ยาหม่อง เป็นยาสามัญประจำบ้าน ประกอบด้วยสมุนไพร และตัวยาหลายชนิด มีลักษ การแปล - ยาหม่อง เป็นยาสามัญประจำบ้าน ประกอบด้วยสมุนไพร และตัวยาหลายชนิด มีลักษ อังกฤษ วิธีการพูด

ยาหม่อง เป็นยาสามัญประจำบ้าน ประกอบ

ยาหม่อง เป็นยาสามัญประจำบ้าน ประกอบด้วยสมุนไพร และตัวยาหลายชนิด มีลักษณะเป็นเนื้อเหลวอ่อนนุ่ม มีทั้งสีเหลือง สีขาว และสีอื่นๆตามส่วนผสม มีกลิ่นหอม นิยมใช้บรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะ หน้ามืดตาลาย เมารถ เมาเรือ คลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงใช้ทานวดกล้ามเนื้อ แก้อาการปวดบวม อาการเมื่อยล้า ฟกช้ำดำเขียว และแมลงกัดต่อย
ประวัติยาหม่อง
ยาหม่องไม่เคยถูกกล่าวถึงในสารานุกรมฉบับใด แต่พบหัวข้อที่เกี่ยวข้องในในยาตำรับหลวง และยาสามัญประจำบ้านที่ระบุถึง “ขี้ผึงทาแก้ปวดบวม” ซึ่งน่าจะตีความหมายรวมถึง “ยาหม่อง” แต่ทั้งนี้ ขี้ผึงทาแก้ปวดบวม ไม่ได้ระบุถึงสรรพคุณ และวิธีการใช้ที่ครอบคลุมของยาหม่องอย่างแท้จริง จึงสันนิษฐานได้ว่า ยาหม่อง กับ ขี้ผึงทาแก้ปวดบวม อาจหมายถึงตัวยาต่างตำรับกันก็เป็นได้
คำว่า “ยาหม่อง” ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในบทความของเอกสารที่เผยแพร่เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของบริษัท Haw Par Brothers International Limited ที่เป็นเจ้าของ และผู้ผลิต “ยาหม่องตราเสือ” ผลิตภัณฑ์ที่ใช้คำว่า “ยาหม่อง” รายแรกของโลก
Boon Haw และ Boon Par เติบโต และได้เรียนที่โรงเรียนชาวอังกฤษ แต่ Boon Haw เป็นคนมีนิสัยเกเร จึงถูกส่งตัวกลับประเทศจีน ส่วน Boon Par ได้ศึกษาเล่าเรียน และได้รับการถ่ายทอดวิชาสมุนไพรจากบิดาเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นตำรับยาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสำนักราชวังจีน โดยเฉพาะตำรับยาที่ใช้แก้ปวดภายนอก และบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศรีษะทั่วไป จนเมื่อบิดาเสียชีวิตจึงได้ดำเนินกิจการของบิดาเรื่อยมา
ขณะนั้น Boon Par ได้มีการศึกษาตำรับยาฝรั่ง และได้ค้นคว้านำมาปรับปรุงส่วนผสม และสรรพคุณตำรับยาของตนเอง จนกลายเป็นยาแก้ปวดภายนอก และบรรเทาอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศรีษะที่นิยมกันในขณะนั้น
ต่อมา Boon Par ได้ส่งจดหมายให้พี่ชาย Boon Haw กลับมาช่วยกิจการของตน ซึ่งลักษณะของ Boon Haw ที่เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และมีความเป็นผู้นำ ประกอบกับความเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรของ Boon Par ทำให้ตัวยาที่บรรจุในขวดแก้วเหลี่ยมขนาดเล็กที่เป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศพม่า
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งสองได้อพยพออกจากประเทศพม่ามาดำเนินกิจการต่อที่ประเทศสิงคโปร์ จนกิจการเติบโตมีการส่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก โดยในประเทศไทยมีการใช้ชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ว่า “ยาหม่องตราเสือ” หรือที่เรียกกันสั้นๆจนติดปากคนไทยว่า “ยาหม่อง” คำว่า “หม่อง” เป็นชื่อสะท้อนของผลิตภัณฑ์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศพม่านั่นเอง
แต่มีข้อสันนิษฐานในอีกด้านของที่มาคำว่า “ยาหม่อง” ที่กล่าวถึงตำรับยาหม่องที่ประกอบด้วยน้ำมันหม่องตะหยก มีลักษณะเป็นขี้ผึ้งอ่อน สีขาวขุ่น ทาแล้วร้อน ใช้ทาแก้เคล็ดขัดยอก ถือเป็นยาแก้เคล็ดขัดยอกที่ขายดีในสมัยนั้น และต่อมามีการทำน้ำมันหม่องตะกิดออกมาจำหน่ายบ้าง แต่ต่อมายาทั้งสองก็เลิกผลิต จนมีการผลิตขี้ผึ้งถูนวดขึ้นมาใช้แทน โดยมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมันหม่อง จนเป็นที่มาของคำว่า “ยาหม่อง” ที่ใช้เรียกแทนชื่อน้ำมันหม่องที่เป็นต้นตำรับ
