รัก..
-รักแท้จริงปราศจากเงื่อนไขผู้มัด
-เป็นรักไม่เรียกร้องให้เธอเป็นอะไร เพื่ออะไร
เพื่อสนองตัณหาใคร เพื่อผลประโยชน์ใดๆ
หรือเพื่อที่จะให้ได้ตามเงื่อนไขอะไร
-เป็นรักไม่ผูกมัดตีกรอบให้อึดอัดขัดเคือง
-เป็นรักอิสระอย่างแท้จริง
-รักแบบนี้เกิดจากการสละออกเสียซึ่งตัวตน ตัวตนในความรู้สึก
ตัวตนในอะไรๆ สละออกเพื่อปลดเปลื้องจากพันธนาการแห่งใจทั้งหมดทั้งปวง
-เมื่อหมดใจไร้ตัวตนในการที่จะกระเสือกกระสนดิ้นรนแสวงอะไรแล้ว
ก็สามารถอยู่ร่วมกับโลกและกลมกลืนไปกับสรรพชีวิตทั้งหลาย
โดยไม่หลงขัดแย้งกับอะไร
-เป็นรักที่เติมเต็มยามขาดแคลน
-เป็นรักที่ช่วยผ่อนคลายจากแรงเสียดทานของการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน
-เป็นร่มเงาเย็นชื่นใจให้พึ่งพายามร้อนรน
-เป็นความกว้างขวางในขณะที่ผู้คนกำลังคับแคบกับตัวเองกันไปทั่วโลก
-รักนี้หาใช่ความรักคับแคบที่มุ่งตอบสนองต่อความต้องการของใครไม่
-มันนอกเหนือตัณหาแห่งสรรพชีวิตทั้งหลาย
-เป็นรักที่ช่วยฉุดสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้ขึ้นจากหล่มตมแห่งความหลงวน
ในภาพมายาอันหลอกหลอนใจไม่จบสิ้น
-รักที่แท้จริงนี้คือ ความรักอันไม่มีที่สุด
ไม่มีประมาณของเหล่าพระพุทธเจ้า มหาโพธิสัตว์
และองค์คุณเบื้องสูงทั้งหลาย
ที่มอบให้กับสรรพสัตว์ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ
-มอบให้โดยไร้เงื่อนไข
ไม่ว่าจะสรรพสัตว์ทั้งหลายหลงไปไกลแค่ไหน
-ไม่ว่าจะทุกข์มืดมนเพียงใด
ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ยังทำกิจ
เพื่อพาสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากเงื่อนไขในใจตน
ให้เป็นอิสระจากใจตน
-ปลดเปลื้องหมู่สัตว์จากห้องขังที่ตนสร้างขึ้นมาเอง
-ที่รัก...เธอทั้งหลายสัมผัสรักอันไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ
ได้ก็เพียงแค่สละ สละออกจากใจตน
-สละออกจากตัวตนในใจเสีย
-สละเงื่อนไขในใจตนอันเป็นพันธนาการในตนเองลง
-เพราะกายและใจของเธอทั้งหลายนั้นก็เป็นเพียงสิ่ง
ที่หยิบยืมมาใช้ชั่วครั้งชั่วคราว
-เมื่อหมดพันธะภาระทางใจแล้ว
เมื่อนั้นท่านทั้งหลายก็จะสัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่ไพศาล
แห่งความรักแห่งองค์พระพุทธเจ้า องค์มหาบารมีทั้งหลาย
สัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งทั้งมวล
-สัมผัสได้ถึงการโอบอุ้มจากธรรมชาติแห่งโลกธาตุ
สัมผัสถึงความรักอันไร้กาลเวลาแห่งจักรวาล
-เมื่อใดก็ตามที่เธอทั้งหลายได้รับการโอบอุ้ม
จากความรักแห่งองค์มหาบารมีแล้ว
เมื่อนั้นเธอจักอาจหาญในการเผื่อแผ่ความรัก
อันไร้ขอบเขตเงื่อนไขไปสู่เพื่อนสรรพสัตว์ทั้งหลายไปเอง
โดยที่ไม่ต้องตั้งเงื่อนไขในการมอบความรักนั้นอีกต่อไป
สาธุสาธุสาธุฯไร้ประมาณฯ