ขนมโมจิเริ่มรู้จักความเป็นมาของเค้ก

ขนมโมจิ



เริ่มรู้จักความเป็นมาของเค้กข้าวญี่ปุ่นกันก่อนดีกว่านะ เค้กข้าวสมัยโบราณนั้นนำเข้ามาจากประเทศจีนก่อนและเผยแพร่ไปในประเทศที่ใกล้เคียงรวมทั้ง ญี่ปุ่น และ เกาหลี อีกด้วย ชื่อที่ญี่ปุ่นในปัจจุบันเรียกว่า โมจิ และที่เกาหลีเรียกว่า ต็อก ในญี่ปุ่นนั้นเริ่มมีประเพณีการทำโมจิใน สมัยเฮอัน หรือ ช่วงศตวรรษที่ 10 จริงๆ แล้วสมัยก่อนญี่ปุ่นไม่ได้เรียกเค้กข้าวว่า Mochi หรอกนะ ในตอนแรกเรียกว่า Mochii เพิ่งมาเริ่มเรียกว่า โมจิ ก็ตอนช่วงศตวรรษที่ 18 แล้วล่ะ คำว่า โมจิ นั้น มาจากคำกริยาของญี่ปุ่นก็คือคำว่า Motsu ที่แปลได้ว่า มีให้ถือมีให้ใช้ แล้วเค้าก็เชื่อโมจิว่าเป็นอาหารที่ได้รับมาจากเทพเจ้าด้วยนะ ช่วงก่อนวันปีใหม่ซักหนึ่งสัปดาห์คนญี่ปุ่นเริ่มมีเทศกาลการทำ Mochitsuki ที่แปลว่า พระจันทร์เต็มดวง ที่เห็นกระต่ายตำโมจิบนดวงจันทร์นั่นแหละ และบางพื้นที่จะเรียกว่า Muchimi ซึ่งหมายถึง ความยึดติด นั่นเอง ในตอนแรกๆ นั้นโมจินำมาเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก่อนและต่อมาคนผู้คนเริ่มทำรับประทานกันเองที่บ้าน เพราะวัตถุดิบหาไม่ยาก กรรมวิธีก็ไม่ยาก และยังให้พลังงานได้พอดีกับการทานข้าวซักมื้อหนึ่งอีกด้วย ผู้คนจะทานโมจิในวันที่อากาศหนาวมากๆ เพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และ นักรบซามูไรยังพกโมจิไปออกรบเหตุผลก็เพราะง่ายในการพกพาติดตัวไปน่ะสิ และนักรบสมัยก่อนยังเชื่อมโยงระหว่างเสียงการตำโมจิกับสัญญาณการออกรบอีกด้วย

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Mochi dessertเริ่มรู้จักความเป็นมาของเค้กข้าวญี่ปุ่นกันก่อนดีกว่านะ เค้กข้าวสมัยโบราณนั้นนำเข้ามาจากประเทศจีนก่อนและเผยแพร่ไปในประเทศที่ใกล้เคียงรวมทั้ง ญี่ปุ่น และ เกาหลี อีกด้วย ชื่อที่ญี่ปุ่นในปัจจุบันเรียกว่า โมจิ และที่เกาหลีเรียกว่า ต็อก ในญี่ปุ่นนั้นเริ่มมีประเพณีการทำโมจิใน สมัยเฮอัน หรือ ช่วงศตวรรษที่ 10 จริงๆ แล้วสมัยก่อนญี่ปุ่นไม่ได้เรียกเค้กข้าวว่า Mochi หรอกนะ ในตอนแรกเรียกว่า Mochii เพิ่งมาเริ่มเรียกว่า โมจิ ก็ตอนช่วงศตวรรษที่ 18 แล้วล่ะ คำว่า โมจิ นั้น มาจากคำกริยาของญี่ปุ่นก็คือคำว่า Motsu ที่แปลได้ว่า มีให้ถือมีให้ใช้ แล้วเค้าก็เชื่อโมจิว่าเป็นอาหารที่ได้รับมาจากเทพเจ้าด้วยนะ ช่วงก่อนวันปีใหม่ซักหนึ่งสัปดาห์คนญี่ปุ่นเริ่มมีเทศกาลการทำ Mochitsuki ที่แปลว่า พระจันทร์เต็มดวง ที่เห็นกระต่ายตำโมจิบนดวงจันทร์นั่นแหละ และบางพื้นที่จะเรียกว่า Muchimi ซึ่งหมายถึง ความยึดติด นั่นเอง ในตอนแรกๆ นั้นโมจินำมาเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก่อนและต่อมาคนผู้คนเริ่มทำรับประทานกันเองที่บ้าน เพราะวัตถุดิบหาไม่ยาก กรรมวิธีก็ไม่ยาก และยังให้พลังงานได้พอดีกับการทานข้าวซักมื้อหนึ่งอีกด้วย ผู้คนจะทานโมจิในวันที่อากาศหนาวมากๆ เพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และ นักรบซามูไรยังพกโมจิไปออกรบเหตุผลก็เพราะง่ายในการพกพาติดตัวไปน่ะสิ และนักรบสมัยก่อนยังเชื่อมโยงระหว่างเสียงการตำโมจิกับสัญญาณการออกรบอีกด้วย

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Mochi sweets



.Began to know the history of Japanese rice cake first. Rice cake is imported from China ancient times before and published in the country at the nearby as well as Japan and Korea. The name today in Japan called.And Korea called stock. In Japan, starting a tradition of making Mochi in modern heritage, or during the 10. Then the Japanese call rice cakes that Mochi. At first called Mochii start called Mochi.18? "Mochi is from the verb of Japanese is the Motsu translation that have holders have to use. He believed Moji as food given by God.Mochitsuki that full moon, see Rabbit pounding on the moon's โมจิบ and certain areas are called Muchimi which means. The stick itself. In the first place.Because the raw material is easy to find. The process is not difficult. And also the energy fit to eat a meal. People will eat Moji on a cold day. To add energy to the body.And the Warriors also link between sound energy in Mo will signal war too
.