สรรพคุณ: เปลือก ขับลมในลำไส้ ล้างลำ

สรรพคุณ:
เปลือก ขับลมในลำไส้ ล้างลำไส้ แก้กระษัย ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ บำรุงกระดูก
ตำรายาไทย: หอยขม จัดอยู่ใน “พิกัดเนาวหอย” คือการจำกัดจำนวนเปลือกหอย 9 ชนิดที่ใช้ในการปรุงยา คือ เปลือกหอยกาบ เปลือกหอยขม เปลือกหอยแครง เปลือกหอยนางรม เปลือกหอยพิมพการัง เปลือกหอยตาวัว เปลือกหอยจุ๊บแจง เปลือกหอยมุก และเปลือกหอยสังข์หนาม สรรพคุณ หอยทั้งเก้า เอามาเผาไฟให้สุกดี จะได้ “ปูนหอย” ใช้เป็นยาแก้กรดในกระเพาะอาหาร ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นท้อง ทำให้มีลมผายและลมเรอ ล้างลำไส้ แก้กระษัย ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ บำรุงกระดูก
ในคัมภีร์กระษัย: กล่าวถึงโรคกระษัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของร่างกาย คือ “กระษัยล้น” เกิดเพราะน้ำเหลือง ให้ใช้กระดูกโคเผา หอยกาบเผา หอยแครงเผา หอยขมเผา หอยอีรมเผา หอยมือเสือ หอยพิมพการังเผา หอยนมนางเผา เบญจกูล สิ่งละ 1 ส่วน พริกไทย 25 ส่วน ทำเป็นผง บดทำแท่งไว้ สรรพคุณแก้กระษัยล้น ให้ธาตุปูน ลดกรดในกระเพาะอาหาร ขับลม แก้จุกเสียดแน่น บำรุงไฟธาตุ
ในคัมภีร์ธาตุวิภังค์: มียาแก้เส้นเอ็นกำเริบและพิการ ดังนี้ เอาเปลือกหอยโข่ง เปลือกหอยขม เปลือกหอยนางรม เปลือกหอยกาบ กาบหอยแครง กาบหอยตาวัว กาบหอยพิมพการัง หอยสังข์ หอยมุก กระดูกวัว กระดูกเสือ กระดูกแพะ กระดูกเลียงผา ยาทั้งหมดนี้เผาให้ไหม้ เอาสิ่งละ 1 ส่วน
นอกจากนี้ยังมีการใช้เปลือกหอยขม ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ อีกหลายขนานเช่น รักษา “กระษัยจุก” มีหอยขมเผา เป็นส่วนประกอบร่วมกับพืชวัตถุ สัตว์วัตถุ และหอยชนิดอื่นๆอีก สรรพคุณ ขับลม ล้างลำไส้ ขับปัสสาวะ รักษา “กระษัยไฟ” มีหอยขม เป็นส่วนประกอบร่วมกับพืชวัตถุ และหอยชนิดอื่นๆอีก มีสรรพคุณ แก้ไจ้ บำรุงกำลัง ขับลม ขับปัสสาวะ ล้างลำไส้ แก้ท้องร่วง

สมานลำไส้
ในคัมภีร์อติสารและยาแก้บิด: ว่าด้วยอาการไข้ และยาแก้ไข้ ชื่อ “ยามหานิลแท่งทอง” มีส่วนผสมของเปลือกหอยขม ร่วมกับ พืชวัตถุ สัตว์วัตถุอื่นๆ
ในคัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา: ยาแก้โทษสันทฆาตหรือภาวะอาการโลหิตจาง มีหอยขม ร่วมกับส่วนประกอบพืชวัตถุ ธาตุวัตถุอื่นๆ

รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา:
การปรุงยาจากเปลือกหอย ต้องทำการ “สะตุหอย” โดยการนำเปลือกหอยที่ใช้เป็นยามาใส่ในหม้อดินแล้วตั้งไฟ ตั้งไฟไปเรื่อยๆ จนเปลือกหอยสุกเป็นสีขาว เผาจนเป็นผง หรือนำมาตำให้ละเอียด แล้วร่อนเอาผงที่ละเอียดมาปรุงเป็นยา

องค์ประกอบทางเคมี:
ที่เปลือกมี Calcium carbonate (CaCO3) เปลือกที่เผาแล้วจะเกิดเป็น แคลเซียมออกไซด์ (CaO)

ตำรายาโบราณการใช้หอยขม
หอยเป็นยาสมุนไพรประเภทสัตว์วัตถุ ในตำรับยาไทยมีภูมิปัญญาการปรุงยาจากหอยหลายตำรับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตำรับยานวหอย อันประกอบด้วยหอย 9 ชนิด ประกอบด้วยเปลือก หอยขม หอยแครง หอยนางรม หอยพิมพการัง หอยตาวัว หอยจุ๊บแจง หอยมุก หอยสังข์ หอยกาบ หรือบางตำราก็ว่าใช้หอยมือเสือ เปลือกหอยทั้งเก้าเอามาเผาไฟให้สุกดี จะได้ “ปูนหอย” มีสรรพคุณเป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ขับลมในลำไส้ ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้กระษัย ไตพิการ และบำรุงกระดูก การใช้หอยเป็นยารักษาโรคมีน้อยมาก หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขให้ยกเลิกการใช้ตำรับยานวหอยเป็นยาสามัญประจำบ้าน เพราะหอยบางชนิดก็หายากไม่มีในท้องถิ่น ทำให้ไม่สะดวกในการใช้ และโรคที่ผู้ป่วยมารับการรักษาก็ใช้หอยเข้าตำรับยารักษาน้อยมาก หรือสมุนไพรบางชนิดก็มีสรรพคุณใช้แทนหอยได้ หมอพื้นบ้านจึงเลือกใช้สมุนไพรแทน
หอยที่นำมาใช้รักษาโรคนั้นส่วนใหญ่ใช้เปลือกหอยทำยา ใช้ทั้งหอยกาบเดียวและหอยกาบคู่ หอยกาบเดียวคือหอยที่มีฝาเดียว เป็นชนิดที่มีเปลือกสวยงามมีจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนชนิด พบทั่วไปอยู่ในน้ำจืดและน้ำทะเล เช่น หอยขม ส่วนหอยกาบคู่หรือสองฝา มีลำตัวอาศัยอยู่ตรงกลางระหว่างฝาหรือเปลือก บริเวณที่ยึดเปลือกทั้งสองข้างมีลักษณะคล้ายบานพับที่สามารถเปิด-ปิดได้สะดวก มีราวสองหมื่นชนิด เช่น หอยแครง เมื่อนำมาเข้าตำรับยาก็มีทั้งยาเดี่ยวและยาตำรับ ซึ่งสามารถรักษาโรคและกลุ่มอาการต่างๆ ได้หลายชนิด ใช้รักษาทั้งภายในและภายนอก วิธีการปรุงยาแตกต่างกันไปตามภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอด จากบรรพบุรุษ จากตำราหรือการสั่งสมประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยของแต่ละคน
เปลือกหอยมีรสเค็ม มีสรรพคุณแก้โรคผิวหนัง โรคพรรดึก ถ่ายชำระน้ำเหลือง ชำระเมือกมันในลำไส้ ฟอกโลหิต แก้เสมหะเหนียว และมีฤทธิ์ซึมซาบไปตามผิวหนัง ส่วนสรรพคุณของหอยที่มีการรวบรวมในตำราหรือคัมภีร์ก็พบว่า เปลือกหอยมีสรรพคุณขับลมในลำไส้ ล้างลำไส้ แก้กระษัย ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการและช่วยบำรุงกระดูก ส่วนสารสำคัญได้แก่แคลเซียม แคลเซียมคาร์บอเนต เป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างยิ่งที่ภูมิปัญญาความรู้ของหมอพื้นบ้านที่นำมาใช้ประโยชน์สอดคล้องกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
หอยที่หมอพื้นบ้านนำมาใช้ปรุงยามากที่สุดคือหอยแครง อาจเพราะเป็นหอยเศรษฐกิจที่หาง่ายราคาถูก รองลงมาคือหอยขมซึ่งเป็นหอยน้ำจืด ตามด้วยหอยเบี้ย หอยสังข์ หอยโข่ง และหอยอื่นๆ โดยแต่ละภาคก็มีการใช้หอยแต่ละชนิดมากน้อยแตกต่างกันไปตามลำดับ ชนิดของหอยที่ใช้มากที่สุดตามลำดับในแต่ภาคดังนี้ ภาคกลางนิยมใช้หอยแครง หอยโข่ง หอยสังข์ ภาคเหนือใช้หอยกาบ หอยขม หอยแครง ภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือใช้หอยแครง หอยขม หอยกาบ ภาคใต้ใช้หอยขม หอยเบี้ย หอยแครง
อย่างไรก็ตาม หมอพื้นบ้านในแต่ละภาคก็มีข้อห้ามของโรคและลักษณะอาการที่ห้ามรับประทานหอยแตกต่างกันไป ภาคเหนือ โรคที่ห้ามรับประทานหอย ได้แก่ โรคอัมพาต ไซนัส ริดสีดวงลำไส้ ริดสีดวงทวาร มะเร็ง แผลเรื้อรัง ไข้เรื้อรัง เกาต์ ปวดท้อง อุจจาระร่วง โรคที่เกี่ยวกับมดลูก หมอพื้นบ้านภาคอีสานห้ามคนที่มีอาการปวดศีรษะ เพราะจะทำให้ปวดหนักยิ่งขึ้น ภาคใต้โรคที่ห้ามรับประทานหอย ได้แก่ ประดงเลือด ระดูขาว อาการคันตามผิวหนัง กามโรค เอดส์ มุตกิจ ประดงลม ไซนัส อาการภูมิแพ้ โรคริดสีดวง แผลเรื้อรัง โรคกระเพาะอาหาร โรคลม

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Indication: Shell-driven winds in the intestines. Clear bowel fix krasai driver driving a routine urine cure kidney stones, bone and kidney disabled. The cost of medication, Thailand: snail Is in the "เนาว sea shell coordinates" is to restrict the number of shells, 9. in medicine is a clam shell? Snail shell Cockle shell Oyster shell Shell phimopkarang Bulls eye shells shells shells and shell products provide Kiss conch shells, nine properties to remove barbed wire and fire, cooked, good will. "Mortar shells." Used as the acid in the stomach to secrete medication in intestinal tight stomach heartburn cure. Compact size, wind and wind, Renault Clear bowel fix krasai driver driving a routine urine cure kidney stones, bone and kidney disabled. Bible krasai: krasai the above mentioned diseases cause a degradation of the body is the "big krasai" occurs because the lymphatic, use the codes burnt bones. Cockle clam burn burn Flaming burnt snail shells irom Flaming clam shell phimopkarang Mrs. Phao Bayetkun milk and clams 1 thing best chili powder, crushed Thailand 25 sections are made of sticks. Krasai, plaster elements commonly used to solve big stomach acid reduction drive wind power that maintenance fix heartburn and tight. In the Bible that there wiphang: antidote tendons insolent and disability. : Remove the shell to brag Snail shell Oyster shell Clam shell Kap cockle Kap Kap cow eye shells, shells, conch phimopkarang. Mother-of-Pearl. Tiger bone, bone, bone, bone, cow, goat mountain goat pills, all of which burn, burn, remove 1 part thing. There is also the use of the shells in combination with other herbs, a few recipes, such as many parallel treatment "krasai Cap" snail is a component shared with plants, animals, objects, and other types of object shells anymore. Anita drive winds. Wash the intestines secrete urine. Maintain "krasai fire" snail is a component in conjunction with other types of plants and shells. Yow to solve routine driving wind driven chai urine. Clear bowel diarrhea cure To heal the intestines In the Bible: a twist on the medication and atisan fever and fever medication called "the guards find gold bullion spinel" combination of object shells a few plants, animals and other objects together with the. In the Bible: embroidered mutcha Khan Thi San thakhat or retribution, punished medication symptoms of anemia. With a snail in conjunction with other objects that the object plant components.The format and method of use: The medicine from the shell To make "satu shells" by shells that are used as medicinal pot and set on fire. Set fire to shell, cooked until the white powder is burnt into the position, and then sift the powder to drug information.Chemical elements: The Calcium carbonate (CaCO3) in the crust is burnt, a bark, calcium oxide (CaO). Ancient medicine textbooks using snail หอยเป็นยาสมุนไพรประเภทสัตว์วัตถุ ในตำรับยาไทยมีภูมิปัญญาการปรุงยาจากหอยหลายตำรับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตำรับยานวหอย อันประกอบด้วยหอย 9 ชนิด ประกอบด้วยเปลือก หอยขม หอยแครง หอยนางรม หอยพิมพการัง