จากประวัติความเป็นมาสืบได้ว่า ฟักทอ

จากประวัติความเป็นมาสืบได้ว่า ฟักทอง มีการปลูกมาตั้งแต่ 10,000-30,000 ปี ที่ผ่านมา จัดเป็นพืชผักที่มีการใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนานที่สุดชนิดหนึ่ง สำหรับประเทศไทย ฟักทอง จะมีชื่อเรียกแตกต่างตามพื้นที่ อาทิ ภาคใต้ จะเรียก "น้ำเต้า" ภาคเหนือ เรียก "ฟักเขียว", "มะฟักแม้ว" ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียก "ฟักเหลือง", "หมากอึ" และภาคกลาง เรียก "ฟักทอง" เป็นต้น ในทางโภชนาการจัดให้ฟักทองเป็นพืชผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูงชนิดหนึ่ง น้ำหนักของฟักทองสด จำนวน 100 กรัม (1 ขีด) จะมีปริมาณเส้นใย 1.1 กรัม วิตามินเอ 1,600 IU และวิตามินซี 9 มิลลิกรัม นอกจากนั้น ยังจัดเป็นพืชผักที่มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ในทางการแพทย์มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ว่า สารเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นในการสร้างวิตามินเอปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด และยังเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระและยังมีส่วนช่วยในการกำจัดเซลล์มะเร็ง

สำหรับบ้านเราพบว่า ฟักทอง ที่ปลูกเพื่อการบริโภคนั้น ลักษณะของพันธุ์จะมีเปลือกสีเขียวคล้ำ ร่องผลเป็นพูสม่ำเสมอ หรือเปลือกขรุขระแบบหนังคางคก ผลที่แก่จัดขึ้นนวลสีขาวตั้งแต่ขั้วไปทั้งผล และนิยมปลูกพันธุ์ผลใหญ่ มีน้ำหนักมากกว่า 4-5 กิโลกรัม หรือผลเล็กมีน้ำหนักผลระหว่าง 2-3 กิโลกรัม ในปัจจุบันพันธุ์ฟักทองทางการค้าที่เกษตรกรไทยนิยมปลูกจะใช้พันธุ์ลูกผสม เนื่องจากให้ผลผลิตสูงและมีเปลือกแบบหนังคางคกหรือลายข้าวตอก สภาพพื้นที่และฤดูที่เหมาะสมต่อการปลูกฟักทองจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินที่มีค่า pH=5.5-6.8 จัดเป็นพืชผักที่ทนดินสภาพกรดได้ระดับปานกลาง และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำที่ดี โดยปกติแล้วฤดูการผลิตฟักทองที่เหมาะสมจะปลูกในช่วงเดือนกรกฎาคม-มกราคม จะปลูกหลังจากที่ต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด มีใบจริง จำนวน 1 ใบ หรือเมื่ออายุต้นกล้ามีอายุได้ 9-12 วัน ให้ย้ายปลูก ถ้ามีแหล่งน้ำที่ดี หรือปลูกในช่วงฤดูฝน อาจจะปลูกโดยการหยอดเมล็ดได้โดยตรง ต้นฟักทองจะเริ่มออกดอกหลังจากย้ายปลูกไปประมาณ 40-50 วัน มีช่วงเวลาในการผสมเกสร 10-15 วัน หลังจากผสมเกสร 40-50 วัน จึงเริ่มเก็บเกี่ยวผลแก่ และมีช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยว 15-20 วัน ใช้เวลาตลอดฤดูการผลิตฟักทองในแต่ละรุ่น 100-120 วัน ดอกเพศเมียและเพศผู้จะบานในตอนเช้า จะบานในช่วงเวลา 03.30-06.00 น. อับเรณูจะแตกระหว่างเวลา 21.00-03.00 น. ละอองเรณูจะมีชีวิตอยู่ได้ 16 ชั่วโมง หลังอับเรณูแตกยอดเกสรเพศเมียพร้อมรับการผสมเกสรก่อนดอกบาน 2 ชั่วโมง และหลังดอกบาน 10 ชั่วโมง ดังนั้น ช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมในการผสมเกสรคือ ตั้งแต่เวลา 06.00-09.00 น. ต้นฟักทองจะเจริญเติบโตได้ผลดีที่อุณหภูมิระหว่าง 18-27 องศาเซลเซียส จัดเป็นพืชผักที่ไม่ทนต่อความหนาวเย็นจัด อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ดเฉลี่ยอยู่ที่ 25-30 องศาเซลเซียส พบว่าต้นฟักทองจะชะงักการเจริญเติบโตในสภาพอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส



วิธีการเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทองแบบปลอดภัย

ในการเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทอง เกษตรกรต้องตรวจสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน เมื่อตรวจพบว่าดินมีค่าความเป็นกรดสูง หรือมีค่า pH ต่ำกว่า 5.5 จะต้องใส่ปูนขาว หินปูน หรือปูนโดโลไมต์ อัตรา 100-200 กิโลกรัม ต่อไร่ (การใส่ปูนขาว ควรใส่ก่อนที่จะลงมือปลูกอย่างน้อย 1 สัปดาห์) หลังจากนั้น ให้ไถพรวนผสมคลุกเคล้าให้ปูนผสมกับดินและตากดินทิ้งไว้ ในการเตรียมดินเพื่อปลูกฟักทองในแต่ละรุ่นจะต้องเริ่มต้นจากการไถพรวนตากดินให้มีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร ปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อให้วัชพืชตาย

นอกจากนี้ การใช้ปุ๋ยหมักเพื่อการปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิตของฟักทอง การใช้ปุ๋ยหมักอย่างต่อเนื่องจะมีผลดีต่อการปรับปรุงคุณภาพของดิน อัตราการใช้ปุ๋ยหมักขึ้นอยู่กับประเภทของดินที่ใช้ปลูกฟักทอง สำหรับดินทรายหรือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก อัตราการใส่ปุ๋ยหมักจะสูง ส่วนดินเหนียวในภาคกลางหรือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางทางภาคเหนือ จะใช้อัตราปุ๋ยหมักที่ต่ำกว่าระยะปลูกฟักทอง ควรจะใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 1 เมตร ระยะระหว่างเถา 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 400 ต้น ต่อไร่ ในการเตรียมพื้นที่ด้วยการปักหลักไม้ทุกระยะ 1 และ 4 เมตร ไปตามแนวของพื้นที่ปลูก เปิดร่องใส่ปุ๋ยตามแนวหลักไม้ที่ปักไว้ เปิดร่องให้ลึก 30 เซนติเมตร จากนั้นใส่ปุ๋ยหมักรองพื้น อัตรา 2 ตัน ต่อ 1 ไร่ และใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 อัตรา 50 กิโลกรัม ต่อไร่ จากนั้นเปิดร่องน้ำและกลบปุ๋ยรองพื้น ได้แปลงที่มีความกว้าง 4.5 เมตร ร่องน้ำกว้าง 50 เซนติเมตร ปลูกต้นฟักทองให้ห่างจากขอบแปลง 25 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร ระยะระหว่างแถว 4 เมตร ปลูก 2 แถว เลื้อยเข้าหากัน จำนวน 1 ต้น ต่อหลุม ยกแปลงให้สูง 30 เซนติเมตร เพื่อให้การระบายน้ำได้ผลดี คลุมพลาสติคกว้าง 1.5 เมตร หรือใช้ฟางข้าวเป็นแถวยาวในแนวที่ย้ายปลูกเพื่อป้องกันการงอกของวัชพืชในระยะที่เถายาว 1.5 เมตร

สำหรับวิธีการปลูกฟักทองในรูปแบบของเกษตรอินทรีย์นั้น ผศ.ดร.จานุลักษณ์ ขนบดี สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปลูกฟักทองโดยไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารสังเคราะห์ทุกชนิด มีการปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดีโดยใช้ปุ๋ยหมักมีการคลุมดินด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ฟางข้าว ซากพืช และสัตว์ที่ผุพัง มีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อลดการระบายของศัตรูพืชและมีการอนุรักษ์แมลงที่เป็นประโยชน์ สำหรับน้ำหมักชีวภาพที่ผลิตจากพืช เช่น ผักต่างๆ ผลไม้ วัชพืช และสมุนไพร เป็นต้น ใช้อัตราส่วนเศษพืช 3 ส่วน กากน้ำตาล 1 ส่วน โดยนำวัสดุมาย่อยหรือสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้ละเอียดคลุกเคล้ากับกากน้ำตาลให้เข้ากันในภาชนะ โดยใส่ให้เกือบเต็ม ปิดฝาเก็บไว้ในที่ร่มมีสภาพอากาศถ่ายเทดี หลังจากการหมักไปได้ 7-10 วัน ให้กรองเอาแต่ของเหลวมาผสมน้ำ อัตราส่วน 1 : 200 หรือ 1 : 1,000 ฉีดพ่นต้นพืชหรือราดลงดินบริเวณรากพืช

ยังมีสูตรน้ำปุ๋ยชีวภา

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

From the history of succession whether growing pumpkins since 10000-30000 years ago. They are classified as vegetable crops that have long considered to be one of the most. Thailand country pumpkin will have different areas, namely the South would call "calabash" North. Called "the hatch", "Mahmood hatch MEO" Northeast. Called "the hatch", "yellow" crap and Central chess. Called the "pumpkin", etc. In nutritional pumpkin vegetable plants are supplied with a high nutritional value, type of. Weight of 100 grams of fresh pumpkin number (1 tick) to 1.1 g of fibre, vitamin a, vitamin c and 1,600 IU 9 mg. It also classified as vegetables that beta-carotene metabolites with aromatic hydrocarbons. In the medical field have scientific information that. Beta-carotene immortal substance, precursor to create vitamin a protects the skin from ultraviolet radiation from the Sun and is also anti-Oxidising substances and dance to help get rid of free radicals and also helps to eliminate cancer cells.For the home we discovered that pumpkins are grown for consumption. The characteristics of the breed will have green bark dark grooves, effects are uneven or rough bark leather pool Toad. Results for soft white pole held since both effects and commonly grown varieties, large effects weighing more than 4-5 kg or little effect on weight between 2-3 kg in the current pumpkin varieties that farmers commonly grown cultivars, Thailand will use a hybrid because of the high productivity and the shell of the leather Chin c.Or the striped rice hammered the area, and at the appropriate season to plant pumpkins will grow well in soil conditions that have a value of pH = 5.5-6.8 is classified as a vegetable soil resistant saphapkrot has a moderate and can grow well in loose sandy soil with good drainage. Usually, the production season proper is planted pumpkins during July-January will be planted after the seedlings obtained from seeds have an actual number 1 or when the age of seedlings with age 9-12 days, moved grown. If there is a good water source or planted in the rainy season, may be grown by sowing directly. Beginning of the pumpkin will start flowering after planting to about 40-50 days, there was a time in the pollination of 10-15 days after pollination, 40-50 days and harvest began, there was a time, in 15-20 days from harvest throughout the season takes the production of pumpkin in each version of the 100-120 days flowering females and males will bloom in the morning. Bloom at 06.00 pm-03.30 anthers can vary between 21.00-03.00 a.m., pollen will be 16 hours after bacterial crack stigma be pollinated before flowering and after flowering for 2 hours to 10 hours, so the moment is appropriate for pollination, that is, from the time.06.00-09.00 pm. pumpkin tree will grow at a temperature of between 18-results-27 degrees Celsius. Classified as a vegetable that does not tolerate cold temperatures, held that the appropriate seed germination at 25-30° c. At the beginning, the Pumpkins will halt the growing in temperatures lower than 10° c.How to prepare pumpkin growers a secure area.In preparing the area cultivated pumpkins. Farmers must make acid-base condition of the soil. When it detects that the soil has a high acid or pH less than 5.5 will need to put the lime. Limestone or dolomite cement rate of 100-200 kilograms per Rai (put the lime should be put before the hand planting of at least 1 week) and then tilled to loosen mixed mash, mixed with soil and clay mortar rack to leave. To prepare the soil for planting pumpkins in each generation must start from bottom rack to soil depth of at least 30 centimetres, left at least half a month to keep the weeds die.นอกจากนี้ การใช้ปุ๋ยหมักเพื่อการปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิตของฟักทอง การใช้ปุ๋ยหมักอย่างต่อเนื่องจะมีผลดีต่อการปรับปรุงคุณภาพของดิน อัตราการใช้ปุ๋ยหมักขึ้นอยู่กับประเภทของดินที่ใช้ปลูกฟักทอง สำหรับดินทรายหรือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก อัตราการใส่ปุ๋ยหมักจะสูง ส่วนดินเหนียวในภาคกลางหรือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางทางภาคเหนือ จะใช้อัตราปุ๋ยหมักที่ต่ำกว่าระยะปลูกฟักทอง ควรจะใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 1 เมตร ระยะระหว่างเถา 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 400 ต้น ต่อไร่ ในการเตรียมพื้นที่ด้วยการปักหลักไม้ทุกระยะ 1 และ 4 เมตร ไปตามแนวของพื้นที่ปลูก เปิดร่องใส่ปุ๋ยตามแนวหลักไม้ที่ปักไว้ เปิดร่องให้ลึก 30 เซนติเมตร จากนั้นใส่ปุ๋ยหมักรองพื้น อัตรา 2 ตัน ต่อ 1 ไร่ และใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 อัตรา 50 กิโลกรัม ต่อไร่ จากนั้นเปิดร่องน้ำและกลบปุ๋ยรองพื้น ได้แปลงที่มีความกว้าง 4.5 เมตร ร่องน้ำกว้าง 50 เซนติเมตร ปลูกต้นฟักทองให้ห่างจากขอบแปลง 25 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร ระยะระหว่างแถว 4 เมตร ปลูก 2 แถว เลื้อยเข้าหากัน จำนวน 1 ต้น ต่อหลุม ยกแปลงให้สูง 30 เซนติเมตร เพื่อให้การระบายน้ำได้ผลดี คลุมพลาสติคกว้าง 1.5 เมตร หรือใช้ฟางข้าวเป็นแถวยาวในแนวที่ย้ายปลูกเพื่อป้องกันการงอกของวัชพืชในระยะที่เถายาว 1.5 เมตรสำหรับวิธีการปลูกฟักทองในรูปแบบของเกษตรอินทรีย์นั้น ผศ.ดร.จานุลักษณ์ ขนบดี สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปลูกฟักทองโดยไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารสังเคราะห์ทุกชนิด มีการปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดีโดยใช้ปุ๋ยหมักมีการคลุมดินด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ฟางข้าว ซากพืช และสัตว์ที่ผุพัง มีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อลดการระบายของศัตรูพืชและมีการอนุรักษ์แมลงที่เป็นประโยชน์ สำหรับน้ำหมักชีวภาพที่ผลิตจากพืช เช่น ผักต่างๆ ผลไม้ วัชพืช และสมุนไพร เป็นต้น ใช้อัตราส่วนเศษพืช 3 ส่วน กากน้ำตาล 1 ส่วน โดยนำวัสดุมาย่อยหรือสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้ละเอียดคลุกเคล้ากับกากน้ำตาลให้เข้ากันในภาชนะ โดยใส่ให้เกือบเต็ม ปิดฝาเก็บไว้ในที่ร่มมีสภาพอากาศถ่ายเทดี หลังจากการหมักไปได้ 7-10 วัน ให้กรองเอาแต่ของเหลวมาผสมน้ำ อัตราส่วน 1 : 200 หรือ 1 : 1,000 ฉีดพ่นต้นพืชหรือราดลงดินบริเวณรากพืชThere are also recipes compost wapha cheese.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

History dating from the pumpkin has grown ever since. 10,000-30,000 years ago, a plant that has been used for the longest one. In Thailand, the pumpkin is called different areas such as the south is called "calabash" North, called "gourd", "Ma Chayote" Northeast called "pumpkin", "piece of shit" and a central call ". pumpkin, "etc., provide nutritional pumpkin is a vegetable with high nutritional value species. Pumpkin live weight of 100 grams (1 match) will have 1.1 grams of fiber, vitamin A, vitamin C and 1,600 IU 9 mg also classified as vegetables containing beta carotene high. Medical scientific information. Beta carotene, a precursor of vitamin A protects the skin from ultraviolet radiation from the sun. And also as anti oxidant that helps to eliminate free radicals and also helps in eliminating cancer cells

, we found that pumpkins are grown for home consumption then. The characteristics of the varieties have dark green shell. The result is a consistent groove lobe Rough bark or leather toad Held at the White Clay from pole to both. And the growing popularity of large breeds Weighing more than 4-5 kg or small, weighing between 2-3 kg pumpkin varieties currently grown commercially in Thailand, farmers are using hybrid varieties. Due to the high yield and a leather shell pattern or toad popped. Conditions and the right to grow pumpkins will grow well in soils with a pH = 5.5-6.8 is vegetable-resistant acid soil conditions are moderate. And can grow well in sandy loam with good drainage. Typically, the production season, the pumpkin is grown during the months from July to January. After the seedlings are planted from seeds or leaves one with the real number was between the age of 9-12 days, the seedlings transplanted a good water source. Or planted in the rainy season May be planted by direct sowing. The pumpkin will begin flowering around 40-50 days after transplanting to a period of 10-15 days after pollination pollination 40-50 days to begin to reap. And a time to harvest 15-20 days spent in each pumpkin production season 100-120 days, the female and male flowers will bloom in the morning. Will bloom in time 03:30 to 06:00 hrs. Anther break between 21:00 to 03:00 hrs. Pollen is alive 16 hours after the female stigma anthers with the pollinated flowers before and after two hours. 10 hours, so the flowering period is appropriate in pollination is from 6:00 to 9:00 pm. the pumpkin will grow well at temperatures between 18-27 degrees Celsius, a vegetable that does not tolerate the cold. set The optimum temperature for germination is 25-30 degrees Celsius, the average of the pumpkin will stop growing at temperatures lower than 10 degrees Celsius



, how to prepare a safe area planted pumpkins

in preparation for planting pumpkins. Farmers need to check the acid - alkaline soil. When it detects that the soil pH with a pH lower than 5.5 or higher is required to put lime, limestone or dolomite lime rate of 100-200 kg per hectare (putting lime. Should be planted before at least one week), then plowing mix mix mortar mixed with clay and soil left exposed. In preparing the soil for planting pumpkins in each generation must start by tilling the soil dry to a depth of at least 30 cm left at least half a month to keep the weeds die

also. Using compost to the soil to increase the yield of pumpkins. The use of compost continued to have a positive impact on improving the quality of the soil. The compost is used depends on the type of soil used to grow pumpkins. For sand or sandy loam soils with low fertility to the northeast and east. The compost is high. The clay in the central or sandy loam with moderate fertility north. Use compost at a rate lower than the pumpkin. Should one meter spacing between the vines between 4 meters to one hectare planted 400 trees per acre to prepare the area by staking timber every one and four meters along the plantation. Open ditches, fertilizing trees along the main set. Open groove 30 cm deep layer of compost rate of 2 tons per 1 ha and fertilizer formula such as 16-16-16 rate of 50 kg per hectare, then turn the channel and removing manure Foundation. Converts a wide 4.5 meter channel width 50 cm planted pumpkin away from the edge to 25 cm distance between the 1.5 meter distance between rows 4 meters planted two rows of vines together of one per hole, raised to a height of 30 cm. the drainage works. A 1.5 meter wide plastic or straw in a long line of moves to prevent the proliferation of weeds growing in the vine 1.5m

for how to grow pumpkins in the form of organic farming. Asst. Prof. Dr. Muhammed's traditional good looks Lampang Agricultural Research and Training. Rajamangala University of Technology Lanna Pumpkin grown without chemical fertilizers and synthetic materials of all kinds. Improving soil quality by using compost to mulch with natural materials such as straw, dead plants and animals decay. A crop rotation to reduce the drain of pests and beneficial insects are conserved. Microorganisms for the production of crops such as vegetables, fruits, herbs, weeds and plant debris, so the ratio of 3 parts sugar to 1 part by material subsidiaries or chop them into small pieces. Grind or mash with molasses together in a container. By a nearly full Cover and store it in a well-ventilated indoor climate. After fermentation to 7-10 days to filter keeps the water liquid ratio of 1: 200 or 1: 1000, spraying or pouring into the soil around plant roots

also have water Biological fertilizer.