ดูไบ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเท

ดูไบ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้ง อยู่ทางภาคเหนือของประเทศมีพื้นที่ประมาณ 3,225 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 1,674,527 คน ดูไบถือเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์ เพราะที่ถูกผันแปรจากดินแดนทะเลทรายมาสู่ความมั่งคั่งในการค้า บริการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์กลางธุรกิจ ไม่จำกัดเฉพาะการค้าน้ำมันแบบก่อนๆ

ขณะที่ตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นทั่วเมือง รวมถึงตึกสูงสุดในโลกกว่า 180 ชั้นที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ว่ากันว่าเครนที่ใช้งานก่อสร้างในโลกขณะนี้ กว่า 40% อยู่ในดูไบ (โอ้โห) และรายได้หลักของชาวดูไบมาจากหลายทาง ไม่เฉพาะการขายน้ำมันถือที่ถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ เพราะมีการผลิตน้ำมันสู่ตลาดโลกวันละ 2-2.5 ล้านบาร์เรล หากคิดรายได้เป็นเงินไทยตกวันละร่วมหมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มีไม่มาก และส่วนใหญ่ประชากรเป็นชาวต่างชาติที่เข้าไปอาศัย กว่า 75% ที่นี่จึงนับเป็นเมืองน่าสนใจที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตของจีดีพีสูงที่สุดในโลก

และไม่ต้องกลัวว่าไปเที่ยวดูไบเมืองทะเลทรายแล้วจะขาดน้ำ เพราะทุกวันนี้ดูไบซึ่งไม่มีแหล่งน้ำจืด ได้สร้างโรงกลั่นน้ำทะเลของตัวเอง จนสามารถกลั่นออกมาเป็นน้ำจืด มากกว่าความต้องการจริงถึงวันละ 3 เท่า...ไม่มีฝันอะไรอีกแล้ว ที่ดูไบทำไม่ได้ (จริงไหม)

ข้อมูลรัฐ..."ดูไบ"

ที่ตั้ง : ตะวันออกกลาง (Middle East) มีอาณาเขตติดต่อกับอ่าวโอมาน (The Gulf of Oman) และอ่าวเปอร์เซีย (The Persian Gulf) ระหว่างประเทศโอมานกับซาอุดิอาระเบีย

ภูมิประเทศ: สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 รัฐ ประกอบด้วย Abu Dhabi ซึ่งมีสถานะเป็นเมืองหลวง นอกจากนั้นก็มีเมือง Dubai , Sharjah, Ajman, Umm Al Quwain, Ras Al Khaimah และ Fujairah โดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 83,600ตารางกิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่ของดูไบประมาณ 3,225 ตารางกิโลเมตร มีอ่าวหรือเกาะเล็กตัดผ่านเมือง ทำให้แบ่งเมืองดูไบออกได้เป็น 2 ส่วน คือ เมือง Deira ทางตอนเหนือ และเมือง Bur Dubai ทางตอนใต้

เชื้อชาติ : ชาวเอมิเรตส์ 19%, ชาติอาหรับและอิหร่าน 23%, เอเชียใต้ 50%, ชาวตะวันตกและชาวเอเชียตะวันออก 8%

ศาสนา : เป็นมุสลิม 96% (ลัทธิชีอะห์ 16%) โดยมีชนกลุ่มน้อยที่นับถือศานาคริสต์ ฮินดูและอื่นๆ อีก 4%

ภาษา : มีภาษาอาระบิกเป็นภาษาทางการ โดยมีภาษาที่สองคือ ภาษาเปอร์เซีย อังกฤษ ฮินดู และ ภาษอิรดู

ประชากร : 419, 104 คน

พื้นที่ : 35 ตารางกิโลเมตร

เขตเวลา : GMT/UTC + 4 hours

ภูมิอากาศ : มีลักษณะกึ่งเขตร้อน และแห้งแล้ง โดยมีอุณหภูมิระหว่างต่ำสุดคือเกือบ 10 องศาเซลเซียส ไปจนถึงอุณหภูมิที่ระดับ 48 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 24 องศาเซลเซียส แต่ในเดือนกรกฎาคมอุณหภูมิเฉี่ยอยู่ที่ 41 องศาเซลเซียส

อาหาร : อาหารของชาติอาระบิก จะมีรสชาติคล้ายคลึงกับอาหารเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีข้าวหมกเป็นอาหารยอดฮิต มีรสชาติจัดจ้าน สำหรับของว่างก็จะมีพวกซาโมซา หรือ ผักย่างรวมไปถึงกาปับ (เนื้อสัตว์ย่าง) และที่พลาดไม่ได้สำหรับของหวานคือ Um Ali หรือพุดดิ้งนมนั่นเอง

