกครองโดยการล่าเมืองขึ้นเพื่อแสวงหาโดยตามทฤษฎีนี้มีจุดประสงค์หลัก

ทรัพยากรจากประเทศเหล่านี้มาเสริมความมั่งคั่งให้กับตัวเองในการบารุงเศรษฐกิจของชาติและรัฐบาลด้วยการสะสมโลหะที่มีค่าเช่นทองคาแร่เงินในด้าน
การค้าระหว่างประเทศของยุคการติดต่อคบค้าสมาคมสามารถสรุปได้ว่า " ารุงเศรษฐกิจของชาติเป็น
แนวคิดที่ว่าการได้เปรียบดุลการค้าเป็นการที่ประเทศนั้นสามารถส่งออกได้มากกว่าการนาเข้า
และการเสียเปรียบดุลการค้าเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ( kahal 1994 อ้างถึงในวันรักษ์นาคิน 2544 มิ่งมณี
, ,
หน้า 13-14 )ทฤษฎีความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ ( ทฤษฎีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ ) ( อดัม สมิธ อ้างถึงใน
วันรักษ์มิ่งมณีนาคิน 2544 15 , หน้า ) ได้เขียนหนังสือความมั่งคั่งของประชาชาติ
ซึ่งแยกการวิเคราะห์เป็น 2 ประเด็นหลักความความได้เปรียบสัมบูรณ์และกองแรงงานโดย
ในส่วนของความได้เปรียบสัมบูรณ์กล่าวว่าถ้าประเทศใดประเทศมีความได้เปรียบในการผลิตก็ควรให้ประเทศนั้นผลิตสินค้านั้น

ินค้าใดสินค้าหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าประเทศอื่นแล้วส่งไปค้าขายแลกเปลี่ยนกับประเทศอื่นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ของประสิทธิภาพรวมที่สูงที่สุดของ
โลกและส่วนของกองแรงงานได้เข้ามาเสริมทฤษฏีความได้เปรียบสัมบูรณ์ว่าแต่ละ
ประเทศควรใช้ทรัพยากรของตนให้แก่สินค้าที่สามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดจนเกิดการได้เปรียบในการแข่งขันกับผู้อื่นซึ่งความเชี่ยวชาญเฉพาะที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจาก

1แรงงานเกิดความชานาญในการทางานนั้นซ้าๆอยู่เป็นประจา
2 แรงงานเกิดความชานาญโดยการทางานนั้นไปอีกงานหนึ่ง
3

มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นการผลิตอย่างต่อเนื่องยาวนานจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาหาวิธีการทางาน .จากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านก่อให้เกิดความได้เปรียบ ( ประโยชน์ ) ซึ่งสามารถ
. . . าแนกได้เป็น 2 ชนิดคือ
1 ความได้เปรียบโดยธรรมชาติ ( จากธรรมชาติ ) เป็นประโยชน์ที่เกิดจากสภาพ
ภูมิอากาศทรัพยากรธรรมชาติหรือแรงงานที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ
2 ความได้เปรียบจากการเรียนรู้นอกจากทฤษฎีความได้เปรียบยังกล่าวถึงขนาดของ
ประเทศหนึ่งซึ่งมีผลต่อชนิดและปริมาณของสินค้าที่จะทาการค้าขายกันแตกต่างกันจะมีผลต่อปัจจัยดังต่อไปนี้ขนาดของประเทศที่

1 ความหลากหลายของทรัพยากรประเทศใหญ่มีทรัพยากรหลายชนิดกระจายอยู่
ตามภาคต่างๆในประเทศจนแทบสามารถพึ่งพาตนเองได้หมด
2 ค่าระวางประเทศใหญ่และประเทศเล็กได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งแตกต่างกันประเทศใหญ่มักจะทาการค้าขายกับแหล่งตลาดที่อยู่

โดยทั่วไปแล้วค่าขนส่งจะแปรตามระยะทางใกล้จึงทาให้ค่าขนส่งต่าราคาสินค้าก็ต่าไปด้วย
3 ขนาดของเศรษฐกิจขนาดของประเทศมิได้บอกถึงความมั่งคั่งของประเทศารวยของประเทศวัดได้จากขนาดเศรษฐกิจและรายได้ประชาชาติที่ค่อนข้างสูงจึงควรมี

ความร่การผลิตสินค้าในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพื่อให้เพียงพอต่อการ

อุปโภคบริโภคภายในประเทศและทาการส่งออกด้วยทฤษฎีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ ( ความได้เปรียบ ) อ้าง
( ริคาร์โด้ถึงในกตัญญูหิรัญญสมบูรณ์ 2543 14 หน้า ) สามารถค . ศ . 1819 เขียนหนังสือชื่อบน
หลักเศรษฐศาสตร์การเมืองโดยพื้นฐานแนวคิดของอดัม สมิธมาพัฒนาต่อเนื่อง
ออกไปว่าถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งมีความได้เปรียบในการผลิตสินค้า 2 ชนิดขึ้นไปประเทศนั้นแล้วสิ่งที่ตนไม่ได้ผลิตจากประเทศอื่น

ควรจะผลิตสินค่าที่ตนผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดทฤษฎีความได้เปรียบจะมีประสิทธิผลเต็มที่ภายใต้ข้อสมมุติฐานของการใช้ความชานาญเฉพาะดังต่อไปนี้

1 การว่าจ้างแรงงานเต็มที่ไม่มีการว่างงานซึงแสดงถึงการใช้ทรัพยากรเต็มที่
ถ้ามีการว่างงานเกิดขึ้นจะมีการลดการนาเข้าลงเพื่อให้แรงงานที่ว่างงานอยู่ได้รับการว่าจ้างให้ทา
การผลิตสินค่าทดแทนการนาเข้า
2 การมุ่งวัตถุประสงค์ของประเทศบางครั้งประเทศไทยไม่ได้มีวัตถุประสงค์
เชิงเศรษฐศาสตร์หรือต้องการกาไรสูงสุดเสมอไปนอกจากนั้นรัฐบาลได้เล็งเห็นว่าการเป็น

ผู้เชี่ยวชาญพิเศษในสินค้าเฉพาะอย่างเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการขึ้นลงของราคาสินค้านั้นจึงควรผลิตสินค้าที่ตนไม่ได้เปรียบด้วยเพื่อกระจายความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
3 การคิดค่าขนส่งไม่มีทฤษฎีใดคานึงถึงค่าขนส่งซึ่งต้องสัมพันธ์กับระยะทางที่
เคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศปัญหาจะเกิดขึ้นถ้าค่าขนส่งรวมกับสินค้าแล้วสูงกว่าต้นทุนที่เพราะจะทาให้การค้าระหว่างประเทศไม่เกิดขึ้นความชานาญและการ

ประเทศผู้ซื้อผลิตเองได้เปรียบเฉพาะสินค้าจะหมดความหมายไปในที่สุด
ทฤษฎีความได้เปรียบแตกต่างจากทฤษฎีความได้เปรียบสัมบูรณ์ตรงที่

กล่าวว่าประเทศใดสามารถใช้ทรัพยากรที่ผลิตสิ้นค้าได้อย่างมีความได้เปรียบสัมบูรณ์ประสิทธิภาพมากกว่าประเทศอื่นก็ควรผลิตสินค้าเพื่อจาหน่ายแก่ประเทศอื่น A ทฤษฎีความได้เปรียบแสดงการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกโดยกล่าวถึงประเทศที่เกิดความ

ได้เปรียบในการผลิตสินค้าทั้งสองชนิดเหนือกว่าอีกประเทศหนึ่งควรทาการผลิตโดยใช้ความ

ได้เปรียบในสิ่งที่ตนสามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเป็นอย่างมากและให้อีกประเทศหนึ่งผลิตสินค้าที่ประเทศแรกผลิตแล้วสองประเทศจะได้ผลผลิตมากกว่าการผลิตโดยปราศจากการค้าระหว่างประเทศจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเป็นส่วนน้อยแล้วทั้ง

ทฤษฎีปัจจัยสัดส่วนการผลิต ( สัดส่วน factor ) สามารถค . ศ . 1950 นัก
เศรษฐศาสตร์ชาวสวีเดน 2 คนและความ hecksher โอลิน ( อ้างถึงในศรีวงศ์สุมิตรและสาลินีวร
บัณฑูร 2536 หน้า , 12-13 ) ได้สร้างทฤษฎีปัจจัยสัดส่วนความโดยเน้นไปที่ปัจจัยการผลิต
ที่ดินแรงงานและทุนแทนโดยกล่าวว่าแต่ละประเทศมีปัจจัยการผลิตที่แตกต่างกันไปประเทศใดก็จะส่งผลให้ต้นทุนด้านแรงงานถูกลงทาง

ก็ตามที่มีแรงงานมากเมื่อเทียบกับที่ดินและแรงงานตรงกันข้ามต้นทุนด้านและทุนก็จะสูงดังนั้นแต่ละประเทศก็ควรผลิตสินค้าที่ใช้ปัจจัยการผลิตในหาได้ง่ายและต้นทุนไม่สูงผลิตสินค้าส่งออกไปจาหน่ายต่างประเทศ

ประเทศที่มีอยู่มากทฤษฎีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และการลงทุนระหว่างประเทศ ( วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์อัตราการลงทุนและจำนวนระหว่างประเทศ
) ( วันรักษ์มิ่งมณีนาคิน 2544 หน้า , 16-17 ) ในปีค . ศ .
โดยเน้นถึงตัวสินค้ามากกว่าประเทศหร 1996
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: