-Constitutional Court-assigned (the Supreme Court), one of the highest court, the Court consists of a Chief Judge and the other not exceeding 13 High Court (High Court) have each State 1 and State Court (Court Primar) in each county within the State is divided into districts, each judge the Court the highest court 1 has been named President, which the President will consult from the bench, the highest court of the State of which the Court deems necessary.The highest court-- In addition to the lower court, the appeal comes from the spot. It is also the Court of jurisdiction to consider that a city without one appeal and has the power to determine whether the law of the Parliament or the President of the command against the Constitution. Coming into force.* State ---There is a Legislative Assembly of its own head of State, some States have two Council called the Regent, in which the President is appointing authority within their own State Government, and is the leader of the Government, called the mukmontri, which is responsible for the Legislative Assembly of the State that there are various State and Union territory State 25 (Union Territory) built 7.* Political parties ---There are many parties. The policy differs from the far right to far left. The major political parties including the Congress Party. Peoples party of kata World pool party The Communist Party, etc.* Local administration ---Is divided into 4 levels are.---The village Assembly pan Java authorization (Panjayat Village), a village Council is responsible for some of the about health and education of the village.---Development zone, set up to develop Java permissions can pan Assembly (Panjayat Samiti) consider it Bill for agriculture development, etc.---District. Assembly c la Pai River (Zila Parishad), as expected for an administrator to manage local affairs.---Road, is a State of the Government of the Hong. There are no people's Council.* Foreign policy ---India accepted the main conduct of esteemed international five. The primary sacrament, called the fifth is the basis of the resolutions of the meeting, the agreement covered the main display 5:-The respect for the sovereignty and territory of political unity.---Non-invasive.-Non-interference in other country's internal affairs.-Equality and mutual benefit.---The existence shared by Santi* Foreign policy of indiatop in Thailand ---อินเดียกับไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับอัครราชทูต เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐ และต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นระดับเอกอัครราชทูตเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๔---ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินเดียมีมาในอดีตเป็นเวลากว่าสองพันปี คือเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๑๔ ศาสนาพุทธได้ถูกนำมาเผยแพร่ ที่เมืองนครปฐมเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และได้เจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ทางด้านภาษาเป็นอย่างมาก เพราะภาษาไทยได้รับอิทธิพลจากภาษาบาลี และสันสกฤต---ในระยะหลังสงครามมหาเอเซียบูรพา ได้มีชาวไทยเดินทางไปแสวงบุญในอินเดียเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ และรัฐบาลอินเดียก็ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ ในการบูรณะปฏิสังขรณ์ สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาในอินเดีย เช่น ที่พุทธคยา เมืองราชคฤห์ สารนารถ กุสินารายณ์ เป็นต้น---ในปี พ.ศ.๒๕๒๒ รัฐบาลอินเดียได้ทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราชของไทยให้เสด็จไปเยือนอินเดียในฐานะพระอาคันตุกะของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย-2515 (1972). President of India was visiting Thailand as a guest of the Government of Thailand. At 2519 (1976) It helps that the Ministers of Foreign Affairs to visit Thailand India. In 2521 (1978) Deputy Prime Minister Foreign Minister of Thailand and a visit to India, according to the Government's invitation, and India on 2522 (1979) Thailand's Prime Minister, visiting Prime Minister of India, etc.Thailand and India--have made an agreement between several is.---Aeronautical services agreement When 2491 (1948) ---Trade agreement When 2511 (1968)---Cultural agreement When 2520 (1977)---ความตกลงสามฝ่าย ระหว่างไทย อินเดียและอินโดนีเซีย และความตกลงสองฝ่ายระหว่างไทยกับอินเดีย ว่าด้วยการแบ่งเขตก้นทะเลในทะเลอันดามัน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑---การค้าระหว่างไทยกับอินเดีย มีประมาณเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ สินค้าออกสำคัญของไทยที่ส่งไปอินเดียได้แก่ แร่ธาตุบางชนิด เส้นใยประดิษฐ ผ้าทอ ถั่วเขียว เผือกมัน กระดาษ ยางไม้ และอัญมณีต่าง ๆ ส่วนสินค้าที่ไทยสั่งเข้ามาจากอินเดียได้แก่ เหล็ก หม้อน้ำ เครื่องจักร และเครื่องจักรไฟฟ้า ยานยนต์ อาหารสัตว์ ผ้าป่าน ผลิตภัณฑ์เภสัช สีย้อมผ้า และเคมีภัณฑ์อินทรีย์
*ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา
---อินเดียไม่พอใจที่สหรัฐ ฯ ให้การสนับสนุนปากีสถานในการทำสงครามกับอินเดีย ทั้งสองครั้งคือ ในปี พ.ศ.๒๕๐๘ และในปี พ.ศ.๒๕๑๔ อินเดียไม่พอใจที่มูลนิธิเอเซียได้รับความช่วยเหลือจาก ซี ไอ เอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑
---ความตึงเครียดได้คลายลงเมื่อสหรัฐ ฯ ปฎิเสธการขายอาวุธให้กับปากีสถาน ต่อจากนั้นในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ได้มีการสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปเยือนระหว่างกัน เพื่อหาทางปรับปรุงสัมพันธภาพของประเทศทั้งสอง
---ในปี พ.ศ.๒๕๑๑ ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ได้ไปเยือนอินเดีย และได้พบปะเจรจากับนายกรัฐมนตรีอินเดียเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำของอินเดีย และมีความร่วมมือทางด้านนิวเคลียร์ ทั้งสองฝ่ายได้ออกคำประกาศเดลฮี ที่มีสาระสำคัญว่า ทั้งสองประเทศมีความมุ่งมั่นที่จะลดภัยคุกคามจากสงครามนิวเคลียร์ และจะลดช่องว่างระหว่างประเทศร่ำรวยกับประเทศยากจน มีเจตนาแน่วแน่ในระบอบประชาธิปไตย
*ความสัมพันธ์กับสหภาพโซเวียต
---แม้ว่าจะไม่ราบรื่นมากนัก แต่ก็อยู่ในขั้นที่ดีกว่ากับสหรัฐ ฯ และจีน ทั้งนี้จากการที่สหภาพโซเวียตให้การสนับสนุนอินเดีย ในกรณีพิพาทระหว่างอินเดียกับปากีสถาน และกรณีพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนระหว่างอินเดียกับจีน
---ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต ได้เดินทางไปเยือนอินเดียเพื่อชักจูงอินเดีย ให้รับข้อเสนอในการจัดตั้งระบบความมั่นคงร่วมกันแห่งเอเซีย และข้อเสนอให้สหภาพโซเวียตใช้ท่าเรือของอินเดียเป็นการถาวร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กองเรือสหภาพโซเวียต ในมหาสมุทรอินเดีย แต่ทางอินเดียไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เพราะขัดกับนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของอินเดีย
---สหภาพโซเวียตได้ให้ความช่วยเหลือแก่อินเดียหลายประการ เช
การแปล กรุณารอสักครู่..