ประวัติเมืองดูไบ

ในปี 1833 ชนเผ่า Bani Yas tribe ประมาณ 800 คน นำโดยตระกูล Maktoum ซึ่งยังปกครองประเทศอยู่ในปัจจุบัน ได้อพยพมาตั้งหลักแหล่งบริเวณปากอ่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นท่าเรือ ที่อุดมสมบูรณ์จึง ทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าทางทะเล รวมทั้งการทำประมงและการทำฟาร์มไข่มุก หลังจากนั้นในปีศตวรรษที่ 20 ประเทศดูไบก็กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการ ส่งออกที่สำคัญ โดยมีซุก (ชื่อเรียกของตลาดบริเวณตะวันออกกลาง) ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า Diera

ปี 1966 ดูไบกลายมาเป็นรัฐมหาอำนาจรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากที่มีการค้นพบน้ำมันดิบ ทำให้เมืองโบราณอายุสองพันปี กลายเป็นเมืองทันสมัยในพริบตา ด้วยโครงการ The Palm ที่เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งทะเล ให้กลายเป็นแหล่งความเจริญทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีสอร์ท ต่างๆ ด้วยงบลงทุนประมาณสามพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

การค้าขายในดูไบประสบความสำเร็จมาก สามารถดึงดูดให้พ่อค้าชาวอิหร่าน และอินเดียมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้าขายในประเทศได้ แต่ขณะที่การค้าขายเจริญมากขึ้น ฐานะทางการปกครองของดูไบก็ยังคงเป็นแค่รัฐในอารักขาของอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งบนพื้นที่ทางตอนเหนือของชายฝั่งของคาบสมุทรอาระเบีย ดังนั้น ภายหลังจากที่อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง ในปี 1971 ดูไบพร้อมด้วยอีกหลายรัฐ ได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์

และถัดจากนั้นในช่วงยุค 1980-1990 ดูไบได้ลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้ดูไบเป็นประเทศ ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยในปี 2000 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในดูไบมีจำนวน 3 แสนคน มากกว่าจำนวนประชากรของดูไบที่มีทั้งหมดประมาณ 850,000 คน




สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

ดูไบเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ และสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดและปลอดภัย แต่ที่ดูไบเป็นหนึ่งในลิสต์ของนักท่องเที่ยวหลายคน (โดยเฉพาะนักช้อป) ก็เพราะว่าที่นี่มีการขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากนี้ ดูไบยังมีตลาดหรือที่เรียกว่า ซุก (Souk) โดยจะขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ซุกที่ขึ้นชื่อก็ย่าน Deira Covered Souk ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของดูไบ

นอกจากนี้ หากมาดูไบและไม่ได้พูดถึงหรือไม่ได้มาเดินแถว Gold Souk ก็ถือว่าไม่ได้มาถึงดูไบ เพราะที่นี้ถือเป็นตลาดทองรูปพรรณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ขอเตือนว่าหากมาเดินย่านนี้คงต้องสวมแว่นกันแดดติดตามาด้วย เพื่อความปลอดภัยของสายตาท่าน (ก็แสงแดดที่ส่องสะท้อนมายังทองดูไบดูแล้วเจิดจ้าบาดตาจริงๆ) อะๆ ดูไบไม่ได้มีสถานที่เที่ยวเท่านี้นะ แต่จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันดี...

ผลลัพธ์ (เยอรมัน) 1:

Dubai ist die größte Stadt des Landes, U.A.E. Es befindet sich im Norden des Landes mit ca. 3225 Quadratkilometern und hat 1674527 Einwohner in Dubai gilt als eine Stadt der Magie. Es ist Variable vom Wüsten Land zum wirtschaftlichen Wohlstand. Immobilien-Entwicklungsleistungen und ein Business-Center sind nicht beschränkt auf, eine Geschichte der Ölhandel. Während die Pop-up Wolkenkratzer der Stadt kommen einschließlich der höchsten Gebäude der Welt, über 180 Schicht, das derzeit im Bau, der Kran verwendet beim Bau von mehr als 40 % der Welt jetzt in Dubai Leben (oho) und Primäreinkommen von Dubai aus vielen. Nicht nur der Verkauf von Öl, die wichtigsten Einnahmen der betrachteten Länder. Denn es auf dem Weltmarkt auf 2-NN2D5 Millionen Barrel Öl gibt. Wenn die Idee der Umsatzbeteiligung Geld nach Thailand jeden Tag als 1000 Millionen sank. Gegenüber der Bevölkerung mit der Mehrheit der Bevölkerung und Ausländer hier für mehr als 75 % mit der attraktivsten Stadt mit einem hohen BIP-Wachstum in der Welt zu leben. Und keine Notwendigkeit zu befürchten, dass Dubai Wüstenstadt, Dehydrierung, weil jeden Tag, es keine Quellen auf dieser gibt, Dubai, wo frisches Wasser eine eigene Meer-Raffinerie schuf, bis es in frischem Wasser verfeinert werden kann, als tatsächliche 3 Mal am Tag... was für einen Traum wieder bis zu braucht, nicht in Dubai existiert nicht (wahr?). Regierungsinformationen... "Dubai." Ort: Nahost (Naher Osten) mit Gebiet Oman Golf (Golf von Oman die), und den Persischen Golf (The Persian Gulf), Oman mit Saudi-Arabien, das International. Geografie: die Regierung der v.a.e.-Mitglieder, die alle Abu Dhabi besteht aus 7, die den Status der Hauptstadt hat. Darüber hinaus gibt es die Stadt Dubai, Sharjah, Ajman, Umm Al Quwain, Ras Al Khaimah und Fujairah, mit einer Gesamtfläche von etwa 600 Quadratkilometern, 83. Als eine Fläche von Baipraman Quadratkilometern zeigen Sie 3225 an. Es ist eine kleine Insel oder Bucht durchschneidet die Stadt Teilung in zwei Teile, Dubai ist eine Stadt von Deira und Bur Dubai City im Norden in den Süden. Erwachsen: die Menschen in den Arabischen Emiraten, 19 %, 23 %, iranische National und 50 % Südasien, Ostasien und Westler 8 % Religion: Muslime 96 % (16 % seiner schiitischen Lehre) mit denen einer Minderheitsbeteiligung sa Na Christ. 4 %, Hindus und andere. Sprache: Arabisch ist die Sprache von Kapen zweite persische Sprache und Urdu Hindi Englisch. Einwohnerzahl: 419, 104 Personen. Fläche: 35 Quadratkilometern. Zeitzone: GMT/UTC + 4 Stunden Klima: tropisch, Semi-ariden und Stil mit den niedrigsten Temperaturen sind fast 10 Grad Celsius, bis die Temperatur 48 Grad Celsius ist. Während die Durchschnittstemperatur liegt bei 24 Grad Celsius. Aber im Juli die Temperatur beträgt 41 Grad Celsius เฉี่ yo. Nationale Küche: Arabisch schmeckt ähnlich wie mediterrane Küche, mit einem beliebten Biryani Gerichte haben Gewürz-Geschmack. Für Snacks, sie gegrilltes Gemüse XA oder XA-Module einschließlich Kontrollkästchen Pap (gegrilltes Fleisch), und dass nicht für Dessert oder Pudding, Milch, Umm Ali, genug ist. Geschichte der Stadt Dubai. Im Jahr 1833 in Bani Yas Stamm, tribal, etwa 800 Menschen, angeführt von der Maktoum-Familie, die immer noch das Land regieren, derzeit hat die wichtigsten Laengboriwen Gegend wo der Zulauf der Fruchtbarkeit sehen Baiklai als Zentrum des Seehandels, sowie Angeln und Perle Landwirtschaft umgestellt. Danach das Land im 20. Jahrhundert wurde Dubai eine wichtige Hafenstadt als Zentrum des Handels und. Exporte von Major (der Funkrufname des Bereichs Markt des Nahen Ostens) verbergen. Die größte befindet sich in einer Gegend namens Diera. ปี 1966 ดูไบกลายมาเป็นรัฐมหาอำนาจรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากที่มีการค้นพบน้ำมันดิบ ทำให้เมืองโบราณอายุสองพันปี กลายเป็นเมืองทันสมัยในพริบตา ด้วยโครงการ The Palm ที่เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งทะเล ให้กลายเป็นแหล่งความเจริญทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีสอร์ท ต่างๆ ด้วยงบลงทุนประมาณสามพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ การค้าขายในดูไบประสบความสำเร็จมาก สามารถดึงดูดให้พ่อค้าชาวอิหร่าน และอินเดียมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้าขายในประเทศได้ แต่ขณะที่การค้าขายเจริญมากขึ้น ฐานะทางการปกครองของดูไบก็ยังคงเป็นแค่รัฐในอารักขาของอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งบนพื้นที่ทางตอนเหนือของชายฝั่งของคาบสมุทรอาระเบีย ดังนั้น ภายหลังจากที่อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง ในปี 1971 ดูไบพร้อมด้วยอีกหลายรัฐ ได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และถัดจากนั้นในช่วงยุค 1980-1990 ดูไบได้ลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้ดูไบเป็นประเทศ ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยในปี 2000 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในดูไบมีจำนวน 3 แสนคน มากกว่าจำนวนประชากรของดูไบที่มีทั้งหมดประมาณ 850,000 คน สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ดูไบเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ และสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดและปลอดภัย แต่ที่ดูไบเป็นหนึ่งในลิสต์ของนักท่องเที่ยวหลายคน (โดยเฉพาะนักช้อป) ก็เพราะว่าที่นี่มีการขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากนี้ ดูไบยังมีตลาดหรือที่เรียกว่า ซุก (Souk) โดยจะขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ซุกที่ขึ้นชื่อก็ย่าน Deira Covered Souk ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของดูไบ
นอกจากนี้ หากมาดูไบและไม่ได้พูดถึงหรือไม่ได้มาเดินแถว Gold Souk ก็ถือว่าไม่ได้มาถึงดูไบ เพราะที่นี้ถือเป็นตลาดทองรูปพรรณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ขอเตือนว่าหากมาเดินย่านนี้คงต้องสวมแว่นกันแดดติดตามาด้วย เพื่อความปลอดภัยของสายตาท่าน (ก็แสงแดดที่ส่องสะท้อนมายังทองดูไบดูแล้วเจิดจ้าบาดตาจริงๆ) อะๆ ดูไบไม่ได้มีสถานที่เที่ยวเท่านี้นะ แต่จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันดี...

