ก่อนที่จะเน้นให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดการพัฒนาระบบ การแปล - ก่อนที่จะเน้นให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดการพัฒนาระบบ อังกฤษ วิธีการพูด

ก่อนที่จะเน้นให้เห็นความสำคัญและควา

ก่อนที่จะเน้นให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดการพัฒนาระบบ GAP ให้เป็นมาตรฐานชาติ จะต้องทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง ผู้ผลิต หรือเกษตรกร ผู้บริโภค โรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรู้ความเข้าใจตรงกันเสียก่อน จากข้อมูลสถิติการเกษตรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2546 ดูจะเป็นข้อมูลเก่าสักหน่อย แต่ก็ดีที่สุด เพราะสถิติที่กำลังทำอยู่ในปี 2556 คงยังไม่ได้ตีพิมพ์
ข้อมูลด้านการเกษตรของสำนักงานสถิติ ได้แบ่งแนวทางการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี และปัจจัยการผลิตทางธรรมชาติ เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย

กลุ่มเกษตรกรที่ทำการเกษตรโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีใช้แต่ผลิตผล หรือปัจจัยธรรมชาติ ที่มีอยู่ หรือหาได้ มีเท่าไหร่ ก็ใช้เท่านั้น ไม่มีก็ไม่ใช้ การทำการเกษตรกลุ่มนี้ไม่เน้นปริมาณ หรือผลตอบแทนจากผลิตผล ได้เท่าไรก็เท่านั้น การเกษตรกลุ่มนี้จึงเหมือนระบบเกษตรธรรมชาติที่กล่าวแล้ว ผลิตภาพการผลิตจึงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ กลุ่มนี้มีประมาณ 549,269 ครัวเรือน ลดลงจากปี 2536 ที่มีมากถึง 845,031 ครัวเรือน

กลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มแรกที่พิจารณาเห็นว่าผลิตผลที่ได้ดีแต่ให้ผลิตผลน้อยมีผลต่อรายได้ จึงปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมี ร่วมกับผลิตภัณฑ์หรือปัจจัยธรรมชาติที่ใช้อยู่เดิม เป็นการใช้ผสมผสาน กลุ่มนี้มีเกษตรกรปฏิบัติอยู่มากกว่ากลุ่มแรก โดยในปี 2536 มีเกษตรกรดำเนินการอยู่ 1,955,168 ครัวเรือน แต่ 10 ปีต่อมาในปี 2546 ลดลงเหลือ 1,704,929 ครัวเรือน ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากทรัพยากรดินเสื่อมโทรม ปัจจัยการผลิตธรรมชาติมีน้อยลง หรือมีการใช้เศษซากพืชเพื่อเป็นพลังงานหรืออื่นๆ มากก็เป็นได้ เกษตรกรจึงหันไปใช้สารเคมีแทน

กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตพืชเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์คือการเกษตรที่เน้นปริมาณผลผลิต หรือผลตอบแทนจากการผลิตเต็มที่จึงเน้นใช้ปัจจัยการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ให้ผลเร็ว จึงเน้นการใช้ปุ๋ยและสารเคมีเป็นหลัก เช่น การผลิต ข้าว อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา และสับปะรด ซึ่งในปี 2536 มีเกษตรกร ผลิต 2,542,020 ครัวเรือน เพิ่มขึ้นเป็น 3,172,492 ครัวเรือน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 64 ของเกษตรกรทั้งประเทศ

จากการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังมีการใช้อย่างขาดประสิทธิภาพและไม่ถูกต้อง บางรายใช้สารเคมีในระยะต้องห้าม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้พัฒนาและกำหนดแนวทางปฏิบัติระบบเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP) ขึ้นเพื่อเป็นระบบการผลิตที่ไม่เป็นผลร้ายต่อเกษตรกร สิ่งแวดล้อม และได้ผลิตผลปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่มีสารตกค้างเกินมาตรฐานตามสากลกำหนด โดยการปฏิบัติตามระบบนี้จะมีการตรวจรับรองเช่นเดียวกับระบบเกษตรอินทรีย์ ตลอดห่วงโซ่การผลิตประกอบด้วย

1) การเลือกพื้นที่ ที่เหมาะสมกับพืช
2) มีการจัดการดินอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น ไถพรวนในขณะที่มีความชื้นพอเหมาะ มีการเตรียมการปลูกที่ถูกต้อง
3) เลือกใช้พันธุ์ดี สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม
4) มีการปลูกถูกต้อง ตรงตามฤดูกาล ระยะการปลูกหรือจำนวนต้นต่อไร่ เป็นไปตามคำแนะนำ
5) การดูแลรักษาเป็นไปตามคำแนะนำ กำจัดวัชพืชตามความเหมาะสม ใส่ปุ๋ยถูกต้องตามอัตราและจำนวนที่เหมาะสม เวลาที่พืชต้องการ พื้นที่หรือบริเวณที่ใส่ถูกต้อง การใช้สารเคมีถูกต้องตามคำแนะนำ ไม่ใช้สารเคมีต้องห้าม ไม่ใช้สารเคมีในช่วงห้ามใช้ เช่น ก่อนเก็บเกี่ยว เป็นต้น
6) เก็บเกี่ยว หรือจับสัตว์เมื่อแก่ หรือได้อายุตามมาตรฐานเพื่อให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ เช่น เก็บปาล์มน้ำมันเมื่อแก่ ก็จะได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง
7) มีสถานที่เก็บผลิตผลที่ได้มาตรฐาน ไม่มีการปนเปื้อน รวมทั้งระบบการขนส่งผลผลิตที่ได้มาตรฐาน ปราศจากการปนเปื้อน
จากขั้นตอนการปฏิบัติที่กำหนดเป็นแนวทาง เพื่อการตรวจรับรองมาตรฐานการผลิต และมาตรฐานผลผลิต กล่าวได้ว่าถ้ามีการส่งเสริมให้เกษตรกรดำเนินการตามมาตรฐาน GAP แล้ว เชื่อแน่ว่าผลิตภาพการผลิตจะสูงขึ้น ซึ่งก็เท่ากับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับเพื่อนบ้านได้ สามารถรองรับหรือแก้ไขปัญหาการมาถึงของ AEC ในปี 2558 ได้ทางหนึ่ง “ที่สำคัญเราได้อาหารปลอดภัยที่ยั่งยืน”
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ก่อนที่จะเน้นให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดการพัฒนาระบบ GAP ให้เป็นมาตรฐานชาติ จะต้องทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง ผู้ผลิต หรือเกษตรกร ผู้บริโภค โรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรู้ความเข้าใจตรงกันเสียก่อน จากข้อมูลสถิติการเกษตรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2546 ดูจะเป็นข้อมูลเก่าสักหน่อย แต่ก็ดีที่สุด เพราะสถิติที่กำลังทำอยู่ในปี 2556 คงยังไม่ได้ตีพิมพ์ข้อมูลด้านการเกษตรของสำนักงานสถิติ ได้แบ่งแนวทางการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี และปัจจัยการผลิตทางธรรมชาติ เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วยกลุ่มเกษตรกรที่ทำการเกษตรโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีใช้แต่ผลิตผล หรือปัจจัยธรรมชาติ ที่มีอยู่ หรือหาได้ มีเท่าไหร่ ก็ใช้เท่านั้น ไม่มีก็ไม่ใช้ การทำการเกษตรกลุ่มนี้ไม่เน้นปริมาณ หรือผลตอบแทนจากผลิตผล ได้เท่าไรก็เท่านั้น การเกษตรกลุ่มนี้จึงเหมือนระบบเกษตรธรรมชาติที่กล่าวแล้ว ผลิตภาพการผลิตจึงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ กลุ่มนี้มีประมาณ 549,269 ครัวเรือน ลดลงจากปี 2536 ที่มีมากถึง 845,031 ครัวเรือนกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มแรกที่พิจารณาเห็นว่าผลิตผลที่ได้ดีแต่ให้ผลิตผลน้อยมีผลต่อรายได้ จึงปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมี ร่วมกับผลิตภัณฑ์หรือปัจจัยธรรมชาติที่ใช้อยู่เดิม เป็นการใช้ผสมผสาน กลุ่มนี้มีเกษตรกรปฏิบัติอยู่มากกว่ากลุ่มแรก โดยในปี 2536 มีเกษตรกรดำเนินการอยู่ 1,955,168 ครัวเรือน แต่ 10 ปีต่อมาในปี 2546 ลดลงเหลือ 1,704,929 ครัวเรือน ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากทรัพยากรดินเสื่อมโทรม ปัจจัยการผลิตธรรมชาติมีน้อยลง หรือมีการใช้เศษซากพืชเพื่อเป็นพลังงานหรืออื่นๆ มากก็เป็นได้ เกษตรกรจึงหันไปใช้สารเคมีแทน
กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตพืชเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์คือการเกษตรที่เน้นปริมาณผลผลิต หรือผลตอบแทนจากการผลิตเต็มที่จึงเน้นใช้ปัจจัยการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ให้ผลเร็ว จึงเน้นการใช้ปุ๋ยและสารเคมีเป็นหลัก เช่น การผลิต ข้าว อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา และสับปะรด ซึ่งในปี 2536 มีเกษตรกร ผลิต 2,542,020 ครัวเรือน เพิ่มขึ้นเป็น 3,172,492 ครัวเรือน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 64 ของเกษตรกรทั้งประเทศ

จากการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังมีการใช้อย่างขาดประสิทธิภาพและไม่ถูกต้อง บางรายใช้สารเคมีในระยะต้องห้าม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้พัฒนาและกำหนดแนวทางปฏิบัติระบบเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP) ขึ้นเพื่อเป็นระบบการผลิตที่ไม่เป็นผลร้ายต่อเกษตรกร สิ่งแวดล้อม และได้ผลิตผลปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่มีสารตกค้างเกินมาตรฐานตามสากลกำหนด โดยการปฏิบัติตามระบบนี้จะมีการตรวจรับรองเช่นเดียวกับระบบเกษตรอินทรีย์ ตลอดห่วงโซ่การผลิตประกอบด้วย

1) การเลือกพื้นที่ ที่เหมาะสมกับพืช
2) มีการจัดการดินอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น ไถพรวนในขณะที่มีความชื้นพอเหมาะ มีการเตรียมการปลูกที่ถูกต้อง
3) เลือกใช้พันธุ์ดี สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม
4) มีการปลูกถูกต้อง ตรงตามฤดูกาล ระยะการปลูกหรือจำนวนต้นต่อไร่ เป็นไปตามคำแนะนำ
5) การดูแลรักษาเป็นไปตามคำแนะนำ กำจัดวัชพืชตามความเหมาะสม ใส่ปุ๋ยถูกต้องตามอัตราและจำนวนที่เหมาะสม เวลาที่พืชต้องการ พื้นที่หรือบริเวณที่ใส่ถูกต้อง การใช้สารเคมีถูกต้องตามคำแนะนำ ไม่ใช้สารเคมีต้องห้าม ไม่ใช้สารเคมีในช่วงห้ามใช้ เช่น ก่อนเก็บเกี่ยว เป็นต้น
6) เก็บเกี่ยว หรือจับสัตว์เมื่อแก่ หรือได้อายุตามมาตรฐานเพื่อให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ เช่น เก็บปาล์มน้ำมันเมื่อแก่ ก็จะได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง
7) มีสถานที่เก็บผลิตผลที่ได้มาตรฐาน ไม่มีการปนเปื้อน รวมทั้งระบบการขนส่งผลผลิตที่ได้มาตรฐาน ปราศจากการปนเปื้อน
จากขั้นตอนการปฏิบัติที่กำหนดเป็นแนวทาง เพื่อการตรวจรับรองมาตรฐานการผลิต และมาตรฐานผลผลิต กล่าวได้ว่าถ้ามีการส่งเสริมให้เกษตรกรดำเนินการตามมาตรฐาน GAP แล้ว เชื่อแน่ว่าผลิตภาพการผลิตจะสูงขึ้น ซึ่งก็เท่ากับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับเพื่อนบ้านได้ สามารถรองรับหรือแก้ไขปัญหาการมาถึงของ AEC ในปี 2558 ได้ทางหนึ่ง “ที่สำคัญเราได้อาหารปลอดภัยที่ยั่งยืน”
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Before focusing on the importance and necessity to accelerate the development of a national system GAP standard must understand stakeholders. The manufacturer or the consumer.From agricultural statistics of National Bureau of statistics of the year 2546 seems to be the old information. But ก็ดีที่สุด because statistics are doing in 2556 haven't published
.The information of Agricultural Office of statistics. Divided the chemicals, chemical fertilizer and natural inputs is 3 main groups consist of

.Farmer of agricultural chemical fertilizer and pesticide use without but produces or natural factors, existing or not, how much is used. There is no use, farming, this group does not focus on the quantity, or return of produce.This group is like agriculture agricultural system nature already mentioned. Productivity is relatively low, this group has about 549269 households dropped from years 2536 with up to 845 031 household,

.The second group, the first group considered the produce that well, but to produce less affect income. And their more chemical fertilizer and chemical product with or use existing tropical factors is used to blend.In 2536 farmers, the 1955 168 household, but 10 years later in 2546 reduced 704 1,,929 household. This may be due to the resources soil degradation. Natural inputs less so. Or is the use of the litter as energy or other very possibly. Farmers turned to use chemicals instead

.A third group were agricultural crop production is focused on commercial agricultural yield. Or return from full production focuses use factors effective yield.Such as the production of rice, sugarcane, cassava, palm oil, maize, rubber and pineapple, which in 2536 farmers produce, 2542 020 household, the 3 172 492, household, which were 64 of farmers throughout the country

.Of chemical fertilizer and pesticide greatly increased. But most of them are used as lack of efficiency and inaccurate. Some chemicals used in the illicit. Ministry of agriculture.(GAP) as a production system that is not bad on the farmers, environmental, and produces safe for consumers. No residue, exceed the standard in accordance with international criteria.Throughout the production chain of
.
1) area selection, appropriate to plant
2) with soil management correctly, such as plowing while having a moisture adequate. The preparation plant right
3) using varieties. In accordance with the terrain and surroundings
.4) have planted right straight season. While planting or number of plants per farm. Follow the advice!5) care according to the instructions. Weed as appropriate. The correct rate of fertilizer and proper time that plants need space or area ใส่ถู need. The use of chemicals in the correct advice. Don't use prohibited chemicals.Such as, before the harvest, etc.!6) harvest or catching animals when old. Or age standards to produce good quality, such as the palm when old, will have a high oil percentage
.7) has a place to put the produce standard, no contamination, as well as the transportation system the product to be standardized, without contamination
.From the process of a given practice guide. To the certification standard production and productivity. Said that if encourage farmers follow the standard GAP, believed that the productivity is higher.Reduce the production cost. To increase the competitive capability with the neighbors. Can support or fix the arrival of AEC in 2558 by one. "The US Food ปลอดภัยที่ sustainable."
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: