การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 (หรือเรียก

การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 (หรือเรียกว่าเป็น รัฐประหาร หรือ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง) เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกันขึ้นเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกของสยาม ที่เรียกตัวเองว่า "คณะราษฎร" โดยเป็นผลพวงมาจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวยังทำให้ประชาชนชาวสยามได้รับรัฐธรรมนูญฉบับแรกอีกด้วย



เบื้องหลัง

พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน แต่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้าวหน้าและพวกหัวรุนแรง ในปี พ.ศ. 2454 ได้เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินการโดยคณะนายทหารหนุ่ม แต่ล้มเหลว เป้าหมายของคณะคือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองและล้มล้างระบอบเก่าและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย และอาจต้องการเปลี่ยนพระมหากษัตริย์ด้วยพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นด้วย การปฏิวัติดังกล่าวล้มเหลวและผู้ก่อการถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงละเลิกความพยายามส่วนใหญ่ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้อยกเว้นบ้างที่โปรดฯ แต่งตั้งสามัญชนบางคนสู่สภาองคมนตรีและรัฐบาล
ต่อมา สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงสืบราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐาเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู๋หัว หลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงสืบช่วงปกครองประเทศในวิกฤตการณ์ พระเชษฐาของพระองค์ทรงได้ทำให้สถานะของประเทศเกือบจะล้มละลาย เพราะทรงมักจะใช้เงินจากกองคลังมาปกปิดการขาดดุลของท้องพระคลังข้างที่ และข้อเท็จจริงยังมีว่ารัฐและประชาชนถูกบังคับให้จ่ายเงินแก่พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ซึ่งมีวิถีชีวิตอันหรูหราฟุ่มเฟือย พระองค์ได้ทรงรีบจัดตั้งอภิรัฐมนตรีสภาขึ้นเป็นองค์กรหลักในการปกครองรัฐ เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้กลายเป็นว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เห็นอกเห็นใจ โดยทรงตัดรายจ่ายในพระราชวังและเสด็จพระราชดำเนินทั่วประเทศอย่างกว้างขวาง และเมื่อเสด็จกลับมายังพระนคร พระองค์ทรงทำให้เป็นที่ยอมรับและโดดเด่นแก่หมู่ชนชั้นสูงและชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครซึ่งเติบโตขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยทรงประกอบพระราชกรณียกิจสาธารณะหลายอย่าง จนถึงเวลานี้ นักเรียนหลายคนที่ถูกส่งไปศึกษา ณ ต่างประเทศเมื่อหลายทศวรรษก่อนได้เริ่มเดินทางกลับประเทศแล้ว แต่นักเรียนเหล่านี้กลับขาดโอกาส การตั้งมั่นโดยพระบรมวงศานุวงศ์และความล้าหลังของประเทศ ซึ่งที่สุดแล้วได้กลายมาขจัดภาพลวงตาของสถานะเดิมมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึง พ.ศ. 2473 สถานการณ์โลกได้ทวีความเลวร้ายลงเกินกว่าที่ประเทศจะสามารถรับไหวเมื่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทล่มและความล่มสลายทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบมาถึงสยาม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสนอให้จัดเก็บภาษีรายได้ทั่วไปและภาษีอสังหาริมทรัพย์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนยากจน แต่นโยบายดังกล่าวถูกปฏิเสธอย่างรุนแรงจากสภา ซึ่งสภาได้เปลี่ยนไปลดค่าตอบแทนของข้าราชการพลเรือนและลดงบประมาณด้านการทหารแทน ทำให้ชนชั้นสูงในประเทศส่วนใหญ่และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายทหารโกรธมาก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงยอมรับว่าพระองค์ทรงขาดพระราชกรณียกิจด้านการคลังอย่างเปิดเผย พยายามต่อสู้กับพระบรมวงศานุวงศ์ที่อาวุโสกว่าในประเด็นดังกล่าว แต่ก็สำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนพระราชปณิธานไปเป็นการร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะนำประชาธิปไตยเข้าสู่สยาม ด้วยความช่วยเหลือจากพระบรมวงศานุวงศ์อีกสองพระองค์และที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศชาวอเมริกัน เรย์มอนด์ บาร์ทเล็ตต์ สตีเฟนส์ ถึงแม้ว่าจะได้รับการกราบทูลทัดทานว่าประชาชนสยามยังไม่พร้อม แต่พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นที่จะมอบรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนก่อนงานเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีราชวงศ์จักรี ในปี พ.ศ. 2475 อย่างไรก็ตาม เอกสารดังกล่าวได้ถูกปฏิเสธโดยพระบรมวงศานุวงศ์ในอภิรัฐมนตรีสภา