ที่มา : จักรกริช และคณะ, 2542.(1)
ปัจจุบันมีการผลิตยาหม่องออกมาจำหน่ายภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่หลายชนิด และเป็นคู่แข่งของยาหม่องตราเสือ เช่น ยาหม่องตราถ้วยทอง และยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ เป็นต้น รวมถึงยาหม่องชนิดอื่นๆจากผลิตภัณฑ์ Otop
เนื้อหาบทความดังกล่าวกล่าวถึง เหตุการณ์เมื่อปี ค.ศ. 1800 (พ.ศ. 2343) ที่มีหมอสมุนไพรชาวจีนชื่อ Aw Chu Kin ได้ออกเดินทางไปแสวงโชคที่ประเทศพม่า ซึ่งขณะนั้นพม่าถูกปกครองด้วยประเทศอังกฤษ โดยเปิดร้านขายยาสมุนไพรเล็กที่ประเทศพม่า นานหลายปีจนมีบุตรชาย 3 คน ประกอบด้วยพี่ชายคนโตชื่อ Boon leong น้องคนรอง Boon Haw และน้องชายคนสุดท้อง Boon Par แต่พี่ชายคนโต Boon leong ได้เสียชีวิตในขณะยังเด็ก
ยอก
– น้ำมันอบเชย ช่วยลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ช่วยในการขับลม
– น้ำมันกานพลู สรรพคุณ แก้ปวดท้อง และช่วยขับเสมหะ
– น้ำมันยูคาลิปตัส สรรพคุณ ลดหวัด ขับเสมหะ ขับลม แก้โรคหอบหืด ช่วยไล่ยุง และแมลง
นอกจากนั้น อาจเพิ่มตัวยาบางชนิด เช่น Methyl salicylate สำหรับออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อย
**ข้อบ่งใช้
1. ใช้สูดดม แก้อาการวิงเวียนศรีษะ หน้ามืดตาลาย
2. ใช้ทานวดกล้ามเนื้อ แก้อาการปวดเมื่อย แก้ฟกช้ำดำเขียว
3. ใช้ทาผิวหนัง ลดอาการปวดจากแมลงสัตว์กัดต่อย
**ข้อควรระวัง
1. ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะอาจเกิดอาการแสบร้อนได้ง่ายหากใช้ปริมาณมาก
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับตา เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองกับลูกตาอย่างรุนแรง อาจทำให้ตาบอดได้
3. การสูดดมในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการมึนงง ปวดศรีษะ และการสูดดมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้
4. ไม่ควรใช้กับเด็กทารก

ส่วนผสมยาหม่อง
1. การบูรเกล็ด มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว ออกฤทธิ์ร้อน สรรพคุณ ช่วยบรรเทาโรคตาแดง ขับเสมหะ ขับลม
2. เมนทอล มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีกลิ่นหอม
3. พิมเสน มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่น มีกลิ่นหอม ใช้สูดดม แก้วิงเวียนศรีษะ ใช้ทาแก้ปวดเมื่อย แก้เคล็ดขัดยอก
4. พาราฟิน ใช้เป็นส่วนผสมเพื่อทำให้น้ำมันแข็งตัว
5. วาสลีน ใช้เป็นส่วนผสมเพื่อทำให้เกิดความลื่นมัน และสะดวกในการทานวด
6. สมุนไพร
– น้ำมันระกำ สกัดได้จากเมล็ดระกำ เป็นน้ำมันใส มีกลิ่นหอม มีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้เคล็ดขัด
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Balsam as medicines, herbal medicines, and consist of several kinds of liquid meat has a soft yellow with both white and colored, fragrant ingredients as other popular relief head dizzy drunk drunken temper stripe car boat, including nausea, vomiting, muscle massage used to solve pain swelling. Bruised and fatigue symptoms, insect bites and stingsHistory of Balsamยาหม่องไม่เคยถูกกล่าวถึงในสารานุกรมฉบับใด แต่พบหัวข้อที่เกี่ยวข้องในในยาตำรับหลวง และยาสามัญประจำบ้านที่ระบุถึง “ขี้ผึงทาแก้ปวดบวม” ซึ่งน่าจะตีความหมายรวมถึง “ยาหม่อง” แต่ทั้งนี้ ขี้ผึงทาแก้ปวดบวม ไม่ได้ระบุถึงสรรพคุณ และวิธีการใช้ที่ครอบคลุมของยาหม่องอย่างแท้จริง จึงสันนิษฐานได้ว่า ยาหม่อง กับ ขี้ผึงทาแก้ปวดบวม อาจหมายถึงตัวยาต่างตำรับกันก็เป็นได้คำว่า “ยาหม่อง” ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในบทความของเอกสารที่เผยแพร่เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของบริษัท Haw Par Brothers International Limited ที่เป็นเจ้าของ และผู้ผลิต “ยาหม่องตราเสือ” ผลิตภัณฑ์ที่ใช้คำว่า “ยาหม่อง” รายแรกของโลกBoon Haw และ Boon Par เติบโต และได้เรียนที่โรงเรียนชาวอังกฤษ แต่ Boon Haw เป็นคนมีนิสัยเกเร จึงถูกส่งตัวกลับประเทศจีน ส่วน Boon Par ได้ศึกษาเล่าเรียน และได้รับการถ่ายทอดวิชาสมุนไพรจากบิดาเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นตำรับยาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสำนักราชวังจีน โดยเฉพาะตำรับยาที่ใช้แก้ปวดภายนอก และบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศรีษะทั่วไป จนเมื่อบิดาเสียชีวิตจึงได้ดำเนินกิจการของบิดาเรื่อยมาขณะนั้น Boon Par ได้มีการศึกษาตำรับยาฝรั่ง และได้ค้นคว้านำมาปรับปรุงส่วนผสม และสรรพคุณตำรับยาของตนเอง จนกลายเป็นยาแก้ปวดภายนอก และบรรเทาอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศรีษะที่นิยมกันในขณะนั้นต่อมา Boon Par ได้ส่งจดหมายให้พี่ชาย Boon Haw กลับมาช่วยกิจการของตน ซึ่งลักษณะของ Boon Haw ที่เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และมีความเป็นผู้นำ ประกอบกับความเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรของ Boon Par ทำให้ตัวยาที่บรรจุในขวดแก้วเหลี่ยมขนาดเล็กที่เป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศพม่าภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งสองได้อพยพออกจากประเทศพม่ามาดำเนินกิจการต่อที่ประเทศสิงคโปร์ จนกิจการเติบโตมีการส่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก โดยในประเทศไทยมีการใช้ชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ว่า “ยาหม่องตราเสือ” หรือที่เรียกกันสั้นๆจนติดปากคนไทยว่า “ยาหม่อง” คำว่า “หม่อง” เป็นชื่อสะท้อนของผลิตภัณฑ์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศพม่านั่นเองแต่มีข้อสันนิษฐานในอีกด้านของที่มาคำว่า “ยาหม่อง” ที่กล่าวถึงตำรับยาหม่องที่ประกอบด้วยน้ำมันหม่องตะหยก มีลักษณะเป็นขี้ผึ้งอ่อน สีขาวขุ่น ทาแล้วร้อน ใช้ทาแก้เคล็ดขัดยอก ถือเป็นยาแก้เคล็ดขัดยอกที่ขายดีในสมัยนั้น และต่อมามีการทำน้ำมันหม่องตะกิดออกมาจำหน่ายบ้าง แต่ต่อมายาทั้งสองก็เลิกผลิต จนมีการผลิตขี้ผึ้งถูนวดขึ้นมาใช้แทน โดยมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมันหม่อง จนเป็นที่มาของคำว่า “ยาหม่อง” ที่ใช้เรียกแทนชื่อน้ำมันหม่องที่เป็นต้นตำรับที่มา : จักรกริช และคณะ, 2542.(1)
ปัจจุบันมีการผลิตยาหม่องออกมาจำหน่ายภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่หลายชนิด และเป็นคู่แข่งของยาหม่องตราเสือ เช่น ยาหม่องตราถ้วยทอง และยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ เป็นต้น รวมถึงยาหม่องชนิดอื่นๆจากผลิตภัณฑ์ Otop
เนื้อหาบทความดังกล่าวกล่าวถึง เหตุการณ์เมื่อปี ค.ศ. 1800 (พ.ศ. 2343) ที่มีหมอสมุนไพรชาวจีนชื่อ Aw Chu Kin ได้ออกเดินทางไปแสวงโชคที่ประเทศพม่า ซึ่งขณะนั้นพม่าถูกปกครองด้วยประเทศอังกฤษ โดยเปิดร้านขายยาสมุนไพรเล็กที่ประเทศพม่า นานหลายปีจนมีบุตรชาย 3 คน ประกอบด้วยพี่ชายคนโตชื่อ Boon leong น้องคนรอง Boon Haw และน้องชายคนสุดท้อง Boon Par แต่พี่ชายคนโต Boon leong ได้เสียชีวิตในขณะยังเด็ก
ยอก
– น้ำมันอบเชย ช่วยลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ช่วยในการขับลม
– น้ำมันกานพลู สรรพคุณ แก้ปวดท้อง และช่วยขับเสมหะ
– น้ำมันยูคาลิปตัส สรรพคุณ ลดหวัด ขับเสมหะ ขับลม แก้โรคหอบหืด ช่วยไล่ยุง และแมลง
นอกจากนั้น อาจเพิ่มตัวยาบางชนิด เช่น Methyl salicylate สำหรับออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อย
**ข้อบ่งใช้
1. ใช้สูดดม แก้อาการวิงเวียนศรีษะ หน้ามืดตาลาย
2. ใช้ทานวดกล้ามเนื้อ แก้อาการปวดเมื่อย แก้ฟกช้ำดำเขียว
3. ใช้ทาผิวหนัง ลดอาการปวดจากแมลงสัตว์กัดต่อย
**ข้อควรระวัง
1. ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะอาจเกิดอาการแสบร้อนได้ง่ายหากใช้ปริมาณมาก
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับตา เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองกับลูกตาอย่างรุนแรง อาจทำให้ตาบอดได้
3. การสูดดมในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการมึนงง ปวดศรีษะ และการสูดดมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้
4. ไม่ควรใช้กับเด็กทารก

ส่วนผสมยาหม่อง
1. การบูรเกล็ด มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว ออกฤทธิ์ร้อน สรรพคุณ ช่วยบรรเทาโรคตาแดง ขับเสมหะ ขับลม
2. เมนทอล มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีกลิ่นหอม
3. พิมเสน มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่น มีกลิ่นหอม ใช้สูดดม แก้วิงเวียนศรีษะ ใช้ทาแก้ปวดเมื่อย แก้เคล็ดขัดยอก
4. พาราฟิน ใช้เป็นส่วนผสมเพื่อทำให้น้ำมันแข็งตัว
5. วาสลีน ใช้เป็นส่วนผสมเพื่อทำให้เกิดความลื่นมัน และสะดวกในการทานวด
6. สมุนไพร
– น้ำมันระกำ สกัดได้จากเมล็ดระกำ เป็นน้ำมันใส มีกลิ่นหอม มีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้เคล็ดขัด
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Balm is Mr. consists of herbs and drugs, a liquid soft meat. There are both yellow, white and other colors according to the ingredients. Fragrant. Used to relieve dizziness head dizzy carsick seasick, nausea, vomiting, including massage, muscle pain, swelling, apply to solve. Fatigue, a bruised and insect bites.The history of balm.Balm has never been mentioned in any edition of the Encyclopedia But the related topics in drug formulations in the capital. And Mr. indicated to "salve on pain, swelling and", which should be interpreted to include the "Ya Mong." but the salve on pain, swelling and does not identify the properties. And how to use the cover of balm truly, so presumably balm with wax and paint pain, swelling, may mean different treatments of drug can be.The word "balm" was mentioned for the first time in the article of the documents published on the occasion of the anniversary 25 years of company Haw Par Brothers International. Limited owned and manufacturers. "The Tiger Balm" products that use the word "balm", the first of the world.Boon Haw Boon Par and grow and learn at school the English, but Boon Haw has the habits. So he was sent back to China. Boon Par can learn. And get the pedagogy herbs from the father alone. The drug formulation have inherited from the imperial court of China Especially of drugs used to relieve exterior. And relieve nausea, vomiting, dizziness head general. When the father died until the activities of father time.While Boon Par have to study of Western medicine. Research and improve the ingredients. And properties of pharmaceutical of self become analgesic outside and relieve nausea, dizziness head that popular at that time.Later Boon Par sent a letter to my brother Boon Haw came back to help their affairs. The type of Boon Haw as people ล้าได้ dare, and leadership. According to the experts Boon Par made of herbal drug that packed in glass bottles, small square is widely known in China.After World War II 1 both emigrated from the country again.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: