บทความฉบับนี้เป็นการนำเสนอตัวอย่างข

บทความฉบับนี้เป็นการนำเสนอตัวอย่างของวรรณกรรมที่มีชื่อเสียง เพื่อชี้ให้เห็นถึงกระแสการต่อต้านหลักเกณฑ์ทางการบริหาร (The Principles of Administration) ซึ่งเป็นหนึ่งในสองกรอบเค้าโครงความคิดของทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ (อีกกรอบเค้าโครงความคิดหนึ่งคือ การแยกการเมืองออกจากการบริหาร) ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือบางทีเรียกว่า “ทฤษฎียุคดั้งเดิม” (Classical Theory) โดยวรรณกรรมของนักทฤษฎีที่ต่อต้านหรือวิจารณ์หลักเกณฑ์ทางการบริหารเกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 1970 ผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้สิ่งแวดล้อมขององค์การเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ เปลี่ยนจากการที่เคยมีความสงบและมีเสถียรภาพมาสู่สิ่งแวดล้อมที่อลเวงและหาความแน่นอนไม่ได้และหลายประเทศต้องเผชิญกับความขาดแคลนและการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดประกอบกับมีแนวความคิดใหม่ ๆ มาท้าทายทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ยุคก่อนสงคราม เป็นยุคที่รัฐประศาสนศาสตร์ประสบกับวิกฤตด้านเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก

ผู้เขียนตั้งใจเลือกเฉพาะผลงานของ เชสเตอร์ ไอ บาร์นาร์ด (Chester I. Barnard) มาเป็นตัวแทนในการกล่าวถึงทฤษฎีท้าทายทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ซึ่งต่อต้านหลักเกณฑ์ทางการบริหารในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเหตุผลที่ว่า บาร์นาร์ดนั้นถือว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลในการคิดและมีความกล้าในการเปลี่ยนแปลง โดยเขาได้ใช้ประสบการณ์ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติมาเป็นพื้นฐานในการคิดให้มีความสมบูรณ์ โดยเฉพาะการนำเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ในองค์การมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ซึ่งในบทความนี้จะสรุปภูมิหลังและแนวความคิดที่สำคัญของบาร์นาร์ด วิเคราะห์ถึงคุณค่าในผลงานของเขาในแง่มุมต่าง ๆ รวมถึงการแสดงความคิดเห็นและสรุปในตอนท้ายของบทความ ซึ่งจะกล่าวในรายละเอียดในลำดับถัดไปนี้

ภูมิหลัง “บาร์นาร์ด” …. อัจฉริยะบุคคลบังเกิดขึ้นมาในโลก

เชสเตอร์ ไอ บาร์นาร์ด (Chester I. Barnard) (ค.ศ. 1886-1961) เขาเกิดที่เมืองเมลเดน (Malden) มลรัฐแมซซะชูเซ็ทซ (Massachusetts) ในปี ค.ศ. 1886 เขาได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด (Harvard) ในสาขาเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่ได้รับปริญญาเนื่องจากมีปัญหาในวิชา laboratory science ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก แต่ด้วยความเป็นอัจฉริยะและความมุ่งมั่น ทำให้ชีวิตของเขาประสบความสำเร็จได้เป็นถึงประธานบริษัท New Jersey Bell Telephone และเขายังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มากมาย นอกจากนี้เขายังอุทิศตัวเองช่วยเหลือองค์การต่าง ๆ เช่น เป็นประธานมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ เป็นต้น บาร์นาร์ดได้นำเอาแนวความคิดของ Pareto, Weber และ Whitehead มาประยุกต์ในการวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับองค์การ นั่นคือ ระบบความร่วมมือ (Cooperative systems) ขึ้นเป็นครั้งแรก ผลงานที่สร้างชื่อให้กับบาร์นาร์ด คือ “The Functions of the Executive” พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปี ค.ศ.1938 บาร์นาร์ดได้ถึงแก่กรรมเมื่อปี ค.ศ. 1961 แต่ผลงานของเขายังคงความเป็น “อมตะ” มาจนถึงทุกวันนี้

หน้าที่ของฝ่ายบริหาร คือ หัวใจแห่งความร่วมมือ

ผู้เขียนขอสรุปสาระสำคัญของหนังสือเรื่อง“The Functions of the Executive” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของบาร์นาร์ดที่ขยายความมาจากการบรรยาย 8 ครั้งให้กับ Lowell Institute เมืองบอสตัน ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ค.ศ. 1937 โดยมีความมุ่งหมายที่จะพัฒนาทฤษฎีองค์การ โดยกระตุ้นให้เกิดการทดสอบในเรื่องธรรมชาติของระบบความร่วมมือภายในองค์การ



สาระสำคัญของ The Functions of the Executive

สรุปได้ดังต่อไปนี้.-

บาร์นาร์ด มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะอธิบายทฤษฎีของพฤติกรรมความร่วมมือในองค์การที่เป็นทางการ โดยความร่วมมือเป็นจุดเริ่มต้นของความต้องการของปัจเจกบุคคล เพราะคนเราไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งหมด ดังนั้นต้องอาศัยความร่วมมือกัน โดยระบบความร่วมมือจะต้องให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างกันของปัจจัยด้านชีววิทยา จิตวิทยา และสังคม เน้นให้ความสำคัญกับเรื่องประสิทธิผล (effective) ที่ทำให้องค์การบรรลุเป้าหมายและประสิทธิภาพ(efficient) ที่ตอบสนองความพึงพอใจให้กับปัจเจกบุคคล ทั้งนี้ทุกคนจะต้องมีความเต็มใจในการร่วมมือกันทำงาน (willingness to cooperate) และมีความสามารถในการสื่อสารที่ดี (ability to communicate) โดยทำงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การ นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารจะต้องมีภาวะผู้นำที่จะสามารถสร้างความร่วมมือในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์การอย่างมีคุณภาพและศีลธรรมอันดี

หนังสือ “The Functions of the Executive” แบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ คือ

ส่วนที่ 1 กล่าวถึง ระบบความร่วมมือในองค์การ (Cooperative systems) ที่กล่าวถึง ปัจเจกบุคคลกับองค์การ ปัจจัยทางด้านกายภาพ ชีวภาพ จิตวิทยา และสังคมที่มีผลต่อความร่วมมือ รวมทั้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความร่วมมือในเชิงปฏิบัติ

ส่วนที่ 2 กล่าวถึง ทฤษฎีและโครงสร้างขององค์การแบบเป็นทางการ กล่าวถึง คำจำกัดความขององค์การแบบเป็นทางการ ทฤษฎีองค์การแบบเป็นทางการ โครงสร้างองค์การแบบเป็นทางการที่สลับซับซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างองค์การแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

ส่วนที่ 3 กล่าวถึง ส่วนประกอบสำคัญขององค์การแบบเป็นทางการ กล่าวถึง หลักเกณฑ์และประเภทของความชำนาญพิเศษ การจูงใจเชิงเศรษฐกิจ ทฤษฎีการใช้อำนาจ สภาพแวดล้อมของการตัดสินใจและทฤษฎีการฉวยโอกาสเพื่อการตัดสินใจ

ส่วนที่ 4 กล่าวถึง หน้าที่ขององค์การในระบบความร่วมมือ กล่าวถึง หน้าที่สำคัญของฝ่ายบริหาร กระบวนการบริหาร และธรรมชาติของฝ่ายบริหารต่อความรับผิดชอบ

อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า หนังสือ “The Functions of the Executive” ของบาร์นาร์ด เป็นการเปิดศักราชใหม่ของการศึกษาทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์และทฤษฎีองค์การที่แตกต่างจากทฤษฎีในยุคดั้งเดิม (Classical theory) เนื่องจากศึกษาองค์การโดยให้ความสำคัญต่อพฤติกรรมมนุษย์ในองค์การ รวมทั้งเริ่มให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมขององค์การ นอกจากนี้ บาร์นาร์ดยังได้แยกให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างแรงกระตุ้นของปัจเจกบุคคลกับองค์การ โดยเสนอการแยกอธิบายถึงความมุ่งหมายของประสิทธิผลกับประสิทธิภาพ (effective-efficient dichotomy) ซึ่งเป็นการเสนอแนวการมองเรื่ององค์การอีกแนวหนึ่งนอกเหนือจากทฤษฎีดั้งเดิม เราอาจมองว่าหนังสือดังกล่าวเป็นตัวเชื่อมไปสู่ทฤษฎีท้าทายก็ได้ จึงถือได้ว่าบาร์นาร์ดเป็นผู้สร้างมิติทางความคิดเกี่ยวกับทฤษฎีอง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

This article is a presentation of examples of famous literature to point out to the fight against financial management principles (The Principles of Administration), which is one of the ideas of the theory of public administration songkrop khrongkhwam layout (ikkrop khrongkhwam layout idea is separating politics from Administration). In the era before World War 2, or sometimes referred to as "the original era theory" (Classical Theory), the literature of resistance or criticism of the theory that the administrative guidelines occur range from after World War II until the 1970 20th century from World War 2. Make the environment of the organization changed. That is, the change from a peaceful and stable environment to onweng and certainty, and many countries faced with the shortage, and the struggle to survive with the new is the concept of public administration theory era before the war. As a public administration, faced with a crisis of the era that is very unique. The authors intend to select only the work of Chester Barnard icon (Chester I. Barnard) came to represent in the public administration, which in theory covers the theoretical challenges against administrative criteria during the first World War 2 with the reason that it is considered a genius bar fan the person to think and dare to change. He has experience in both theory and practice as the basis for the charge to be complete. The subject of human behavior, especially in the WTO, which focus very seriously on this article is a summary of important ideas and backgrounds of Barnard in his analysis of the value in various aspects, including comments and a summary at the end of the article, which is discussed in detail in the next series.Backgrounds, "Barnard" .... The intelligent people in the world. เชสเตอร์ ไอ บาร์นาร์ด (Chester I. Barnard) (ค.ศ. 1886-1961) เขาเกิดที่เมืองเมลเดน (Malden) มลรัฐแมซซะชูเซ็ทซ (Massachusetts) ในปี ค.ศ. 1886 เขาได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด (Harvard) ในสาขาเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่ได้รับปริญญาเนื่องจากมีปัญหาในวิชา laboratory science ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก แต่ด้วยความเป็นอัจฉริยะและความมุ่งมั่น ทำให้ชีวิตของเขาประสบความสำเร็จได้เป็นถึงประธานบริษัท New Jersey Bell Telephone และเขายังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มากมาย นอกจากนี้เขายังอุทิศตัวเองช่วยเหลือองค์การต่าง ๆ เช่น เป็นประธานมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ เป็นต้น บาร์นาร์ดได้นำเอาแนวความคิดของ Pareto, Weber และ Whitehead มาประยุกต์ในการวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับองค์การ นั่นคือ ระบบความร่วมมือ (Cooperative systems) ขึ้นเป็นครั้งแรก ผลงานที่สร้างชื่อให้กับบาร์นาร์ด คือ “The Functions of the Executive” พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปี ค.ศ.1938 บาร์นาร์ดได้ถึงแก่กรรมเมื่อปี ค.ศ. 1961 แต่ผลงานของเขายังคงความเป็น “อมตะ” มาจนถึงทุกวันนี้ หน้าที่ของฝ่ายบริหาร คือ หัวใจแห่งความร่วมมือ ผู้เขียนขอสรุปสาระสำคัญของหนังสือเรื่อง“The Functions of the Executive” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของบาร์นาร์ดที่ขยายความมาจากการบรรยาย 8 ครั้งให้กับ Lowell Institute เมืองบอสตัน ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ค.ศ. 1937 โดยมีความมุ่งหมายที่จะพัฒนาทฤษฎีองค์การ โดยกระตุ้นให้เกิดการทดสอบในเรื่องธรรมชาติของระบบความร่วมมือภายในองค์การ สาระสำคัญของ The Functions of the Executive สรุปได้ดังต่อไปนี้.- บาร์นาร์ด มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะอธิบายทฤษฎีของพฤติกรรมความร่วมมือในองค์การที่เป็นทางการ โดยความร่วมมือเป็นจุดเริ่มต้นของความต้องการของปัจเจกบุคคล เพราะคนเราไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งหมด ดังนั้นต้องอาศัยความร่วมมือกัน โดยระบบความร่วมมือจะต้องให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างกันของปัจจัยด้านชีววิทยา จิตวิทยา และสังคม เน้นให้ความสำคัญกับเรื่องประสิทธิผล (effective) ที่ทำให้องค์การบรรลุเป้าหมายและประสิทธิภาพ(efficient) ที่ตอบสนองความพึงพอใจให้กับปัจเจกบุคคล ทั้งนี้ทุกคนจะต้องมีความเต็มใจในการร่วมมือกันทำงาน (willingness to cooperate) และมีความสามารถในการสื่อสารที่ดี (ability to communicate) โดยทำงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การ นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารจะต้องมีภาวะผู้นำที่จะสามารถสร้างความร่วมมือในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์การอย่างมีคุณภาพและศีลธรรมอันดี หนังสือ “The Functions of the Executive” แบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ คือส่วนที่ 1 กล่าวถึง ระบบความร่วมมือในองค์การ (Cooperative systems) ที่กล่าวถึง ปัจเจกบุคคลกับองค์การ ปัจจัยทางด้านกายภาพ ชีวภาพ จิตวิทยา และสังคมที่มีผลต่อความร่วมมือ รวมทั้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความร่วมมือในเชิงปฏิบัติส่วนที่ 2 กล่าวถึง ทฤษฎีและโครงสร้างขององค์การแบบเป็นทางการ กล่าวถึง คำจำกัดความขององค์การแบบเป็นทางการ ทฤษฎีองค์การแบบเป็นทางการ โครงสร้างองค์การแบบเป็นทางการที่สลับซับซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างองค์การแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการส่วนที่ 3 กล่าวถึง ส่วนประกอบสำคัญขององค์การแบบเป็นทางการ กล่าวถึง หลักเกณฑ์และประเภทของความชำนาญพิเศษ การจูงใจเชิงเศรษฐกิจ ทฤษฎีการใช้อำนาจ สภาพแวดล้อมของการตัดสินใจและทฤษฎีการฉวยโอกาสเพื่อการตัดสินใจส่วนที่ 4 กล่าวถึง หน้าที่ขององค์การในระบบความร่วมมือ กล่าวถึง หน้าที่สำคัญของฝ่ายบริหาร กระบวนการบริหาร และธรรมชาติของฝ่ายบริหารต่อความรับผิดชอบอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า หนังสือ “The Functions of the Executive” ของบาร์นาร์ด เป็นการเปิดศักราชใหม่ของการศึกษาทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์และทฤษฎีองค์การที่แตกต่างจากทฤษฎีในยุคดั้งเดิม (Classical theory) เนื่องจากศึกษาองค์การโดยให้ความสำคัญต่อพฤติกรรมมนุษย์ในองค์การ รวมทั้งเริ่มให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมขององค์การ นอกจากนี้ บาร์นาร์ดยังได้แยกให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างแรงกระตุ้นของปัจเจกบุคคลกับองค์การ โดยเสนอการแยกอธิบายถึงความมุ่งหมายของประสิทธิผลกับประสิทธิภาพ (effective-efficient dichotomy) ซึ่งเป็นการเสนอแนวการมองเรื่ององค์การอีกแนวหนึ่งนอกเหนือจากทฤษฎีดั้งเดิม เราอาจมองว่าหนังสือดังกล่าวเป็นตัวเชื่อมไปสู่ทฤษฎีท้าทายก็ได้ จึงถือได้ว่าบาร์นาร์ดเป็นผู้สร้างมิติทางความคิดเกี่ยวกับทฤษฎีอง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

This paper presents examples of famous literary. To indicate the current rules against the administration (The Principles of Administration), one of the two theoretical framework, the idea of public administration. (The other one is thinking framework. The separation of politics from administration) in the period before World War 2, or maybe called. "Theoretically, the original" (Classical Theory) by literary theorists who oppose or criticize the rules, the administration took place in the period after World War 2 until the century in 1970 resulting from World War 2, the Environment Agency to say is. turns out to have a peaceful and stable environment into chaos and have certainly not, and many countries are faced with poverty and the struggle for survival, with a new concept that challenges theories of Public Administration. Pre-war The public administration is the crisis of identity is very intentionally selected the works of the author Chester Barnard's (Chester I. Barnard) to represent a challenge to the theory, the theory of Public Administration, which is against the rules. During the First World War two reasons. Barnard is considered a smart person to think and have the courage to change. He has the experience, both theoretical and practical basis to think that there is integrity. In particular, the issue of human behavior in organizations to focus seriously. This article summarizes the background and the concept of Barnard. Analysis of the value of his work in various aspects, including the review and conclude at the end of the article. Which are discussed in detail in the next sequence of this background, "Barnard" .... Intelligent people come up in the world 's Chester Barnard (Chester I. Barnard) (AD 1886-1961. ) He was born in Ogden mail (Malden) State Messrs holds Poinsettia left. (Massachusetts) in 1886, he studied at Harvard University (Harvard) in economics. But did not graduate because of a problem in laboratory science subjects, although he did not graduate from the university of the world. But with intelligence and determination. Make his life successful as the president of New Jersey Bell Telephone, and he has received numerous honorary degrees. He also dedicated himself to help organizations such as the Foundation Rock Rockefeller, etc. Barnard has embraced the concept of Pareto, Weber and Whitehead application in depth analysis about the organization, that is. Cooperation System (Cooperative systems) for the first time. Create a portfolio that Barnard's "The Functions of the Executive", first published in 1938, Barnard passed away on 1961, but his work continues. The "immortal" to this day duties of management is at the heart of cooperation, the authors summarize the essence of the book "The Functions of the Executive", which is a masterpiece of Barnard extended from. Lowell Institute Lectures eight times to Boston in November - December 1937 with the aim of developing organization theory. By inducing test about the nature of cooperation within the Organization essence of The Functions of the Executive summarized below. - Barnard. Its purpose is to explain the theory of cooperative behavior in formal organizations. The partnership marks the beginning of the needs of the individual. Because we can not do it all. So requires cooperation The cooperation system will be featured on the relationship between the biological, psychological and social emphasis on effectiveness (effective) makes organizational goals and effective (efficient) to meet the satisfaction to the individual. We must be willing to collaborate (willingness to cooperate), and have the ability to communicate well (ability to communicate) by working in harmony with the goals of the organization addition, the management has to be leadership. to establish cooperation in working to achieve the goals of the organization with quality and good moral book "The Functions of the Executive" divided into four major sections is the one mentioned Cooperation Organization (Cooperative systems. ) that the individual organizations. Physical, biological, psychological and social factors that affect cooperation. Including rules on cooperation in the practical part two discusses the theoretical and organizational structure of the formal definition of a formal organization. Formal Theory Formal and complex organization. And the relationship between organizations, formal and informal, Part 3 discusses the major components of a formal organization mentioned criteria and categories of expertise. The economic incentives Theory of Power Environment and decision theory opportunistic decision to Part 4 discusses the role of the Organization in cooperation the key functions of management. Management Process And the nature of executive responsibility by the conclusion that the book "The Functions of the Executive" of Barnard opens a new era of Theory of Public Administration and Organization Theory differ from a theory in the original (Classical theory. ) because of the organization to focus on human behavior in organizations. The organization began to focus on the environment of this Barnard has also split the difference between the impulses of the individual organization. The proposal describes the purpose of the separation efficiency with performance. (Effective-efficient dichotomy), which suggested a more horizontal organization other than the original theory. We may think that such a book as a link to theories that challenge. It held that Barnard is a new dimension of thinking about the theory.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

This article presents examples of famous literature To indicate the flow resistance rule management (The Principles of Administration). Which is one of the two frame layout idea of the theory of Public AdministrationSeparation of politics from administration). In the era before World War I 2 or sometimes called "theory of the traditional" (Classical Theory).2 until century 1970 effects from World War II 2 make the environment of the organization changed.Theory of public administration, the challenge before the war. Period is faced with a crisis in public administration is a very unique
.The author intends to select only
works of Chester I Barnard (Chester I.Barnard) representative in public administration theory discusses the theoretical challenges which against the rules in the administration during the first World War 2 that reason.He has experience in both theory and practice as the basis to think to perfection. The application of human behavior in organization to the importance.Analysis of the value of his works in various aspects, including reviews and summaries at the end of the article. Which is mentioned in detail in order to next
.