เมื่อสิ้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จออกจากกรุงเทพมหานครในช่วงเสด็จแปรพระราชฐานฤดูร้อน โดยทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยพระองค์ทรงเสด็จไปยังพระตำหนักฤดูร้อน ซึ่งถูกเรียกว่า "วังไกลกังวล" ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

อาจกล่าวได้ว่า "กบฏ ร.ศ. 130" เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎร ก่อการปฏิบัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยภายหลังการยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับ ขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130"




เหตุการณ์วันที่ 23-24 มิถุนายน

ถึงแม้ว่าจะมีการระมัดระวังล่วงหน้าและการเตรียมการไว้ทั้งหมดแล้วก็ตาม ข่าวของแผนการดังกล่าวก็ยังได้รั่วไหลไปถึงตำรวจ ในช่วงเย็นของวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2475 อธิบดีตำรวจได้โทรศัพท์ถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต โดยกราบทูลขออำนาจในการจับกุมและจำคุกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแผนการดังกล่าว พระองค์ดำริว่าผู้ก่อการหลายคนเป็นผู้มีอิทธิพลและมีอำนาจมาก จึงทรงตัดสินพระทัยเลื่อนพระบรมราชโองการออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น การเลื่อนคำสั่งนี้จะมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้ก่อการทั้งหลาย
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน หนึ่งในกลุ่มผู้สนับสนุนของหลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) ในกองทัพเรือได้เกณฑ์เรือปืนจากอู่เรือขึ้นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา และเมื่

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

2475 (1932) Siamese revolution (also called a coup or regime change) as a major turning point in the history of the Thai in the 20th century the incident occurred when the results June 24, 2475 (1932) Kingdom of Siam country format change from absolute monarchy to monarchy regime, under the Constitution and change the Government to a parliamentary style democracy. Arise from Faculty of the military and civilians that go into a political party, the first party of Siam called themselves as "people", as well as increased world-historical change and social and political change within the country. The revolution also makes it possible for sayam people received the first Constitution as well.Behind the scenes. พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายด้าน แต่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่พวกหัวก้าวหน้าและพวกหัวรุนแรง ในปี พ.ศ. 2454 ได้เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งดำเนินการโดยคณะนายทหารหนุ่ม แต่ล้มเหลว เป้าหมายของคณะคือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองและล้มล้างระบอบเก่าและแทนที่ด้วยระบบรัฐธรรมนูญตะวันตกที่ทันสมัย และอาจต้องการเปลี่ยนพระมหากษัตริย์ด้วยพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นด้วย การปฏิวัติดังกล่าวล้มเหลวและผู้ก่อการถูกจำคุก นับแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงละเลิกความพยายามส่วนใหญ่ในการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและทรงปกครองประเทศต่อไปภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีข้อยกเว้นบ้างที่โปรดฯ แต่งตั้งสามัญชนบางคนสู่สภาองคมนตรีและรัฐบาล ต่อมา สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงสืบราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐาเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู๋หัว หลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงสืบช่วงปกครองประเทศในวิกฤตการณ์ พระเชษฐาของพระองค์ทรงได้ทำให้สถานะของประเทศเกือบจะล้มละลาย เพราะทรงมักจะใช้เงินจากกองคลังมาปกปิดการขาดดุลของท้องพระคลังข้างที่ และข้อเท็จจริงยังมีว่ารัฐและประชาชนถูกบังคับให้จ่ายเงินแก่พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ซึ่งมีวิถีชีวิตอันหรูหราฟุ่มเฟือย พระองค์ได้ทรงรีบจัดตั้งอภิรัฐมนตรีสภาขึ้นเป็นองค์กรหลักในการปกครองรัฐ เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้กลายเป็นว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เห็นอกเห็นใจ โดยทรงตัดรายจ่ายในพระราชวังและเสด็จพระราชดำเนินทั่วประเทศอย่างกว้างขวาง และเมื่อเสด็จกลับมายังพระนคร พระองค์ทรงทำให้เป็นที่ยอมรับและโดดเด่นแก่หมู่ชนชั้นสูงและชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครซึ่งเติบโตขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยทรงประกอบพระราชกรณียกิจสาธารณะหลายอย่าง จนถึงเวลานี้ นักเรียนหลายคนที่ถูกส่งไปศึกษา ณ ต่างประเทศเมื่อหลายทศวรรษก่อนได้เริ่มเดินทางกลับประเทศแล้ว แต่นักเรียนเหล่านี้กลับขาดโอกาส การตั้งมั่นโดยพระบรมวงศานุวงศ์และความล้าหลังของประเทศ ซึ่งที่สุดแล้วได้กลายมาขจัดภาพลวงตาของสถานะเดิมมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึง พ.ศ. 2473 สถานการณ์โลกได้ทวีความเลวร้ายลงเกินกว่าที่ประเทศจะสามารถรับไหวเมื่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทล่มและความล่มสลายทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบมาถึงสยาม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสนอให้จัดเก็บภาษีรายได้ทั่วไปและภาษีอสังหาริมทรัพย์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนยากจน แต่นโยบายดังกล่าวถูกปฏิเสธอย่างรุนแรงจากสภา ซึ่งสภาได้เปลี่ยนไปลดค่าตอบแทนของข้าราชการพลเรือนและลดงบประมาณด้านการทหารแทน ทำให้ชนชั้นสูงในประเทศส่วนใหญ่และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายทหารโกรธมาก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงยอมรับว่าพระองค์ทรงขาดพระราชกรณียกิจด้านการคลังอย่างเปิดเผย พยายามต่อสู้กับพระบรมวงศานุวงศ์ที่อาวุโสกว่าในประเด็นดังกล่าว แต่ก็สำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนพระราชปณิธานไปเป็นการร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะนำประชาธิปไตยเข้าสู่สยาม ด้วยความช่วยเหลือจากพระบรมวงศานุวงศ์อีกสองพระองค์และที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศชาวอเมริกัน เรย์มอนด์ บาร์ทเล็ตต์ สตีเฟนส์ ถึงแม้ว่าจะได้รับการกราบทูลทัดทานว่าประชาชนสยามยังไม่พร้อม แต่พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นที่จะมอบรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนก่อนงานเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีราชวงศ์จักรี ในปี พ.ศ. 2475 อย่างไรก็ตาม เอกสารดังกล่าวได้ถูกปฏิเสธโดยพระบรมวงศานุวงศ์ในอภิรัฐมนตรีสภา

เมื่อสิ้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จออกจากกรุงเทพมหานครในช่วงเสด็จแปรพระราชฐานฤดูร้อน โดยทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยพระองค์ทรงเสด็จไปยังพระตำหนักฤดูร้อน ซึ่งถูกเรียกว่า "วังไกลกังวล" ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

อาจกล่าวได้ว่า "กบฏ ร.ศ. 130" เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎร ก่อการปฏิบัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยภายหลังการยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับ ขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130"




เหตุการณ์วันที่ 23-24 มิถุนายน

ถึงแม้ว่าจะมีการระมัดระวังล่วงหน้าและการเตรียมการไว้ทั้งหมดแล้วก็ตาม ข่าวของแผนการดังกล่าวก็ยังได้รั่วไหลไปถึงตำรวจ ในช่วงเย็นของวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2475 อธิบดีตำรวจได้โทรศัพท์ถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต โดยกราบทูลขออำนาจในการจับกุมและจำคุกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแผนการดังกล่าว พระองค์ดำริว่าผู้ก่อการหลายคนเป็นผู้มีอิทธิพลและมีอำนาจมาก จึงทรงตัดสินพระทัยเลื่อนพระบรมราชโองการออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น การเลื่อนคำสั่งนี้จะมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้ก่อการทั้งหลาย
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน หนึ่งในกลุ่มผู้สนับสนุนของหลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) ในกองทัพเรือได้เกณฑ์เรือปืนจากอู่เรือขึ้นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา และเมื่

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Siam Revolution 2475 (also known as a coup or regime change) was a major turning point in the history of Thailand in the 20th century, such an event took place on 24 June 2475, as a result. make the Kingdom of Siam changed format from an absolute monarchy to a constitutional Monarchy. And change the form of government to a parliamentary democracy. Incurred by the officers and civilians who together make up a party of Siam. Who calls himself "the people" as a result of changes in world history. As well as social and political change. The revolution has not yet made ​​public Siamese first constitution was well behind King Mongkut Klao reform and modernization in many ways. But reform the Constitution to a slower pace, which created resentment among the progressive and radical rebellion in 2454 was Rs 130, which is operated by the young soldier's goal but failed. The form of government was changed and the overthrow of the old regime and replace it with a modern western constitutional system. And may wish to change the King in His royalty others. The revolution failed and promoter imprisonment. Since then, King Rama VI he had abandoned efforts to reform the constitution and rule the country under the regime of absolutism. With few exceptions, please. Some grassroots appointed to the Privy Council and the government later. HRH Prince's younger brother. The Kings Royal Sukhothai His demise is a successor of his brother, King Rama VII to move the head. After the death of King Rama VI. He traced the country in crisis. His elder brother, he has made ​​the country almost bankrupt. It has often used the money from the Treasury to cover the deficit of the treasury side. And also the fact that the state and the people are forced to pay royalty to the many testimonies which have an extravagant lifestyle. He quickly established as the presidents of state enterprises in the region. To try to resolve the country are facing. King Rama VII has become clear that he is the King of sympathy. The royal palace and cut costs in an extensive nationwide. And when he returned to the University He makes a recognized and distinguished from among the elite and middle class in Bangkok, which grew more than before by his royal duties of many public until this time, many students were sent to study abroad decades. before returning to the country. But these students lack. Entrenchment by royalty and the backwardness of the country. Which ultimately became eliminate the illusion of the most original of 2473, when the world situation is becoming worse than the country can bear on Wall Street stock market crash and the collapse of economic impact. to Siam King Rama VII has proposed to levy an income tax and estate tax to help alleviate the suffering of the poor. But such a policy was strongly denied by the Council. The council was changed to reduce the pay of civil servants and the military budget cuts instead. Making elite in most countries, and especially the military very angry. King Rama VII. He admitted that he lacked the royal treasury openly. Struggled against the senior parliamentarians on such issues. It was little he had changed his commitment to the draft interim constitution. Which is the first to bring democracy into Siam. With the help of his family and his two American foreign policy advisor Raymond Barth Ablett Stephens, although it has been told that the public protests, Siam is not ready. Yet he is committed to deliver the Constitution to the people before the celebrations of the 150th anniversary of the Chakri Dynasty in 2475, however, said the document was rejected by councilors in the presidents of the end of April. Fri. . 2475, King Rama VII, he went out of the city in the summer, he transformed the palace. God entrusted King Borom her. Princess Sirindhorn sukhumbhand Krom Phra Nakhon century suggest a regent. As he went to his summer residence. Which was referred to "Entry zone" at Hua Hin can be said that "conspiracy Rs 130" is the driving force for the people. Promoter practice rule changes After seizing power, then Prince invited the leaders of the rebel hordes Rs 130 to meet and speak with. Khun Legion Protection (Ramkhamhaeng SIA) said, "If you board. Is seen to have the hair "and Luang Rama was said in that same opportunity. "I assume that this revolution is because of the actions committed against the Rs 130" event on June 23 to 24 , although it has to be arranged in advance, and all matter. News of the plan was also leaked to the police. On the evening of June 23, 2475, the Director General of Police, HRH the phone to her. Princess Sirindhorn sukhumbhand Department of the Gospel suggest Sawan I spoke with the authority to arrest and imprison anyone associated with such plans. He said he was a promoter of many influential and powerful. So he decided to move to an edict issued the following day. The next statement is a very important promoter were in the same evening. One of the sponsors of Luang Sindhusongkramchai (Sindhu Seaman) has enlisted in the Navy, the Navy gunboat up the river, and when.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Siamese revolution in 2475 (also known as the coup or rule changes). A turning point in the history of the century 20 such events occur when the 24 June2475 which resulted in a format change from absolute monarchy to the kingdom of Siam country democracy under the constitution, the king And change the forms of government is a parliamentary democracy.Calling himself "realm" by as a result of changes in the history of the world. As well as social change and domestic politics. The revolution also makes people get the first Siamese constitution as well
.


behind

. Royal Highness crown majesty country modernization reform in many aspects. But constitutional reform to go slow, which caused dissatisfaction among the heads progress and extremists in 2009.2454 born rebel, RS130 by the Faculty of young officer but failed. The goal of the faculty is the variation rule and the overthrow of the old regime and replace them with modern western constitutional systemThe revolution failed and promoter was imprisoned. Since then, vajiravudh he stop trying, mainly in the reform of constitution and govern the country under the absolute monarchy.Appointed to the Privy Council and government some common
.Later, เจ้าฟ้าฯ Sukhothai Buddha somdej Krom Luang. Heh. He succeed to the throne as king Prajadhipok's successor brother you's head. After King Rama VI passed away.Your brother has made the state of the country almost bankrupt. Because he often used the money from the Treasury to close the deficit of the side.He speedily establish demeanour up is the key enterprise in governing the state. To try to solve the problem that the country is facing. King Prajadhipok had become that he is king, who sympathize.And when the Royal returned to the capital. He ทำให้เป็นที่ยอมรับ and distinctive to the elite and middle class students who grow up than before he composed many public duties Until this time.At abroad, when several decades before start back country. But these students return to lack of opportunity. To stand by the royal family and the backwardness of the country.However, when
BC.2473 world situation to increase the evil down than the country can handle when the stock market crashes and the wall, women, economic collapse impact arriving Siam