ภูมิปัญญา OTOP (กลุ่มเป่าแก้ว) จั

ภูมิปัญญา OTOP (กลุ่มเป่าแก้ว)

จังหวัดสมุทรปราการ

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

ภูมิปัญญา OTOP ผลิตภัณฑ์ เป่าแก้ว

ประวัติความเป็นมา

ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชาวอียิบโบราณเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำแก้ว เมื่อประมาณ
4 พันปีก่อน สมัยนั้นการทำแก้วใช้วิธีการที่เรียกว่า การขึ้นรูปแก้วจากหุ่นแกน การทำภาชนะเล็ก ๆ สักใบหนึ่งต้องใช้เวลานาน และ เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ชาวอียิปต์โบราณยังรู้จักการทำแก้วด้วยวิธีการอื่น ๆ อีก เช่น การหล่อ การเจาะ การตัด และ การแกะสลักลวดลายลงบนแก้ว ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ชิ้นงานที่ต้องการ ต่อมาในสมัยกรีกและโรมัน กรรมวิธีการทำแก้วได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้น ชาวโรมันหรืออาจเป็นชาวโฟนีเซีย ในปัจจุบันก็คือ เลบานอน ได้ค้นพบวิธีการเป่าแก้ว โดยการใช้ท่อโลหะกลวงม้วนเอาแก้วเหลวให้ติดกับปลายอีกข้างหนึ่งแล้วใช้ปากเป่าลมเข้าไปทางปลายท่ออีกด้านหนึ่ง ทำให้ก้อนแก้วเหลว พองออกมา กลายเป็นภาชนะรูปร่างต่างๆ ซึ่งสามารถผลิตแก้วได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เทคนิคการเป่าแก้วได้รับการพัฒนาเรื่อยเป็นลำดับ จนเป็นกระบวนการผลิตแก้วที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน
เมื่อปี พ. ศ. 2523 หรือ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ครอบครัวไชยเสน เป็นครอบครัวประกอบด้วยคุณพ่อสมจิตร คุณแม่เต่า ไชยเสนและบุตร คือ นายฉัตรชัย ไชยเสน บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดสระบุรี แต่มาเช่าบ้านอยู่ที่ ซอย ร.ส.พ. หรือพหลโยธินซอย 25 เพราะคุณ พ่อเป็นพนักงานรับจ้างของ ร.ส.พ. ส่วนคุณแม่ก็มีอาชีพ ขายข้าวแกง รายได้ก็ไม่ได้มากมาย แต่ก็พยายามส่งลูกให้ได้เรียนหนังสือทุกคน แต่ลูกชายคนโต คือนายฉัตรชัย ไชยเสน เป็นคนที่ชอบงานด้านการทดลองประดิษฐ์คิดค้น วันหนึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรม วันวิทยาศาสตร์ ขึ้น โดยที่ให้นักเรียนจัดงาน นิทรรศการต่าง ๆกลุ่มนายฉัตรชัยจึงได้นำความรู้จากการเรียนวิทยาศาสตร์ คือ การทำเป่าแก้ว มาสาธิตแสดงให้เพื่อนๆ นักเรียนและผู้ที่มาชมในงาน นอกจาการสาธิตแล้วยังได้นำสินค้าที่ได้จากการเป่าแก้วขายให้กับเพื่อน ๆ และผู้ที่มาในงานแก้วเป่าที่ได้ทำในวันนั้น เป็นดอกกุหลาบที่ทำจากแก้วโปร่ง และ ใช้น้ำสีใส่เข้าไปก็จะได้ดอกกุหลาบสีสันต่าง ๆ ปรากฏว่าดอกกุหลาบขายดีมาก จนผลิตไม่ทันขาย จึงเกิดความคิดขึ้นว่าถ้าสามารถทำให้เป็นรูปอื่นๆ จะขายได้ และจะสามารถทำขายด้วยตัวเองได้หรือไม่หลังจากกลับมาจากโรงเรียน ( เนื่องจากเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว อุปกรณ์ วัสดุ แท่งแก้ว แทบจะไม่มีเลย ) จึงเริ่มจากการเอาขั้วหลอดไฟจากที่เหลือเศษจากโรงงาน มาเริ่มทำ โดยใช้ความร้อนจาก ไอน้ำมันเบนซินผสมกับปั๊มลม ใช้เท้าเหยียบ แล้วจุดไฟให้เป็นไอความร้อนเผาแก้วแล้วยืดเป็นรูปทรงต่าง ๆ ปรากฏว่าวันหนึ่ง ด้วยความเป็นเด็ก และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไฟเกือบจะไหม้บ้าน เพราะ ไอเบนซินเกิดติดไฟลุกไหม้ท่วมบ้าน คุณแม่ตกใจมาก จึงได้นำอุปกรณ์เหล่านั้นโยนทิ้งในป่า และ ห้ามมิให้นายฉัตรชัยทำอีก นายฉัตรชัยเสียใจมาก แต่ทำให้มีความพยายามเพิ่มมากขึ้น จึงเข้าไปหาอุปกรณ์ ที่คุณแม่โยนทิ้งใน และนำกลับมาแอบทำอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความมุ่งมั่น