หอยตาวัว หอยจุ๊บแจง หอยมุก หอยสังข์ หอยกาบ หรือบางตำราก็ว่าใช้หอยมือเสือ เปลือกหอยทั้งเก้าเอามาเผาไฟให้สุกดี จะได้ “ปูนหอย” มีสรรพคุณเป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ขับลมในลำไส้ ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้กระษัย ไตพิการ และบำรุงกระดูก การใช้หอยเป็นยารักษาโรคมีน้อยมาก หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขให้ยกเลิกการใช้ตำรับยานวหอยเป็นยาสามัญประจำบ้าน เพราะหอยบางชนิดก็หายากไม่มีในท้องถิ่น ทำให้ไม่สะดวกในการใช้ และโรคที่ผู้ป่วยมารับการรักษาก็ใช้หอยเข้าตำรับยารักษาน้อยมาก หรือสมุนไพรบางชนิดก็มีสรรพคุณใช้แทนหอยได้ หมอพื้นบ้านจึงเลือกใช้สมุนไพรแทนหอยที่นำมาใช้รักษาโรคนั้นส่วนใหญ่ใช้เปลือกหอยทำยา ใช้ทั้งหอยกาบเดียวและหอยกาบคู่ หอยกาบเดียวคือหอยที่มีฝาเดียว เป็นชนิดที่มีเปลือกสวยงามมีจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนชนิด พบทั่วไปอยู่ในน้ำจืดและน้ำทะเล เช่น หอยขม ส่วนหอยกาบคู่หรือสองฝา มีลำตัวอาศัยอยู่ตรงกลางระหว่างฝาหรือเปลือก บริเวณที่ยึดเปลือกทั้งสองข้างมีลักษณะคล้ายบานพับที่สามารถเปิด-ปิดได้สะดวก มีราวสองหมื่นชนิด เช่น หอยแครง เมื่อนำมาเข้าตำรับยาก็มีทั้งยาเดี่ยวและยาตำรับ ซึ่งสามารถรักษาโรคและกลุ่มอาการต่างๆ ได้หลายชนิด ใช้รักษาทั้งภายในและภายนอก วิธีการปรุงยาแตกต่างกันไปตามภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอด จากบรรพบุรุษ จากตำราหรือการสั่งสมประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยของแต่ละคนเปลือกหอยมีรสเค็ม มีสรรพคุณแก้โรคผิวหนัง โรคพรรดึก ถ่ายชำระน้ำเหลือง ชำระเมือกมันในลำไส้ ฟอกโลหิต แก้เสมหะเหนียว และมีฤทธิ์ซึมซาบไปตามผิวหนัง ส่วนสรรพคุณของหอยที่มีการรวบรวมในตำราหรือคัมภีร์ก็พบว่า เปลือกหอยมีสรรพคุณขับลมในลำไส้ ล้างลำไส้ แก้กระษัย ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการและช่วยบำรุงกระดูก ส่วนสารสำคัญได้แก่แคลเซียม แคลเซียมคาร์บอเนต เป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างยิ่งที่ภูมิปัญญาความรู้ของหมอพื้นบ้านที่นำมาใช้ประโยชน์สอดคล้องกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่หอยที่หมอพื้นบ้านนำมาใช้ปรุงยามากที่สุดคือหอยแครง อาจเพราะเป็นหอยเศรษฐกิจที่หาง่ายราคาถูก รองลงมาคือหอยขมซึ่งเป็นหอยน้ำจืด ตามด้วยหอยเบี้ย หอยสังข์ หอยโข่ง และหอยอื่นๆ โดยแต่ละภาคก็มีการใช้หอยแต่ละชนิดมากน้อยแตกต่างกันไปตามลำดับ ชนิดของหอยที่ใช้มากที่สุดตามลำดับในแต่ภาคดังนี้ ภาคกลางนิยมใช้หอยแครง หอยโข่ง หอยสังข์ ภาคเหนือใช้หอยกาบ หอยขม หอยแครง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใช้หอยแครง หอยขม หอยกาบ ภาคใต้ใช้หอยขม หอยเบี้ย หอยแครงอย่างไรก็ตาม หมอพื้นบ้านในแต่ละภาคก็มีข้อห้ามของโรคและลักษณะอาการที่ห้ามรับประทานหอยแตกต่างกันไป ภาคเหนือ โรคที่ห้ามรับประทานหอย ได้แก่ โรคอัมพาต ไซนัส ริดสีดวงลำไส้ ริดสีดวงทวาร มะเร็ง แผลเรื้อรัง ไข้เรื้อรัง เกาต์ ปวดท้อง อุจจาระร่วง โรคที่เกี่ยวกับมดลูก หมอพื้นบ้านภาคอีสานห้ามคนที่มีอาการปวดศีรษะ เพราะจะทำให้ปวดหนักยิ่งขึ้น ภาคใต้โรคที่ห้ามรับประทานหอย ได้แก่ ประดงเลือด ระดูขาว อาการคันตามผิวหนัง กามโรค เอดส์ มุตกิจ ประดงลม ไซนัส อาการภูมิแพ้ โรคริดสีดวง แผลเรื้อรัง โรคกระเพาะอาหาร โรคลม