ชาวอะบอริจิน ชนพื้นเมืองออสเตรเลีย

ชาวอะบอริจิน ชนพื้นเมืองออสเตรเลีย
ชาวอะบอริจินคือกลุ่มชนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนเกาะออสเตรเลียมานานมาก คาดว่าไม่ต่ำกว่า 38,000 - 50,000 ปี โดยมีอารยะธรรมแบบดั้งเดิม มีอาชีพล่าสัตว์ จับปลา เพาะปลูก มีอาวุธ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอย เป็นอย่างง่ายๆไม่ซับซ้อน นอกจากมีชาวอะบอริจินที่อยู่อย่างกระจัดกระจายทั่วแผ่นดินออสเตรเลียและเกาะทัสมาเนีย แล้วยังมีชาวเกาะอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งถือเป็นชนดั้งเดิมของออสเตรเลียเช่นกันคือ กลุ่มชาวเกาะทอร์เรสสเตรท Torres Strait ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่เกาะ Torres Strait มักเดินทางด้วยเรือคะนู สืบเชื้อสายมาจากชาวปาปัว หมู่เกาะนิว กินี และใช้ภาษาปาปัวนิวกินี ปัจจุบันเรียกชนทั้งสองกลุ่มรวมกันว่า อินดิจิเนียส ออสเตรเลียน สำหรับภาษาของชาวอะบอริจิน แยกเป็นเผ่าต่างๆมากมาย ในช่วงศตวรรษที่ 18 คาดว่ามีภาษาแตกต่างกันถึง 350-750 ภาษา แต่ในศตวรรษที่ 21 นี้ คาดว่าภาษาพูดของชาวอะบอริจินที่ยังคงใช้กันอยู่น่าจะลดน้อยลงไม่เกิน 200 ภาษา
ชาวอะบอริจิน หมายถึง ชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2% ของประชากรทั่วประเทศหรือราว 400,000 คน
อะบอริจิน มาจากคำว่า "aboriginal" เป็นคำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ปรากฏขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 หมายถึง ต้นกำเนิด แรกเริ่ม หรือ พื้นเมือง มีการนำมาใช้ในออสเตรเลีย ตั้งแต่ต้นปี 1789 เพื่อเรียกชาวพื้นเมืองทั้งหมดในประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วมีอยู่หลายกลุ่มด้วยกันประมาณ 500-600 กลุ่ม
1.1 ความเป็นมาของชาวอะบอริจิน
เชื่อกันว่า บรรพบุรุษของชาวอะบอริจิน อพยพมาจากอินโดนีเซียมาตั้งถิ่นฐานที่ทวีปออสเตรเลียเมื่อห้าพันกว่าปีที่ผ่านมา ชาวอะบอริจินอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มครอบครัวขยาย คือมีบรรพบุรุษร่วมกัน และมีขนบประเพณีที่เชื่อมโยงกันระหว่างคนและดินแดนที่อาศัย มีความเชื่อถือในเรื่อง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ชาวอะบอริจินเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่วิญญาณจะเดินทางกลับไปอยู่หลังจากตายไปแล้ว ซึ่งลูก หลาน หรือสมาชิกในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะประกอบพิธีกรรมแสดงความเคารพ เพื่อเป็นเกียรติแก่วิญญาณบรรพบุรุษ มีความเชื่อว่า วิญญาณของบรรพบุรุษจะคอยคุ้มครอง ปกป้องรักษาเผ่าของตนสืบไป ไม่ก่อให้เกิดภัยธรรมชาติ หรือโรคภัยที่ลึกลับชาวอะบอริจินมีหลากหลายเผ่า บ้างก็ตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นหลักแหล่ง บ้างก็ดำรงชีวิตคล้ายกลุ่มชนเร่ร่อน บทบาทของฝ่ายชาย คือ การเป็นนักล่า และพิทักษ์รักษากฎหมายของฝ่ายชาย ส่วนฝ่ายหญิงจะคอยดูแล เลี้ยงดูเด็ก หุงหาอาหาร ซึ่งฝ่ายหญิงก็จะมีกฎและพิธีกรรมเฉพาะของตนเช่นกันชาวอะบอริจินรู้จักใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์ และฤดูกาลของพืชชนิดต่างๆ ไม่ล่าสัตว์หรือเก็บเกี่ยวพืชผลจนถึงขนาดที่จะนำไปสู่การสูญพันธุ์ นับได้ว่าชาวอะบอริจินเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติโดยแท้ชาวอะบอริจินยุคแรกมีการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าเช่นเดียวกัน บูมเมอแรงและดินเหลือง นับเป็นสินค้าที่สำคัญ ก้อนหินหรือเปลือกหอยที่หายากและมีความสำคัญทางพิธีกรรม ก็เป็นอีกอย่างที่มีการแลกเปลี่ยนกัน
1.2 ความเป็นอยู่ชาวอะบอริจิน
ชายชาวอะบอริจินมักจะถือหอกติดมือไว้เป็นประจำ ขณะที่ผู้หญิงมีหน้าที่กระเตงลูก เด็กชายเมื่อเติบโตขึ้นมาก็ถูกฝึกให้รู้จักล่าสัตว์ด้วยการถือหอกเล็กๆ ตามพ่อไปหาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันล้วนประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ เชือกป่าน เส้นผม นำมาสานตาข่าย ตะกร้า เสื่อ และเบ็ดตกปลา ไม้-เปลือกไม้ใช้ทำจานข้าว โล่ หอก บูมเมอแรง แม้กระทั่งเรือแคนู แพ ก้อนหินนำมาทำเป็นส่วนประกอบของอาวุธ และใช้แกะสลักไม้ ส่วนก้อนหินขนาดใหญ่นำมาบดเมล็ดพืชให้เป็นแป้ง ชิ้นส่วนกระดูกนำมาเหลาให้แหลมใช้เป็นปลายหอก และเข็มสำหรับเย็บเสื้อคลุม หนังสัตว์นำมาใช้ตักน้ำ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตอันสงบสุขของชาวอะบอริจินที่เคยมีมาช้านานเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวดสำหรับพวกเขา เนื่องจากถูกคนผิวขาวรุกราน นับตั้งแต่กัปตันเจมส์ คุก ชาวอังกฤษเดินทางมาถึงอ่าวซิดนีย์ในปี 1770 และประกาศให้เป็นดินแดนของกษัตริย์จอร์จที่ 3 ของอังกฤษ และในปี 1788 อังกฤษเริ่มนำนักโทษในคดีร้ายแรงมาเนรเทศประมาณ 1,000 คน นำโดยกัปตันอาร์เธอร์ ฟิลลิป แล่นเรือเข้ามาในอ่าวโบทานี
หลังจากนั้นชาวอังกฤษเริ่มขยับขยายตั้งรกราก ปลูกพืช เลี้ยงแกะในพื้นที่ที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสม ขณะที่ชาวพื้นเมืองซึ่งมีความเชื่อว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินถือเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นซึ่งมนุษย์สามารถเก็บเกี่ยวได้เท่าเทียมกัน จึงมาเก็บพืชผลของชาวอังกฤษบวกกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่สุดขั้ว ทำให้ปัญหาของคนผิวขาวและชาวพื้นเมืองเริ่มบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งรุนแรง
1.3 ประเพณีและวัฒนธรรม
ประเพณี วัฒนธรรม ศิลปะ และความศรัทธาในเรื่องของจิตวิญญาณ ส่งผลให้ชาวอะบอริจินมีความผูกพันกันเหนียวแน่น พวกเขาเชื่อว่ามนุษย์กำเนิดขึ้นมาจากผืนแผ่นดินเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เช่นเดียวกับผืนน้ำ ท้องฟ้า และสัตว์ต่างๆ พวกเขาไม่ถือว่ามนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติซึ่งแตกต่างกับความเชื่อในศาสนาอื่นๆ
นอกจากนี้ ชาวอะบอริจินยังมีความเชื่อเรื่องเทพเจ้า วิญญาณภูตผีปีศาจที่สามารถทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บหรือเกิดเหตุเภทภัยในสังคม ดังนั้น จึงต้องมีพ่อมดหมอผีที่สามารถรักษาโรคและติดต่อสื่อสารกับเทพเจ้า ชาวอะบอริจินมีพิธีกรรมที่มีชื่อเสียงจนทุกวันนี้คือ การชี้กระดูก คล้ายกับการเสี่ยงทายถ้าปลายกระดูกชี้ไปที่คนใดแสดงว่าคนนั้นจะโชคร้าย เจ็บป่วยหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้รวมไปถึงการสาปแช่งด้วยการชี้กระดูกไปยังคนที่พวกเขาผูกพยาบาท
ดนตรี ชาวอะบอริจินมีเครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงมากคือ ขลุ่ยดิดเจอริดู ทำจากไม้ไผ่ มีขนาดยาวตั้งแต่ 1-3 เมตร ใช้บรรเลงในงานพิธีสำคัญๆ
งานศิลปะของชาวอะบอริจินมีทั้งรูปแกะสลัก หินและเปลือกไม้ระบายสี ตะกร้า สร้อยลูกปัดซึ่งล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียง ปัจจุบันชาวอะบอริจินมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองเหล่านี้
1.4 การล้างฆ่าเผ่าพันธุ์อะบอริจิน
คนขาวเริ่มมองอะบอริจินไม่ต่าง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

The indigenous Australia resort The contract is the native groups who live on the extreme long island Australia. Expect no less than 38000-50000 years by explore traditional occupations are cultivation, fishing, hunting, weapons, equipment, and appliances. As a simple example. In addition to the engine that Boris has fragmented across mainland Australia and Tasmania, the island is another island which is regarded as Australia's original butt as well, is a group of Torres Strait Islanders thoraset determination, which lived in the islands of Torres Strait, often travelling by boat c.Nu descended from Papua. New Guinea Islands and Papua New Guinea. At present, both groups together the bump that the digital genius language of Australia for the separate resort many different tribes. During the 18th century it is estimated that the different languages to 350-750, but language in the 21st century, this language is expected to say the engine continues to use Boris are less likely to be no more than 200 languages. The resort means the original natives of the country Australia. Currently about 2% of the population across the country, or 400,000 people, stories. Aladdin resort comes from the word "aboriginal" is a term in English that appears during the 17th century meant the original or native origin have been used in Australia since the beginning of the year 1789 to summon all the natives in the country which actually contained multiple groups together approximately 500-600 groups. 1.1 history of the resort เชื่อกันว่า บรรพบุรุษของชาวอะบอริจิน อพยพมาจากอินโดนีเซียมาตั้งถิ่นฐานที่ทวีปออสเตรเลียเมื่อห้าพันกว่าปีที่ผ่านมา ชาวอะบอริจินอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มครอบครัวขยาย คือมีบรรพบุรุษร่วมกัน และมีขนบประเพณีที่เชื่อมโยงกันระหว่างคนและดินแดนที่อาศัย มีความเชื่อถือในเรื่อง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ชาวอะบอริจินเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่วิญญาณจะเดินทางกลับไปอยู่หลังจากตายไปแล้ว ซึ่งลูก หลาน หรือสมาชิกในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะประกอบพิธีกรรมแสดงความเคารพ เพื่อเป็นเกียรติแก่วิญญาณบรรพบุรุษ มีความเชื่อว่า วิญญาณของบรรพบุรุษจะคอยคุ้มครอง ปกป้องรักษาเผ่าของตนสืบไป ไม่ก่อให้เกิดภัยธรรมชาติ หรือโรคภัยที่ลึกลับชาวอะบอริจินมีหลากหลายเผ่า บ้างก็ตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นหลักแหล่ง บ้างก็ดำรงชีวิตคล้ายกลุ่มชนเร่ร่อน บทบาทของฝ่ายชาย คือ การเป็นนักล่า และพิทักษ์รักษากฎหมายของฝ่ายชาย ส่วนฝ่ายหญิงจะคอยดูแล เลี้ยงดูเด็ก หุงหาอาหาร ซึ่งฝ่ายหญิงก็จะมีกฎและพิธีกรรมเฉพาะของตนเช่นกันชาวอะบอริจินรู้จักใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์ และฤดูกาลของพืชชนิดต่างๆ ไม่ล่าสัตว์หรือเก็บเกี่ยวพืชผลจนถึงขนาดที่จะนำไปสู่การสูญพันธุ์ นับได้ว่าชาวอะบอริจินเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติโดยแท้ชาวอะบอริจินยุคแรกมีการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าเช่นเดียวกัน บูมเมอแรงและดินเหลือง นับเป็นสินค้าที่สำคัญ ก้อนหินหรือเปลือกหอยที่หายากและมีความสำคัญทางพิธีกรรม ก็เป็นอีกอย่างที่มีการแลกเปลี่ยนกัน1.2. the resort Namak contract man will hold regular hand spear. While women have a child duty hut. When the boys grew up, it is trained to recognize a small Spear hunting with my father by holding to find food. Of plain everyday fabricated from natural materials. Hemp rope. Hair. Bring a mat and basket weave mesh fishing wood-bark dish made using rice, shield, spear, Boomerang raft canoe rocks, even the use of weapons and components, wood carving. Part of large stones grinding grain, is bring the flour. Bone taken from these parts, Cape Spear is used for sewing and needle end coat leather applied to draw water, etc. อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตอันสงบสุขของชาวอะบอริจินที่เคยมีมาช้านานเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวดสำหรับพวกเขา เนื่องจากถูกคนผิวขาวรุกราน นับตั้งแต่กัปตันเจมส์ คุก ชาวอังกฤษเดินทางมาถึงอ่าวซิดนีย์ในปี 1770 และประกาศให้เป็นดินแดนของกษัตริย์จอร์จที่ 3 ของอังกฤษ และในปี 1788 อังกฤษเริ่มนำนักโทษในคดีร้ายแรงมาเนรเทศประมาณ 1,000 คน นำโดยกัปตันอาร์เธอร์ ฟิลลิป แล่นเรือเข้ามาในอ่าวโบทานี After that, the British began widening in the Shepherd plants colonize areas as they see fit. While the natives, who are convinced that anything that occurs on the land are of human nature, which can be harvested, so the crops equally British cultural differences, combined with the extreme. The problem of the people of Caucasian natives start to bloom and plaiklai as violent conflicts.1.3 tradition and