เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สำหรับมนุษย์บนดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีนี้นั้น
นิยามของคำว่า "ความทุกข์"
หมายถึง สิ่งที่ทนได้ยากนั่นเอง
ถ้าเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่ทนได้ยาก
อันเป็นที่มาแห่งทุกข์นั้น
มันคืออะไรล่ะ?
*ความผิดหวัง......
หรือว่า "ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านผิดหวัง
*ความเศร้าโศกเสียใจ......
หรือว่า "ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านโศกเศร้าเสียใจ
*ความเบื่อหน่ายรำคาญใจ......
หรือว่า "ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านเบื่อหน่ายรำคาญใจ
*ความโกรธแค้นชิงชัง.....
หรือว่า "ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านโกรธแค้นชิงชัง
*ความวิตกกังวลใจ......
หรือว่า "ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านวิตกกังวลใจ
*ความหวั่นกลัว.....
หรือว่า "ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านหวั่นกลัว
*ความเจ็บปวดทรมาน......
หรือว่า "ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านเจ็บปวด
จากตัวอย่างที่เรากล่าวมาทั้งหมดนั้น
ท่านจะเห็นได้ว่า เรื่องราวของความทุกข์ทั่วไป
จะมีอยู่ด้วยกัน 2 องค์ประกอบ คือ
1.ความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจท่าน
ตัวอย่างเช่น
ความผิดหวัง
ความเศร้าโศกเสียใจ
ความเบื่อหน่ายรำคาญใจ
ความโกรธแค้นชิงชัง
ความวิตกกังวลใจ
ความหวั่นกลัว
ความเจ็บปวดทรมาน
ฯลฯ
2.ตัวต้นเหตุแห่งทุกข์ที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก
ตัวอย่างเช่น
"ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านผิดหวัง
"ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านโศกเศร้าเสียใจ
"ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านเบื่อหน่ายรำคาญใจ
"ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านโกรธแค้นชิงชัง
"ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านวิตกกังวลใจ
"ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านหวั่นกลัว
"ตัวต้นเหตุ" ที่ทำให้ท่านเจ็บปวดทรมาน
ฯลฯ
นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
ถ้า "ความทุกข์" คือ สิ่งที่ท่านทนได้ยาก
ท่านลองตอบคำถามตนเองหน่อยไหมว่า
สิ่งที่ท่านทนมันได้ยากนั้นมันคืออะไรแน่
เพราะสิ่งที่ท่านทนมันได้ยากนี่แหละ
คือ ตัวปัญหาอันเป็นที่มาแห่งทุกข์ของท่านนั่นเอง
ดังนั้น.....
ถ้าท่านจะว่างไปจากความทุกข์ใดๆได้
ท่านจึงต้องขจัดปัญหาอันเป็นสาเหตุนั้นให้จงได้เท่านั้น
แต่ถ้าหากท่านไม่รู้ว่าตัวปัญหา
ซึ่งเป็นที่มาแห่งทุกข์แท้จริงนั้นคืออะไร
ระหว่าง "สิ่งที่มันอยู่ในจิตใจท่าน"
กับ "ตัวต้นเหตุทั้งหลาย" ที่เป็นสิ่งเร้าภายนอกนั่น
โดยที่ท่านตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
โดยที่ท่านเลือกคำตอบที่ไม่ถูกต้อง
แน่นอนว่า "ความทุกข์" นั้น
มันก็จะเป็นของท่านตลอดไป
ท่านรู้หรือไม่ว่า.....
บนโลกมนุษย์นี้ยังมีผู้หลงผิดเพราะคิดเข้าใจว่า
ตัวปัญหาที่ทำให้เกิดอาการทนได้ยากขึ้นมานั้น
คือ "ตัวต้นเหตุทั้งหลาย" มิใช่ "สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในใจตน"
หากท่านทั้งหลายพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
จะแลเห็นความสับสนจนปัญญา
ของเพื่อนมนุษย์ได้อย่างชัดเจนยิ่ง
ตัวชี้วัดว่ามนุษย์ส่วนใหญ่หลงผิด
คิดว่าตัวต้นเหตุ คือ ตัวปัญหา
อันเป็นที่มาแห่งทุกข์ของตนก็คือ
การพยายามที่จะจัดการกับ "ตัวต้นเหตุ" นั้นเสมอ
เมื่อท่านผิดหวัง
ท่านก็จะหันไปจัดการกับผู้ที่ทำให้ท่านผิดหวัง
เมื่อท่านเศร้าโศกเสียใจ
ท่านก็จะหันไปจัดการกับผู้ที่ทำให้ท่านเศร้าโศกเสียใจ
เมื่อท่านเบื่อหน่ายรำคาญใจ
ท่านก็จะหันไปจัดการกับผู้ที่ทำให้ท่านเบื่อหน่ายรำคาญใจ
เมื่อท่านโกรธแค้นชิงชังใคร
ท่านก็จะหันไปจัดการกับคนๆนั้น
เมื่อท่านเกิดความวิตกกังวลใจในเรื่องใดสิ่งใด
ท่านก็จะพยายามเข้าไปจัดการกับเรื่องนั้นสิ่งนั้น
เมื่อหวั่นกลัวสิ่งใด
ท่านก็จะพยายามเข้าไปจัดการสิ่งที่ท่านหวั่นกลัวนั้น
เมื่อท่านเจ็บปวดทรมานใจ
ท่านก็จะพยายามหันไปจัดการกับตัวต้นเหตุนั้น
แน่นอนว่า....ที่ท่านพยายามกระทำเช่นว่านั้น
เพราะท่านทนมันไม่ไหว ทนมันไม่ได้
เพราะท่านไม่อยากจะทนมันอีกต่อไป
โดยที่ท่านลืมก้มลงมามองที่ใจตนเองว่า
แท้แล้ว "สิ่งที่ท่านทนมันได้ยาก" หรือทนไม่ได้
หรือว่าไม่อยากทนอีกต่อไปแล้วนั้น
มันมิใช่สิ่งที่เป็นเหตุแวดล้อมภายนอกหรอก
แต่มัน คือ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในจิตใจท่าน
ที่กำลังสั่นสะเทือนด้านลบอยู่ในขณะนั้นต่างหากเล่า
ที่ผ่านมาสาเหตุแห่ง "ทุกข์ทุกวัน" ของท่าน
ประการหนึ่งก็มาจากการหลงผิด
เพราะมิได้ฉุกคิดเลยว่าปัญหาแท้จริงนั้น
มันเกิดที่ใจตนเอง มันอยู่ข้างในมิใช่ข้างนอก
จึงเที่ยวไปจัดการคนอื่นสิ่งอื่นให้วุ่นวาย
จนก่อเวรเกี่ยวกรรมใหม่ๆกับใครๆเขาไปทั่ว
ขณะที่ยิ่งแก้ยิ่งทุกข์หนักขึ้น
ดังนั้น....
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความทุกข์นั้นมันเกิดขึ้นที่ใจ
ท่านจึงต้องแก้ไขที่จิตใจของท่าน
ด้วยการเรียนรู้ที่จะยอมรับมันให้ได้
เป็นเพื่อนกับมันให้ได้
อย่าไปปฏิเสธมัน......
ถ้าท่านสามารถอยู่ร่วมกับมันได้
โดยไม่ต้องทน
ท่านย่อมไม่ทุกข์
การว่างไปจากทุกข์
นี่แหละ...สุขแท้
เอเมน....สาธุ......
ป.วิสุทธิปัญญา
4-11-2014