พิธีแต่งงานชนเผ่าอาข่า
ธรรมเนียมของชนเผ่าอาข่าไม่ว่าจะไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ไหน มักจะช่วยกันแผ้วถางที่ดินในบริเวณหมู่บ้านให้ราบเรียบอยู่เสมอ และใจกลางหมู่บ้านจะทำเสาชิงช้า โดยใช้เถาวัลย์แทนเชือกไว้แห่งหนึ่ง สำหรับโล้ชิงช้าประจำปี ซึ่งจะมีขึ้นราวเดือนสิงหาคมของทุกปี นอกจากนี้ยังมีลานดินโล่งเตียนอีกแห่งไว้ สร้างม้านั่งยาวไม่มีพนักพิงอย่างง่ายๆ ยาวไปรอบๆ ลาน คนพื้นราบเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “ลานสาวกอด” อันเป็นสถานที่จัดไว้ให้พวกหนุ่มๆ สาวๆ จู๋จี๋กันส่วนพวกเด็กชายและเด็กหญิงจะใช้สถานที่แห่งนี้ นั่งร้องรำทำเพลงก็ได้ ถ้าหนุ่มอาข่าไปรักสาวอาข่าคนใด จะมีการนัดแนะฝ่ายหญิงไปจู๋จี๋ที่ลานสาวกอด จนถึงขั้นได้เสียกันในป่าสุดเขตในเวลากลางคืน เช้าวันรุ่งขึ้นฝ่ายหญิงจะบอกบิดามารดาของตนว่า ได้รักใคร่ได้เสียกับหนุ่มคนนั้นๆ เมื่อคืนนี้แล้ว ฝ่ายชายก็จะบอกบิดามารดาของตนเช่นกัน บิดามารดาฝ่ายชายจะไปสู่ขอหรือตกลงกับบิดามารดาฝ่ายหญิงที่คอยท่าอยู่แล้ว เมื่อยินยอมพอใจกันทั้งสองฝ่าย พิธีแต่งงานจะมีขึ้นในไม่ช้าก่อนจะเข้าพิธีแต่งงาน หนุ่มอาข่าต้องสละมลทินในร่างกายออกเสียก่อน ด้วยการไปหลับนอนกับส่าข่อเฮ่อ หญิงม่ายสามี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากชาวอาข่าให้เป็นผู้ทรงเกียรติ บางหมู่บ้านอาจมีส่าข่าเฮ่อมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป โดยส่าข่าเฮ่อจะเป็นผู้แนะนำหรือสอนวิชาเพศศึกษาให้ แต่มีกฎอยู่ข้อหนึ่งว่า ห้ามฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดติดใจในรสรักหรือร่วมหลับนอนเกินกว่าหนึ่งคืนขึ้นไป มิฉะนั้น ส่าข่าเฮ่อ (ผู้เปิดบริสุทธิ์หนุ่มอาข่า)จะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งเป็นสามัญชน จากนั้นจะหาคนใหม่มาทำหน้าที่แทน พิธีแต่งงานของชนเผ่าอาข่า หน้าที่ของฝ่ายเจ้าบ่าวต้องฆ่าหมู ฆ่าไก่ ทำขนม และต้มสุราไว้เลี้ยงดูแขก เมื่อถึงวันแต่งงานฝ่ายชายจะรับตัวเจ้าสาวไปที่บ้านตน และเลี้ยงดูกันที่นั่น บางครั้งเจ้าบ่าวไม่จำเป็นต้องเป็นอาข่าด้วยกัน อาจเป็นจีนฮ่อก็ได้ เพราะอาข่ากับจีนฮ่อเป็นเพื่อนบ้านข้างเคียง หมู่บ้านอาข่าแต่ละแห่ง จึงมีจีนฮ่อมาอาศัยอยู่ด้วยมากหลาย