culture.Art, culture, traditions, and faith in the story of a soul. As a result, the contract binding linkage together. They believe that humans originated from the land as part of nature, as well as water. The sky and the animals, they are not considered human nature which transcend the differences with other religious beliefs. นอกจากนี้ ชาวอะบอริจินยังมีความเชื่อเรื่องเทพเจ้า วิญญาณภูตผีปีศาจที่สามารถทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บหรือเกิดเหตุเภทภัยในสังคม ดังนั้น จึงต้องมีพ่อมดหมอผีที่สามารถรักษาโรคและติดต่อสื่อสารกับเทพเจ้า ชาวอะบอริจินมีพิธีกรรมที่มีชื่อเสียงจนทุกวันนี้คือ การชี้กระดูก คล้ายกับการเสี่ยงทายถ้าปลายกระดูกชี้ไปที่คนใดแสดงว่าคนนั้นจะโชคร้าย เจ็บป่วยหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้รวมไปถึงการสาปแช่งด้วยการชี้กระดูกไปยังคนที่พวกเขาผูกพยาบาท ดนตรี ชาวอะบอริจินมีเครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงมากคือ ขลุ่ยดิดเจอริดู ทำจากไม้ไผ่ มีขนาดยาวตั้งแต่ 1-3 เมตร ใช้บรรเลงในงานพิธีสำคัญๆ งานศิลปะของชาวอะบอริจินมีทั้งรูปแกะสลัก หินและเปลือกไม้ระบายสี ตะกร้า สร้อยลูกปัดซึ่งล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียง ปัจจุบันชาวอะบอริจินมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองเหล่านี้1.4 การล้างฆ่าเผ่าพันธุ์อะบอริจิน คนขาวเริ่มมองอะบอริจินไม่ต่าง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

The aboriginal inhabitants Jin Indigenous Australia.The aboriginal inhabitants Jin is the traditional people living on the island, Australia, for a very long time. Expect not less than 38,,000 - 50 000 years. By having Vietnam traditional morals occupation hunting fish cultivation of weapons and equipment using the Republic of Guinea-Bissau is simply not complicated. In addition to the aboriginal Jin fragmented throughout all the land of Australia and เกาะทัสมาเนีย. There is another group of people, which is the traditional Australian as well is a group of islands Torres Strait which lives in the Torres Strait Island. Torres Strait often travel by boat canoe was descended from the Papua New Guinea islands and use the language ปาปัว New Guinea current call into both groups combined. In Ji Aeneas, the Australian Aboriginal people for the language of Jin, split into many tribes in the century 18 is expected to be a different language to 350-750 language. But in the 21. Expect spoken of the aboriginal Jin still use is likely to be less than 200 language.The aboriginal inhabitants Jin means native traditional Australia. At present, there are about 2% of population throughout the country, or about 400 000 people.The aboriginal Jin from "Aboriginal" words in English that appears in the last century 17 mean, origin, originally. The native has used in Australia since the beginning of the year 1789 to call the natives in the country, which actually, there are many groups together about 500-600 group.1.1 history of the aboriginal Jin.It is believed that the ancestors of the aboriginal inhabitants Jin. Immigrants from Indonesia settlers that the continent when over five thousand years ago. The aboriginal inhabitants Jin live together as a group for extended family is a common ancestry. And the tradition that connects people and territories live with trust in the holy place, that the aboriginal Jin believe. Is the place where the soul will travel back to live after death, which children or family members who are still alive are rituals show some respect. To honor the ancestral spirits, there is a belief that the soul of the book.