ผลลัพธ์ (เยอรมัน) 2:

Dubai ist die größte Stadt der Vereinigten Arabischen Emirate mit dem Norden des Landes, eine Fläche von 3225 Quadratkilometern. Und eine Bevölkerung von 1.674.527 Menschen, Dubai ist eine Stadt der Wunder. Aufgrund der Variabilität der Wüste Land in der gewerblichen Immobilienentwicklungsdienstleistungen in Reichtum. Und Geschäftszentrum Nicht beschränkt auf, den Handel Öl vor die Wolkenkratzer sprießen überall in der Stadt. Das höchste Gebäude in der Welt mit mehr als 180 Schichten, die im Bau sind. Es wird gesagt, dass die Baukräne der Welt sind jetzt mehr als 40% in Dubai (ZAP) und Einnahmen aus vielen von Dubai. Nicht nur der Verkauf von Kraftstoff gilt als die Haupteinnahmequelle des Landes. Da die Ölproduktion von 2 bis 2.500.000 Barrel pro Tag zu den Weltmärkten, wenn Umsätze fallen, wie Thailand Milliarden Baht pro Aktie. Als mit der Bevölkerung im Vergleich zu großen tut. Und die Mehrheit der Bevölkerung fremd ist das Leben von mehr als 75%, so ist dies die interessanteste Stadt. Mit der Wachstumsrate des BIP, den höchsten in der Welt, und keine Angst, um dehydrierte Wüstenstadt Dubai sein. Heute ist Dubai keine Quelle von frischem Wasser. Haben Entsalzungsanlagen auf eigene gebaut. Es kann in frischem Wasser destilliert werden. Mehr als das Dreifache der tatsächlichen Nachfrage des Tages ... kein Traum mehr. Dubai nicht (True) die Information der Öffentlichkeit ... "Dubai" Ort: Naher Osten (Middle East) Grenze mit dem Golf von Oman (Der Golf von Oman) und dem Persischen Golf (Der Persische Golf) zwischen Oman und Saudi-Arabien Terrain: die arabischen Staaten. Die Emirate besteht aus sieben Mitgliedern: Abu Dhabi, die den Status einer Landeshauptstadt hat. Darüber hinaus ist die Stadt Dubai, Sharjah, Ajman, Umm Al Quwain, Ras Al Khaimah und Fujairah, mit einer Gesamtfläche von rd. 83 600 Quadratkilometer Das Gebiet ist etwa 3225 Quadratkilometer von Dubai. Eine kleine Insel in der Bucht oder durch die Stadt zu schneiden. Er teilt Dubai in zwei Teile: Deira City im Norden und der Stadt Bur Dubai im Süden Volkszugehörigkeit: Emirates von 19%, arabischen Ländern und im Iran 23%, Asien 50%, westliche und Folk. Asien 8% Religionen: 96% muslimische (schiitische Sekte 16%) in Bezug Minderheit christlichen Religion. Hindu und andere 4% Sprachen: Arabisch ist die offizielle Sprache ist Englisch. Es gibt eine zweite Sprache Persisch, Englisch, Hindi und Englisch, aber die Aussicht Bevölkerung: 419 104 Fläche: 35 Quadratkilometer Zeitzone: GMT / UTC + 4 Stunden Klima: Das subtropischen und trockenen mit Temperaturen zwischen Minimum ist fast 10 Grad Celsius. bis die Temperatur auf 48 Grad Celsius, während die durchschnittliche Tagestemperatur beträgt 24 Grad Celsius, aber die Temperatur im Juli ist 41 Grad Celsius Chia Speisen: Nationale Arabisch. Es schmeckt ähnlich wie die Mittelmeer-Diät. Das Biryani ist sehr beliebt. Eine würzige Für Snacks, hätten sie gesagt Moza oder gebratenem Gemüse zu Republikanismus zu überprüfen haben. (Gegrilltes Fleisch) und ein Muss für Dessert, Milchpudding selbst Um Ali oder die Geschichte von Dubai im Jahr 1833 der Stamm Bani Yas Stamm von etwa 800 Menschen, die von der Maktoum-Familie, die das Land zur Zeit entschieden hat geführt. Einwanderer einzuleben Mündung. Der Bereich oberhalb der Anklagebank Die Reichen Machen Dubai eine Drehscheibe des Seehandels. Einschließlich der Fischerei und Landwirtschaft Kultur. Später im 20. Jahrhundert Dubai wurde der Haupthafen des Handelszentrum und der. Hauptexporte sind (im Nahen Osten den Namen des Markt) größeres Gebiet namens Diera verstaut 1966 wurde Dubai eine Staatsmacht State, in den Vereinigten Arabischen Emiraten. Nach der Entdeckung von Öl. Giving die Stadt zwei Jahrtausende alt Eine moderne Stadt in einem Blitz von The Palm-Projekt, ein Projekt, das Gebiet entlang der Küste zu entwickeln. Um eine Quelle des Wohlstands für den Wohn-Hotels und Resorts mit der Investition von rund $ 3000000000 zu Handels in Dubai ist sehr erfolgreich gewesen. Kann die iranische Händler ansprechen Indianer und Siedler in den Handel des Landes. Aber während der Handel wuchs und mehrte. Als Herrscher von Dubai ist immer noch ein Protektorat der britischen Kolonie. Das Hotel liegt im nördlichen Teil der Küste der arabischen Halbinsel, so dass, nachdem die Briten zogen sich aus der Region im Jahr 1971, Dubai, zusammen mit einigen anderen Staaten. Mitbegründer von den Vereinigten Arabischen Emiraten und darüber hinaus, dass während der 1980-1990 Dubai hat in den Aufbau auf der ausgedehnten Tour nach Dubai als ein Land zu fördern investiert. Tourismus Qualität bis zum Jahr 2000 die Zahl der Touristen in Dubai mit insgesamt dreihunderttausend Menschen, mehr als die Bevölkerung von Dubai hat eine Gesamtfläche von etwa 850.000 Menschen, Touristenattraktionen, Dubai ist eine Stadt, die mit vorangetrieben werden kann. Verschiedene Technologien Und den Aufbau viel Charme, während immer noch eine Stadt angeblich sauber und sicher zu sein. Aber Dubai ist unter der Liste der vielen Reisenden. (Vor allem Käufer) denn hier gibt es einen Umsatz steuerfrei Dubai hat sich auch versteckt Markt genannt (Souk) Produkte werden von vielen verkauft. Zug ist der Name der Deira Covered Souk, die einen riesigen Markt von Dubai ist auch. Wenn Sie nach Dubai kommen und nicht erwähnte oder nicht kommen marschieren Gold Souk als nicht nach Dubai kommen. Denn das ist der größte Goldmarkt im Nahen Osten. Aber er warnte, dass, wenn der Kreis müssten Sonnenbrille kommt mit Beharrlichkeit. Für die Sicherheit Ihrer Augen (Reflektion der Sonneneinstrahlung, um Dubai Gold und sehr helle, bunte) lol in Dubai ist nicht ein Ort, um dies zu besuchen. Aber gibt es irgendetwas, um gut auszusehen ...

ผลลัพธ์ (เยอรมัน) 3:

Siehe ist die größte Stadt des Landes in den Vereinigten Arabischen Emiraten befindet sich im Norden des Landes ist ungefähr 3,225 Quadratkilometer und hat eine Bevölkerung von etwa 1.674,