วัดท่าแขก ตั้งอยู่ที่ บ้านน้อย ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ทางเข้าวัดเป็นถนนเส้นเดียวกันกับทางเข้า แก่งคุดคู้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเลย วัดท่าแขกเป็นวัดโบราณเก่าแก่ของจังหวัดเลย ตามหลักศิลาจารึกที่ถูกค้นพบภายในพระอุโบสถหลังเก่าของวัดท่าแขก ตัวหนังสือเขียนจารึกด้วยอักษรภาษาลาวโบราณ นักโบราณคดีของกรมศิลปากรได้แปลภาษาลาวจากหลักศิลาจารึกเป็นภาษาไทยว่า
วัดท่าแขก สร้างเมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย พุทธศักราช ๒๒๐๙ จุลศักราช ๑๐๒๘ ตรงกับรัชสมัยของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่ง กรุงศรีอโยธยา ( กรุงศรีอยุธยา ) วัดท่าแขกสร้างโดย ท้าวสุวรรณแผ้วพ่าย ซึ่งเป็นโอรสของกษัตริย์ผู้ครองนครล้านช้างหลวงพระบาง
ท้าวสุวรรณแผ้วพ่ายสร้างวัดท่าแขกถวายไว้ในพระบวรพุทธศาสนา เพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญให้กับพระมเหสี และพระราชธิดาของพระองค์ ที่ได้สวรรคตพร้อมกันเนื่องจากเรือล่มในแม่น้ำโขงเขตเมืองเชียงคาน ในคราวที่ท้าวสุวรรณแผ้วพ่ายพาพระมเหสีและพระราชธิดาเสด็จทางเรือไปยังเมืองสีสัตนานาคคนหุต ( เมืองเวียงจันทร์ )
พุทธศักราช ๒๔๖๙ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และพระภิกษุสามเณรจำนวนหนึ่ง ท่านได้เดินธุดงค์ผ่านมาทางเชียงคาน หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นได้พาคณะศิษย์ที่ติดตามมาพักภาวนาที่วัดท่าแขก ซึ่งในตอนนั้นวัดท่าแขกยังเป็นวัดร้างอยู่ คณะของหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นพักภาวนาอยู่ที่วัดท่าแขกได้ระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นท่านทั้งสองจึงพาคณะศิษย์เดินทางไปเที่ยววิเวกยังสถานที่แห่งอื่น
พุทธศักราช ๒๔๗๐ หลวงปู่เสาร์ กัตสีโล หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่คำหล้า ขันติธโ และคณะทั้งหมด ๕ รูป ได้เดินทางมาพักภาวนาอยู่ที่วัดร้างท่าแขก หลวงปู่เสาร์ท่านพาหลวงปู่ชอบและพระเณรร่วมกับชาวบ้านเชียงคาน ทำการบูรณะซากปรักหักพังของอิฐดินหินปูนที่พังทับถมกัน ท่านได้จัดเรียงขึ้นมาใหม่ หลวงปู่เสาร์ท่านเอาเศษอิฐเศษหินมาก่อเป็นแท่นเพื่อใช้เป็นฐานที่ตั้งชั่วคราวของพระพุทธรูปโบราณ ๓ องค์ ที่ท่านพบอยู่ภายในอุโบสถวัดท่าแขก หลวงปู่เสาร์และพักอยู่ที่วัดท่าแขกประมาณ ๑๔ วัน จากนั้นท่านเดินทางไปเที่ยววิเวกไปทาง เมืองแก่นท้าว ประเทศลาว
จนกระทั่งปีพุทธศักราช ๒๕๑๙ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านมีดำหริที่จะฟื้นฟูวัดร้างท่าแขกแห่งนี้ขึ้นมา ท่านจึงมอบหมายภาระนี้ให้กับลูกศิษย์ของท่านสององค์คือ พระราชสีลสังวร ( ท่านเจ้าคุณนาซ่าว ) และ หลวงพ่อบัวคำ มหาวีโร ร่วมกับพระอีก ๓ รูปคือ หลวงพ่อก้อนทอง ปิยธัมโม หลวงพ่อบุญเรือง พระพัง เข้ามาบูรณะวัดท่าแขกขึ้นใหม่อีกครั้ง
พระราชสีลสังวรและหลวงพ่อบัวคำ พาพระและชาวบ้านน้อยเชียงคานรื้อซากปรักหักพังของพระอุโบสถ และซากเจดีย์เก่าของวัดท่าแขก เพื่อทำการจัดเรียงขึ้นมาใหม่ สร้างศาลาชั่วคราวมุงด้วยสังกะสีเพื่อเอาไว้ครอบพระพุทธรูปโบราณทั้ง ๓ องค์ ก่อนจะเข้าพรรษาในปีนั้น หลวงปู่ชอบท่านได้เดินทางมาพักค้างคืนที่วัดท่าแขก ๒ คืน พอใกล้จะถึงวันปวารณาเข้าพรรษา ท่านจึงกลับมาจำพรรษาที่ วัดป่าสัมมานุสรณ์ ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
หลวงปู่ชอบได้มอบหมายให้ลูกศิษย์ของท่าน ๓ องค์คือ หลวงพ่อบัวคำ มหาวีโร หลวงพ่อก้อนทอง ปิยะธัมโม หลวงพ่อสอน ให้มาจำพรรษาที่วัดท่าแขก เพื่อปลูกฝังศรัทธาของพระศาสนาแก่พุทธบริษัทในท้องถิ่นแถบนี้ จากนั้นเป็นต้นมาวัดท่าแขกจึงมีพระภิกษุสามเณรที่เป็นลูกศิษย์สายของ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เดินทางแวะเวียนเข้ามาพัก และจำพรรษาอยู่เสมอมิเคยขาดจนตราบเท่าปัจจุบัน
พุทธศักราช ๒๕๒๔ พระอาจารย์แดง จันทวังโส ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดท่าแขก หลวงปู่ชอบท่านจึงมอบหมายให้พระอาจารย์แดง เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าแขก โดยหลวงปู่ชอบท่านเมตตารับวัดท่าแขกไว้ในความอุปถัมภ์ วัดท่าแขกจึงอยู่ในความเมตตาอุปถัมภ์ของ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม มาโดยตลอดจนตราบเท่าทุกวันนี้
วัดท่าแขก ชื่อเดิมในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านในท้องถิ่นจะเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดท่าแข่ คำว่า แข่ ในภาษาอีสานแปลว่า จระเข้ ที่ชาวบ้านในสมัยนั้นเรียกวัดนี้ว่าวัดท่าแข่เพราะว่า ที่บริเวณท่าลานหินข้างวัดที่ติดกับแม่น้ำโขง สมัยนั้นจะมีจระเข้อาศัยอยู่อย่างชุกชุม พวกจระเข้มักจะพากันมานอนผึ่งแดดอยู่ที่ท่าลานหินของวัด เมื่อสร้างวัดนี้ขึ้นมาชาวบ้านจึงพากันเรียกชื่อวัดว่า วัดท่าแข่ พอปัจจุบันมีการเรียกชื่อวัดแห่งนี้ผิดเพี้ยนไปจากชื่อเดิมเป็นอย่างมาก จากเดิมเรียกว่า วัดท่าแข้ ปัจจุบันได้เพี้ยนไปเป็นชื่อ วัดท่าแขก ดั่งที่ทราบโดยทั่วไป ..