หนังสือเล่มนี้ชื่อ the little prince ผู้แต่งคือ Antoine de Saint-Exupery
แต่งขึ้นในปี in april 1943 ซึ่งเป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะเด็กๆจะชอบมากเพราะเป็นหนังสือที่ให้แง่คิด และมีความสนุกที่หลากหลายในตัวละครที่ต้องดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆเพราะความต้องการบางอย่างของตัวละครในเรื่อง นั่นคือ เจ้าชายน้อย
เจ้าชายน้อย ตัวละครในเรื่องมีลักษณะนิสัยที่ชอบการค้นหาด้วยตัวเอง โดยกล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาหรืออุปสรรคที่ผ่านเข้ามา เขากล้าที่จะเดินทางไปหาความฝันของเขา เมื่อเขาพบเจอกับสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นหรือไม่เคยรู้จักเขาก็ถามจะบุคคลคนนั่นที่เขาพูดด้วยหรือบุคคลที่พูดคำนั่นออกมา เขาจะถามคำถามซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าเขาจะได้คำตอบ ซึ่งเป็นตัวละครที่น่าติดตามมาก เพราะในบ้างครั้งคำถามของเจ้าชายก็เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่ต้องการคำตอบ ซึ่งมันก็แตกต่างจากผู้ใหญ่ที่บางคนเมื่อเด็กถามคำถามบางอย่างก็มักว่าอย่ามายุ่งมันไม่ใช่เรื่องของเด็ก หรือ ยังเป็นเด็กอยู่ที่สมควรที่จะรู้เรื่องนี้ทั้งๆที่มันก็ควรที่จะรู้ไว้ ไม่มีผิด
เจ้าชายน้อยเป็นเจ้าชายที่อยู่ดวงดาวดวงหนึ่งแต่ว่าเขาต้องการที่จะหาดวงดาวอื่นที่สามารถทำให้เขามองเห็นพระอาทิตย์อัสดงอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ต้องรอเวลาที่ว่าจะได้ดูเวลานี้เท่านั่น เขาต้องการดูพระอาทิตย์อัสดงตอนไหนก็ได้ ถ้าเขาต้องการ ซึ่งดวงดาวที่เขาอาศัยอยู่ก็สามารถมองเห็นได้แต่เขาต้องขยับเก้าอี้ตาม ต้องขยับซ้ายบาง ขวาบ้าง เพื่อที่จะได้เห็นอย่างชัดเจน แต่เขาก็ต้องการดาวดวงอื่น ที่ดาวดวงของเจ้าชายน้อยมีภูเขาไฟ 3 ลูก และดอกไม้ 1 ดอก ซึ่งทุกวันเจ้าชายจะทำความสะอาดภูเขาไฟของเขาซึ่งมีอยู่ 1 ลูกที่ดับ เขาจึงต้องทำความสะอาดก่อนที่เขาจะออกไปหาดวงดาวดวงอื่น และมีสิ่งที่สำคัญอีก 1 อย่างนั่นคือ ดอกไม้ 1 ดอกที่เกิดอยู่บนดวงดาวของเจ้าชายน้อย เจ้าชายเฝ้าติดตามมาโดยตลอดว่าโตขึ้นดอกไม้ดอกนี้จะมีลักษณะอย่างไร เมื่อโตเติมที่ผลปรากฏว่าเป็นดอกไม้ที่สวยมาก แต่ไม่รู้คือดอกอะไร มีหนาม 4 หนาม และดอกไม้นั่นเป็นดอกผู้หญิง ซึ่งเจ้าชายก็ได้ลาดอกไม้ เพื่อที่เขาจะได้ตามหาดวงดาวที่เขาต้องการ ดวงดาวดวงแรก คือ ดวงดาวพระราชา เป็นดวงดาวที่บอกถึงโลกทั้งโลกแสนจะธรรมดาสำหรับพระองค์ และมนุษย์ทุกคนคือข้าราชบริพารสำหรับเขา เป็นดวงดาวที่มีแต่คำสั่งที่มนุษย์ทุกคนต้องทำตามคำสั่งของเขาเท่านั่น ซึ่งความรู้สึกของเจ้าชายน้อยก็คิดว่าทำไมคนเราต้องไปตัดสินคนอื่นในเมื่อเราสามารถกำหนดชีวิตเราเองได้ เจ้าชายน้อยจึงไปยังดวงดาวที่สอง นั่นคือดวงดาวผู้ที่หลงตัวเอง เมื่อเจ้าชายเข้าไปพบ เขาก็ต้องแปลกใจเพราะเมื่อไปถึงดวงดาวผู้นี้กลับต้องการให้เจ้าชายน้อยชมตัวเขาอยู่ตลอดเวลา เจ้าชายน้อยรู้สึกเบื่อ เพราะมันเป็นการเล่นซ้ำๆซากๆ เจ้าชายน้อยจึงจากไป พอไปถึงดวงดาวที่สาม เจ้าชายน้อยไปเจอดวงดาวคนนักดื่ม ซึ่งก็ทำให้เจ้าชายน้อยสงสัยว่าดื่มอะไร และดื่มทำไม แต่เมื่อถามกลับได้คำตอบจากดวงดาวนักดื่มกลับไปกลับมา ความรู้สึกของเจ้าชายน้อยก็รู้สึกงงๆ กับดวงดาวคนนักดื่ม จึงเดินจากไป พอไปถึงดวงดาวที่ สี่ คือดวงดาวนักธุรกิจ ที่ทำงานแต่เกี่ยวกับตัวเลข แม้กระทั่งเจ้าชายน้อยไปถึงก็ยังไม่มองหน้ามาดูเจ้าชายน้อยเลย เจ้าชายน้อยถามว่าเจ้ากำลังทำอะไร แต่เขาก็มีแต่บวกเลข ลบเลขไปเรื่อย สุดท้ายเขาจึงยอมพูดด้วยแต่พูดด้วยความรำคาญเพราะเขาคิดว่าเจ้าชายน้อยมารบกวนสมาธิในการบวกเลข ลบเลขเกี่ยวกับดวงดาวของเขา เจ้าชายน้อยจึงจากไป เอจ้าชายน้อยได้ไปพบกับดวงดาวที่ห้า นั่นคือ ดวงดาวที่เล็กที่สุด มีเพียงเสาไฟฟ้าหนึ่งต้นและคนที่ยืนได้เพียงคนเดียว เมื่อเจ้าชายไปถึงเขาก็ได้แต่เปิดไฟ และดับไฟ สลับไปสลับมา แค่1นาที และเขาก็ไม่ได้พักผ่อนเลย เจ้าชายน้อยจึงรู้ว่า ดาวดวงนี้เป็นดวงดาวที่รู้หน้าที่ของตนเอง และเขาก็เสียดายเพราะดาวดวงนี้มีพระอาทิตย์อัสดง เจ้าชายจึงจากไป พอมาถึงดวงที่หก นั่นคือ ดวงดาวที่ใหญ่กว่าดาวที่ห้า เป็นดวงดาวนักภูมิศาสตร์ ที่ค่อยบันทึกหนังสือเกี่ยวกับ ภูเขา แม่น้ำ มหาสมุทร ในการบันทึกเรื่องราวที่เป็นจริง แล้วเจ้าชายน้อยก็นึกถึงดอกไม้ที่อยู่บนโลกของเจ้าชาย พอไปดาวดวงที่เจ็ด คือ โลกมนุษย์ เจ้าชายได้พบอะไรที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น งู ดอกไม้ ภูเขาสูงใหญ่ ดอกไม้ดอกหลายดอกที่มีลักษณะเหมือนดอกที่อยู่บนดวงดาวของตนเอง และสุดท้ายก็ได้ไปเจอ สุนัขป่า ที่สุนัขป่าตัวนี้ต้องการจะสานความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าชายน้อย จนทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเจ้าชายน้อยก็ได้นึกถึงดอกไม้ที่เขาดูแลรักษา แล้วเจ้าชายน้อยก็เศร้า แต่สุดท้ายก็จบด้วยดี
ผู้เขียนให้ความรู้สึกที่ว่ามนุษย์ทุกคนไม่เหมือนกันบางคนต้องการความเป็นใหญ่เพียงผู้เดียว บางคนก็ต้องการแต่คำชมเชยจากคน บางคนก็ทำแต่งานโดยไม่สนใจเรื่องของคนอื่น ซึ่งมันก็ให้เรามองเห็นปัญหาทุกปัญหาในสังคม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือ ความรัก ความสุขที่เรามีให้แก่คนที่เรารักไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งหาสิ่งอื่นใด บางครั้งอาจจะอยู่กับเราก็เป็นได้ ในความรู้สึกของดิฉัน ฉันคิดว่าความรัก ความสุขที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามหาสิ่งอื่นใดอีกเพราะมันก็สามารถทำให้เรามีความสุขได้
เรื่องนี้สอนให้เราได้รู้ว่า การที่คนเราวิ่งตามหาสิ่งที่เราต้องการ ถ้ามันทำให้เราเหนื่อยและไม่พบตามความฝันของเรา แต่บางครั้งถ้าเรามองกลับมาตังเราอีกครั้งอาจจะมีสิ่งหนึ่งที่อยู่กับเราแล้วทำให้เรามีความสุขมากก็ได้