1) ปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ประสบปัญหาการจราจรติดขัด ทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น การใช้พลังงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนในการขนส่งสูงขึ้นเนื่องจากมีต้นทุนการใช้รถเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายทางด้านเวลาที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ รวมถึงส่งผลให้เกิดความตึงเครียดของผู้เดินทางอันนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ปัญหาการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นปัญหาในระดับเมืองและระดับประเทศที่มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และปัญหานี้จะได้เริ่มขยายไปสู่เมืองใหญ่ ๆ ในภูมิภาคเช่น อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา อ.เมือง จ. เชียงใหม่ เป็นต้น
2) ปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งทางถนน การใช้รถใช้ถนนจำนวนมากและไม่มีวินัยจราจรรวมถึงการกำกับดูแลทำได้ไม่ทั่วถึงก่อให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุขึ้นทำให้เกิดความสูญเสียทางชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมากมายอันเนื่องมาจากผู้บาดเจ็บและพิการ ปัญหาอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การดื่มสุราในขณะขับรถ เป็นต้น
3) ปัญหามลพิษที่เกิดจากการใช้รถ เนื่องจากปริมาณยานพาหนะประเภทต่าง ๆ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ ซึ่งยานพาหนะเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน มลพิษที่ปล่อยจากรถมีฝุ่นละออง ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ สารตะกั่ว ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ถึงแม้ว่าจะมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเพื่อให้มีการปล่อยก๊าซพิษน้อยลง และมีการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น แต่ปัญหามลพิษจากรถสำหรับบริเวณที่มีปริมาณจราจรหนาแน่นยังเป็นปัญหาสำหรับผู้อยู่อาศัยในเมืองใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปริมาณฝุ่นละอองที่เกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของไทย
ในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศนั้น การที่ผู้นำเข้าจะได้รับสินค้าที่ซื้อขายมาดำเนินธุรกิจของตนนั้น ผู้นำเข้าดังกล่าวจะต้องดำเนินการต่าง ๆ ซึ่งอธิบายได้โดยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนแรก คือ การเจรจาตกลงเพื่อทำสัญญาซื้อขาย ขั้นตอนที่สอง คือ การชำระราคาสินค้าที่จะต้องมีธนาคารเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนกลางในการรับมอบและตรวจสอบเอกสารการขนส่งก่อนที่จะทำการชำระราคาให้กับผู้ขาย (ผู้ส่งออก) ขั้นตอนที่สาม คือ การดำเนินการขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่กำหนดในสัญญา ซึ่งโดยมากก็มักจะเป็นโรงงานหรือสถานประกอบการของผู้ซื้อ (ผู้นำเข้า) และขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระความเสี่ยงภัยที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งก็มักจะมีการทำสัญญาประกันภัยสินค้า เช่น Cargo Insurance