#แด่ภูเขานั้นที่ฉันไม่ได้อยากปีน
.
เราถามตัวเองบ่อยแค่ไหนว่าชีวิตเราต้องการอะไร
.
พูดให้ชัดเจนคือ เราถามตัวเอง "อย่างสัตย์จริง" บ่อยแค่ไหนว่าชีวิตเราต้องการอะไร
.
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และสัตว์สังคมนั้นย่อมทำตามสังคมตามธรรมชาติที่ถูกฝังไว้ในรหัสพันธุกรรม
.
แต่หลายครั้งสิ่งนั้นคือสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการแม้แต่นิดเดียว
.
เราถูกสังคมหล่อหลอมว่าเรียนให้จบปริญญาตรี ทำงานที่มีรายได้ดี ซื้อรถซื้อบ้าน แต่งงาน เลี้ยงลูกจนเรียนจบ และเกษียณอย่างเป็นสุข
.
นี่คือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ใช่ไหม
.
สมัยผมเรียนปริญญาตรี ผมมีโอกาสได้แนะแนวการศึกษานักเรียนม.ปลายอยู่หลายครั้ง แน่นอนคำถามที่ถามบ่อยที่สุดคือ "อยากเรียนคณะอะไร"
.
นักเรียนส่วนใหญ่ตอบชื่อคณะวิชาชีพดังๆ ที่เป็นที่นิยมในสังคมตลอดกาล
.
คำถามต่อไปที่ผมจะถามคือ... เพราะอะไร
.
คำตอบเกินครึ่งมักจะเป็น "รายได้ดี" "พ่อแม่อยากให้เป็น" "อาชีพมั่นคง" แต่มีเพียงส่วนน้อยที่พูดถึง "อยากจะเป็น" หรือ "งานที่ทำแล้วมีความสุข"
.
ไม่ได้หมายความว่าการทำงานเพื่อเงินนั้นผิด เพราะใครๆ ก็ต่างทำงานเพื่อเงินทั้งนั้น แต่มันจะดีกว่านี้ไหม ถ้าได้ทำงานด้วย ได้เงินด้วย และมีความสุขด้วย?
.
ลองฟังเสียงหัวใจตัวเองดูบ้าง
.
หลายคนซื้อรถที่ตัวเองแทบไม่เคยได้ขับ ซื้อบ้านที่ตัวเองแทบไม่เคยได้อยู่ ทำงานที่ตัวเองแทบจะไม่เคยจะมีความสุข และอยู่กับคนที่ตัวเองแทบไม่เคยได้รัก
.
ถ้าบ้านเราติดรถไฟฟ้าและเราไม่ได้ชื่นชอบการขับรถอะไร เราไม่ต้องมีรถก็ได้ เก็บเงินไปทำในสิ่งที่รักดีกว่า
.
ถ้างานที่เราทำไม่ได้ต้องการปริญญาเพิ่มอีกใบและเราไม่ได้อยากเรียนต่ออะไร เราไม่ต้องต่อปริญญาอีกใบก็ได้ เก็บเวลาไปทำสิ่งที่รักดีกว่า
.
ถ้าชีวิตเราไม่ขาดแคลนอะไรและเราไม่ได้ต้องการคนมาเติมเต็มขนาดนั้น เราไม่ต้องแต่งงานก็ได้ เก็บหัวใจไว้ทำสิ่งที่รักดีกว่า
.
คำถามคือเราได้ฟังเสียงหัวใจของตัวเองจริงๆ แล้วหรือยัง
.
เคยมีงานวิจัยฉบับหนึ่งของประเทศฝั่งตะวันตกเก็บรวมรวมข้อมูลของผู้ที่อยู่ในวัยหลังเกษียณ โดยถามคำถามว่าเขาคิดว่าชีวิตที่ผ่านมากว่า 60 ปีของเขา "พลาด" อะไรไปบ้าง
.
คำตอบติด 5 อันดับแรกข้อหนึ่งคือ "เขาไม่ได้ทำสิ่งที่รักจริงๆ"
.
คนมากมายเสียเวลามากมายไปกับการดั้นด้นจะพิชิตยอดเขา
.
แต่น่าเสียดายที่ว่าเมื่อวันที่เขาปักธงลงพิชิตที่ยอดเขาแล้ว เขาก็เพิ่งค้นพบว่านั่นมันเป็นภูเขาที่เขาไม่ได้อยากปีน