และรักในศิลปะ การเป่าแก้ว จึงทำดอกกุหลาบแก้วใส่น้ำสีเหมือนที่เคยทำในโรงเรียน แล้วไปจำหน่ายตามหน้าโรงเรียน ป้ายรถเมล์ แม้กระทั่งงานวัด ก็สามารถทำรายได้ดี สามารถเก็บเป็นทุนการศึกษาของน้องอีก 2 คน จากการขายดอกกุหลาบเพียงชิ้นละไม่กี่บาท ก็สามารถทำให้ครอบครัวไชยเสนสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินแปลงเล็ก ๆ ที่อำเภอบางพลี แล้วก็สร้างบ้านด้วยตนเองโดยใช้วัสดุจำพวกลังไม้พาเลต เป็นพื้นและฝาบ้าน และ ทำห้องเล็ก ๆ ให้ คุณฉัตรชัย สำหรับทำเป่าแก้ว เพื่อหารายได้ จากที่เคยทำเองขายเองก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ผลิต โดยที่การขายนั้นให้เป็นหน้าที่ของน้อง ก็จะเอาชิ้นงานที่พี่ชายทำไปขายตามงานต่างๆ จากนั้นเมื่อมีเวลาว่าง จึงได้มีการศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมในการเป่าแก้วแล้วออกแบบเป็นรูปทรงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกมายจนเป็นสินค้าที่ยอมรับจากตลาด จากการขายหลายปีทำให้สามารถเก็บทุนทำโรงงานขนาดเล็ก หรือ SME จนเมื่อปี พ.ศ.2537 นายฉัตรชัย เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ นางสาวจันทิรา ไชยเสน ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กก็ได้สืบสาน ธุรกิจต่อจากพี่ชาย ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับลูกค้า การดูแลเรื่องการผลิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ การควบคุมระบบการทำงานของกลุ่ม จากรูปแบบของตัวสินค้าที่พี่ชายเคยได้ทำ คุณจันทิรา ก็ได้นำมาประยุกต์แบบอย่างของการทำตัวสินค้าแปลกๆ และได้พัฒนารูปแบบงาน จนเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2540 ผลิตภัณฑ์เป่าแก้วขายดีมาก มีออเดอร์เพิ่มมากขึ้นผลิตไม่ทัน คุณจันทิรา ไชยเสน จึงมีแนวความคิดในการจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องเป่าแก้วให้กับคนในชุมชนที่สนใจ เมื่อเรียนจบแล้วก็มอบอุปกรณ์ในการเป่าแก้วให้กับไปทำที่บ้านแล้วนำผลิตภัณฑ์ที่ได้กลับมาขายคืนให้กับกลุ่ม เป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชน อีกทั้งตนเองก็สามารถที่จะผลิตสินค้าตามออเดอร์ที่สั่งได้ทัน โดยมีคุณจันทิรา เป็นประธานกลุ่ม ใช้ชื่อกลุ่มว่า”กลุ่มเป่าแก้ว” และเมื่อปี พ.ศ.2544 รัฐบาลดำเนินนโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ คุณจันทิรา ได้ติดต่อขอขึ้นทะเบียน OTOP ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบางพลี และได้ส่งผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว เป็นเรือนสุพรรณหงส์ เข้าคัดสรรสินค้า ผลปรากฏว่า ได้ระดับ 5 ดาว ยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักและตลาดมีวงกว้างมากขึ้น คุณจันทิรา จึงได้สร้างเครือข่ายในการผลิตขึ้น โดยเปิดสอนให้กับเยาวชน และทุกคนที่สนใจที่ในเขตอำเภอบางพลี และต่างจังหวัดที่สนใจ(จังหวัดกำแพงเพชร,ตรัง,หนองบัวลำภู,นครราชสีมา,สกลนคร,ชลบุรี) โดยให้กลยุทธ์เดิมคือ เมื่อเรียนจบให้อุปกรณ์ในการทำเป่าแก้วไปทำเองที่บ้าน เสร็จแล้วส่งกลับมาขายให้กับกลุ่มฯ ปัจจุบันกลุ่มเป่าแก้วมีสมาชิก 200 คน มีสวัสดิการให้กับสมาชิก คือ ประกันอุบัติเหตุ ค่าตอบแทนจ่ายเป็นชิ้นงาน,รายวัน,รายเดือน แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ที่มีความประพฤติยังมีห้องพักให้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอีกด้วย
อัตลักษณ์/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

สินค้าได้มาตรฐานเดียวกันทุกชิ้นงาน สีสันสวยงาม มีหลากหลายรูปแบบทั้งที่เป็นรูปแบบทั่วไป เช่น รูปสัตว์ต่าง ๆ และยังม

ภูมิปัญญา OTOP (กลุ่มเป่าแก้ว)
 
 
 
จังหวัดสมุทรปราการ

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

ภูมิปัญญา OTOP ผลิตภัณฑ์ เป่าแก้ว

ประวัติความเป็นมา

ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชาวอียิบโบราณเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำแก้ว เมื่อประมาณ
4 พันปีก่อน สมัยนั้นการทำแก้วใช้วิธีการที่เรียกว่า การขึ้นรูปแก้วจากหุ่นแกน การทำภาชนะเล็ก ๆ สักใบหนึ่งต้องใช้เวลานาน และ เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ชาวอียิปต์โบราณยังรู้จักการทำแก้วด้วยวิธีการอื่น ๆ อีก เช่น การหล่อ การเจาะ การตัด และ การแกะสลักลวดลายลงบนแก้ว ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ชิ้นงานที่ต้องการ ต่อมาในสมัยกรีกและโรมัน กรรมวิธีการทำแก้วได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้น ชาวโรมันหรืออาจเป็นชาวโฟนีเซีย ในปัจจุบันก็คือ เลบานอน ได้ค้นพบวิธีการเป่าแก้ว โดยการใช้ท่อโลหะกลวงม้วนเอาแก้วเหลวให้ติดกับปลายอีกข้างหนึ่งแล้วใช้ปากเป่าลมเข้าไปทางปลายท่ออีกด้านหนึ่ง ทำให้ก้อนแก้วเหลว พองออกมา กลายเป็นภาชนะรูปร่างต่างๆ ซึ่งสามารถผลิตแก้วได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เทคนิคการเป่าแก้วได้รับการพัฒนาเรื่อยเป็นลำดับ จนเป็นกระบวนการผลิตแก้วที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน
 เมื่อปี พ. ศ. 2523 หรือ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ครอบครัวไชยเสน เป็นครอบครัวประกอบด้วยคุณพ่อสมจิตร คุณแม่เต่า ไชยเสนและบุตร คือ นายฉัตรชัย ไชยเสน บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดสระบุรี แต่มาเช่าบ้านอยู่ที่ ซอย ร.ส.พ. หรือพหลโยธินซอย 25 เพราะคุณ พ่อเป็นพนักงานรับจ้างของ ร.ส.พ. ส่วนคุณแม่ก็มีอาชีพ ขายข้าวแกง รายได้ก็ไม่ได้มากมาย แต่ก็พยายามส่งลูกให้ได้เรียนหนังสือทุกคน แต่ลูกชายคนโต คือนายฉัตรชัย ไชยเสน เป็นคนที่ชอบงานด้านการทดลองประดิษฐ์คิดค้น วันหนึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรม วันวิทยาศาสตร์ ขึ้น โดยที่ให้นักเรียนจัดงาน นิทรรศการต่าง ๆกลุ่มนายฉัตรชัยจึงได้นำความรู้จากการเรียนวิทยาศาสตร์ คือ การทำเป่าแก้ว มาสาธิตแสดงให้เพื่อนๆ นักเรียนและผู้ที่มาชมในงาน นอกจาการสาธิตแล้วยังได้นำสินค้าที่ได้จากการเป่าแก้วขายให้กับเพื่อน ๆ และผู้ที่มาในงานแก้วเป่าที่ได้ทำในวันนั้น เป็นดอกกุหลาบที่ทำจากแก้วโปร่ง และ ใช้น้ำสีใส่เข้าไปก็จะได้ดอกกุหลาบสีสันต่าง ๆ ปรากฏว่าดอกกุหลาบขายดีมาก จนผลิตไม่ทันขาย จึงเกิดความคิดขึ้นว่าถ้าสามารถทำให้เป็นรูปอื่นๆ จะขายได้ และจะสามารถทำขายด้วยตัวเองได้หรือไม่หลังจากกลับมาจากโรงเรียน ( เนื่องจากเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว อุปกรณ์ วัสดุ แท่งแก้ว แทบจะไม่มีเลย ) จึงเริ่มจากการเอาขั้วหลอดไฟจากที่เหลือเศษจากโรงงาน มาเริ่มทำ โดยใช้ความร้อนจาก ไอน้ำมันเบนซินผสมกับปั๊มลม ใช้เท้าเหยียบ แล้วจุดไฟให้เป็นไอความร้อนเผาแก้วแล้วยืดเป็นรูปทรงต่าง ๆ ปรากฏว่าวันหนึ่ง ด้วยความเป็นเด็ก และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไฟเกือบจะไหม้บ้าน เพราะ ไอเบนซินเกิดติดไฟลุกไหม้ท่วมบ้าน คุณแม่ตกใจมาก จึงได้นำอุปกรณ์เหล่านั้นโยนทิ้งในป่า และ ห้ามมิให้นายฉัตรชัยทำอีก นายฉัตรชัยเสียใจมาก แต่ทำให้มีความพยายามเพิ่มมากขึ้น จึงเข้าไปหาอุปกรณ์ ที่คุณแม่โยนทิ้งใน และนำกลับมาแอบทำอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความมุ่งมั่น และรักในศิลปะ การเป่าแก้ว จึงทำดอกกุหลาบแก้วใส่น้ำสีเหมือนที่เคยทำในโรงเรียน แล้วไปจำหน่ายตามหน้าโรงเรียน ป้ายรถเมล์ แม้กระทั่งงานวัด ก็สามารถทำรายได้ดี สามารถเก็บเป็นทุนการศึกษาของน้องอีก 2 คน จากการขายดอกกุหลาบเพียงชิ้นละไม่กี่บาท ก็สามารถทำให้ครอบครัวไชยเสนสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินแปลงเล็ก ๆ ที่อำเภอบางพลี แล้วก็สร้างบ้านด้วยตนเองโดยใช้วัสดุจำพวกลังไม้พาเลต เป็นพื้นและฝาบ้าน และ ทำห้องเล็ก ๆ ให้ คุณฉัตรชัย สำหรับทำเป่าแก้ว เพื่อหารายได้ จากที่เคยทำเองขายเองก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ผลิต โดยที่การขายนั้นให้เป็นหน้าที่ของน้อง ก็จะเอาชิ้นงานที่พี่ชายทำไปขายตามงานต่างๆ จากนั้นเมื่อมีเวลาว่าง จึงได้มีการศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมในการเป่าแก้วแล้วออกแบบเป็นรูปทรงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกมายจนเป็นสินค้าที่ยอมรับจากตลาด จากการขายหลายปีทำให้สามารถเก็บทุนทำโรงงานขนาดเล็ก หรือ SME จนเมื่อปี พ.ศ.2537 นายฉัตรชัย เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ นางสาวจันทิรา ไชยเสน ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กก็ได้สืบสาน ธุรกิจต่อจากพี่ชาย ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับลูกค้า การดูแลเรื่องการผลิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ การควบคุมระบบการทำงานของกลุ่ม จากรูปแบบของตัวสินค้าที่พี่ชายเคยได้ทำ คุณจันทิรา ก็ได้นำมาประยุกต์แบบอย่างของการทำตัวสินค้าแปลกๆ และได้พัฒนารูปแบบงาน จนเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2540 ผลิตภัณฑ์เป่าแก้วขายดีมาก มีออเดอร์เพิ่มมากขึ้นผลิตไม่ทัน คุณจันทิรา ไชยเสน จึงมีแนวความคิดในการจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องเป่าแก้วให้กับคนในชุมชนที่สนใจ เมื่อเรียนจบแล้วก็มอบอุปกรณ์ในการเป่าแก้วให้กับไปทำที่บ้านแล้วนำผลิตภัณฑ์ที่ได้กลับมาขายคืนให้กับกลุ่ม เป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชน อีกทั้งตนเองก็สามารถที่จะผลิตสินค้าตามออเดอร์ที่สั่งได้ทัน โดยมีคุณจันทิรา เป็นประธานกลุ่ม ใช้ชื่อกลุ่มว่า”กลุ่มเป่าแก้ว” และเมื่อปี พ.ศ.2544 รัฐบาลดำเนินนโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ คุณจันทิรา ได้ติดต่อขอขึ้นทะเบียน OTOP ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบางพลี และได้ส่งผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว เป็นเรือนสุพรรณหงส์ เข้าคัดสรรสินค้า ผลปรากฏว่า ได้ระดับ 5 ดาว ยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักและตลาดมีวงกว้างมากขึ้น คุณจันทิรา จึงได้สร้างเครือข่ายในการผลิตขึ้น โดยเปิดสอนให้กับเยาวชน และทุกคนที่สนใจที่ในเขตอำเภอบางพลี และต่างจังหวัดที่สนใจ(จังหวัดกำแพงเพชร,ตรัง,หนองบัวลำภู,นครราชสีมา,สกลนคร,ชลบุรี) โดยให้กลยุทธ์เดิมคือ เมื่อเรียนจบให้อุปกรณ์ในการทำเป่าแก้วไปทำเองที่บ้าน เสร็จแล้วส่งกลับมาขายให้กับกลุ่มฯ ปัจจุบันกลุ่มเป่าแก้วมีสมาชิก 200 คน มีสวัสดิการให้กับสมาชิก คือ ประกันอุบัติเหตุ ค่าตอบแทนจ่ายเป็นชิ้นงาน,รายวัน,รายเดือน แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ที่มีความประพฤติยังมีห้องพักให้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอีกด้วย
อัตลักษณ์/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

สินค้าได้มาตรฐานเดียวกันทุกชิ้นงาน สีสันสวยงาม มีหลากหลายรูปแบบทั้งที่เป็นรูปแบบทั่วไป เช่น รูปสัตว์ต่าง ๆ และยังม

0/5000

จาก: -

เป็น: -

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]

คัดลอก!

OTOP (glassware) wisdom. Samut prakan province.The Department of community development. The Ministry of the InteriorOTOP products, glassware wisdomHistory Based on historical evidence of ancient inhabitants believed to be ethnic, dense e-mail, first known glass working. When estimating4 thousand years before. To date, the glass is made using a method called forming of glass from the robot axes. To make a small container one tattoo must take a long time, and it is with difficulty, but the people of ancient Egypt are also known to make glass with other methods, such as casting, punching and carving patterns into the glass in which these processes take longer to get to the pieces. Later, in green and Roman The method of making glass has developed. The Romans, or it may be the people of Foshan Hotel Siena. At present, Lebanon has discovered a method of blowing glass, hollow metal tube by removing the liquid glass, roll to one side and then the other end using the mouthpiece Inlet toward the end of the pipe. Make liquid glass cube filled up out of shape, which becomes the container glass can be manufactured more quickly. Glass blowing techniques has been developed takes a glass until the route is still used today. เมื่อปี พ. ศ. 2523 หรือ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ครอบครัวไชยเสน เป็นครอบครัวประกอบด้วยคุณพ่อสมจิตร คุณแม่เต่า ไชยเสนและบุตร คือ นายฉัตรชัย ไชยเสน บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดสระบุรี แต่มาเช่าบ้านอยู่ที่ ซอย ร.ส.พ. หรือพหลโยธินซอย 25 เพราะคุณ พ่อเป็นพนักงานรับจ้างของ ร.ส.พ. ส่วนคุณแม่ก็มีอาชีพ ขายข้าวแกง รายได้ก็ไม่ได้มากมาย แต่ก็พยายามส่งลูกให้ได้เรียนหนังสือทุกคน แต่ลูกชายคนโต คือนายฉัตรชัย ไชยเสน เป็นคนที่ชอบงานด้านการทดลองประดิษฐ์คิดค้น วันหนึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรม วันวิทยาศาสตร์ ขึ้น โดยที่ให้นักเรียนจัดงาน นิทรรศการต่าง ๆกลุ่มนายฉัตรชัยจึงได้นำความรู้จากการเรียนวิทยาศาสตร์ คือ การทำเป่าแก้ว มาสาธิตแสดงให้เพื่อนๆ นักเรียนและผู้ที่มาชมในงาน นอกจาการสาธิตแล้วยังได้นำสินค้าที่ได้จากการเป่าแก้วขายให้กับเพื่อน ๆ และผู้ที่มาในงานแก้วเป่าที่ได้ทำในวันนั้น เป็นดอกกุหลาบที่ทำจากแก้วโปร่ง และ ใช้น้ำสีใส่เข้าไปก็จะได้ดอกกุหลาบสีสันต่าง ๆ ปรากฏว่าดอกกุหลาบขายดีมาก จนผลิตไม่ทันขาย จึงเกิดความคิดขึ้นว่าถ้าสามารถทำให้เป็นรูปอื่นๆ จะขายได้ และจะสามารถทำขายด้วยตัวเองได้หรือไม่หลังจากกลับมาจากโรงเรียน ( เนื่องจากเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว อุปกรณ์ วัสดุ แท่งแก้ว แทบจะไม่มีเลย ) จึงเริ่มจากการเอาขั้วหลอดไฟจากที่เหลือเศษจากโรงงาน มาเริ่มทำ โดยใช้ความร้อนจาก ไอน้ำมันเบนซินผสมกับปั๊มลม ใช้เท้าเหยียบ แล้วจุดไฟให้เป็นไอความร้อนเผาแก้วแล้วยืดเป็นรูปทรงต่าง ๆ ปรากฏว่าวันหนึ่ง ด้วยความเป็นเด็ก และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไฟเกือบจะไหม้บ้าน เพราะ ไอเบนซินเกิดติดไฟลุกไหม้ท่วมบ้าน คุณแม่ตกใจมาก จึงได้นำอุปกรณ์เหล่านั้นโยนทิ้งในป่า และ ห้ามมิให้นายฉัตรชัยทำอีก นายฉัตรชัยเสียใจมาก แต่ทำให้มีความพยายามเพิ่มมากขึ้น จึงเข้าไปหาอุปกรณ์ ที่คุณแม่โยนทิ้งใน และนำกลับมาแอบทำอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความมุ่งมั่น และรักในศิลปะ การเป่าแก้ว จึงทำดอกกุหลาบแก้วใส่น้ำสีเหมือนที่เคยทำในโรงเรียน แล้วไปจำหน่ายตามหน้าโรงเรียน ป้ายรถเมล์ แม้กระทั่งงานวัด ก็สามารถทำรายได้ดี สามารถเก็บเป็นทุนการศึกษาของน้องอีก 2 คน จากการขายดอกกุหลาบเพียงชิ้นละไม่กี่บาท ก็สามารถทำให้ครอบครัวไชยเสนสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินแปลงเล็ก ๆ ที่อำเภอบางพลี แล้วก็สร้างบ้านด้วยตนเองโดยใช้วัสดุจำพวกลังไม้พาเลต เป็นพื้นและฝาบ้าน และ ทำห้องเล็ก ๆ ให้ คุณฉัตรชัย สำหรับทำเป่าแก้ว เพื่อหารายได้ จากที่เคยทำเองขายเองก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ผลิต โดยที่การขายนั้นให้เป็นหน้าที่ของน้อง ก็จะเอาชิ้นงานที่พี่ชายทำไปขายตามงานต่างๆ จากนั้นเมื่อมีเวลาว่าง จึงได้มีการศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมในการเป่าแก้วแล้วออกแบบเป็นรูปทรงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกมายจนเป็นสินค้าที่ยอมรับจากตลาด จากการขายหลายปีทำให้สามารถเก็บทุนทำโรงงานขนาดเล็ก หรือ SME จนเมื่อปี พ.ศ.2537 นายฉัตรชัย เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ นางสาวจันทิรา ไชยเสน ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กก็ได้สืบสาน ธุรกิจต่อจากพี่ชาย ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับลูกค้า การดูแลเรื่องการผลิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ การควบคุมระบบการทำงานของกลุ่ม จากรูปแบบของตัวสินค้าที่พี่ชายเคยได้ทำ คุณจันทิรา ก็ได้นำมาประยุกต์แบบอย่างของการทำตัวสินค้าแปลกๆ และได้พัฒนารูปแบบงาน จนเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2540 ผลิตภัณฑ์เป่าแก้วขายดีมาก มีออเดอร์เพิ่มมากขึ้นผลิตไม่ทัน คุณจันทิรา ไชยเสน จึงมีแนวความคิดในการจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องเป่าแก้วให้กับคนในชุมชนที่สนใจ เมื่อเรียนจบแล้วก็มอบอุปกรณ์ในการเป่าแก้วให้กับไปทำที่บ้านแล้วนำผลิตภัณฑ์ที่ได้กลับมาขายคืนให้กับกลุ่ม เป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชน อีกทั้งตนเองก็สามารถที่จะผลิตสินค้าตามออเดอร์ที่สั่งได้ทัน โดยมีคุณจันทิรา เป็นประธานกลุ่ม ใช้ชื่อกลุ่มว่า”กลุ่มเป่าแก้ว” และเมื่อปี พ.ศ.2544 รัฐบาลดำเนินนโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ คุณจันทิรา ได้ติดต่อขอขึ้นทะเบียน OTOP ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบางพลี และได้ส่งผลิตภัณฑ์เป่าแก้ว เป็นเรือนสุพรรณหงส์ เข้าคัดสรรสินค้า ผลปรากฏว่า ได้ระดับ 5 ดาว ยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักและตลาดมีวงกว้างมากขึ้น คุณจันทิรา จึงได้สร้างเครือข่ายในการผลิตขึ้น โดยเปิดสอนให้กับเยาวชน และทุกคนที่สนใจที่ในเขตอำเภอบางพลี และต่างจังหวัดที่สนใจ(จังหวัดกำแพงเพชร,ตรัง,หนองบัวลำภู,นครราชสีมา,สกลนคร,ชลบุรี) โดยให้กลยุทธ์เดิมคือ เมื่อเรียนจบให้อุปกรณ์ในการทำเป่าแก้วไปทำเองที่บ้าน เสร็จแล้วส่งกลับมาขายให้กับกลุ่มฯ ปัจจุบันกลุ่มเป่าแก้วมีสมาชิก 200 คน มีสวัสดิการให้กับสมาชิก คือ ประกันอุบัติเหตุ ค่าตอบแทนจ่ายเป็นชิ้นงาน,รายวัน,รายเดือน แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ที่มีความประพฤติยังมีห้องพักให้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอีกด้วยIdentity/product highlights All items have the same standard of colorful jobs. There are various common formats such as images of different animals and a Frech.

การแปล กรุณารอสักครู่..

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]

คัดลอก!

Wisdom OTOP (the glass blowing) , Samut Prakan Community Development Department. Minister Wisdom OTOP products, glass blowing history , according to historical evidence believed. The EP is the first known excavations of ancient glass about four millennia before modern glass-making method called. Forming glass from the body. Making small container, one must take a long time and was with great difficulty. The ancient Egyptians are known for making glass by other methods such as casting, drilling, cutting and engraving on glass. These processes, which take longer to work like that. Later in the Greek and Roman. The process of glass making has improved. Romans or possibly the four Polynesia. Is present in Lebanon have discovered how to blow glass. By using hollow metal pipe roll out molten glass to stick with one end then blow into the mouth of the pipe on the other side. Thus inflating molten glass cubes out into a container shape. The glass can be produced more quickly. Glass blowing techniques have been developed steadily respectively. The glass is a manufacturing process that is still in use today on the year.. 2523, or when 30 years ago Chai Sen family. The family consists of father, mother turtle Somjitr Chai Son Sen and Mr. Chatchai Chai Sen hometown in the province of Saraburi. But the rented house on Soi Phaholyothin Soi 25 ETO or because your father was a hired staff of the ETO mother was selling rice revenue is not plenty. But I tried to send their children to school, everyone. The eldest son Mr. Chatchai Chai Sen was like a work of experimental invention. One day, the school has organized the event. Science Day organized by the students. Exhibitions Mr. Chatchai groups have the knowledge of science is to blow glass. The demonstrations show friends Students and those who come to watch the event. Public demonstrations outside it has also brought products made from blown glass to sell to friends and people who work in blown glass that was made that day. The roses are made of clear glass and colored water into different colored roses would appear that the roses sold very well. The producers did not sell Thus was born the idea that if you make a picture more will be sold and will be sold by itself or after returning from school (since 30 years ago, equipment, materials, glass barely) began. by removing the Lamp from the remainder of the plant's start up using heat from. Petrol vapor is mixed with air pump Using a foot pedal Then set fire to a vapor combustion glass and stretch into various shapes that appear one day. With the kids And benighted Fire almost burned the house because of petrol vapor was ignited flames flooded houses. Mother shocked Therefore, those devices thrown in the wild and prohibit Mr. Chatchai do it again. Mr. Chatchai gutted He made an effort to add more. So went Equipment The mother thrown in And brought back secretly made again. With determination And love the art of glass blowing, so the rose colored glasses of water ever did in school. Then sold on the school bus stop even measure. You can make good money You can hold a scholarship of another two people from sales rose only a few baht per piece. Chai Sen family was able to collect money to buy a little land at Bang Phli. Then build their own home, using materials such as wooden pallets. The floor and walls and a little room to Chatchai for glass blowing. To earn money Experience it for themselves by switching to a manufacturer. The sale shall be the duty of the younger. It will take work to do to his brother for the job. Then, when I have free time You have to learn to blow glass in various shapes and designs are added to a product until it is accepted by the market. Sales of multi-year grants can be made smaller or SME factory until 2537 when Mr. Chatchai died in a car accident. Ms. Chai Hantira line, which is the little sister was continuing. Business from brother Whether dealing with customers. Control of production, product development and control system of the group. The form of the product, your brother has ever done Hantira has applied its model to behave strangely. And development patterns It is acceptable to both domestic and abroad since 2540 blown glass products sell very well. Orders are increasing production Hantira Chai Sen did you have the idea of establishing a group set up to convey knowledge about glass blowing to people in the community who are interested. At the end he gave in glass blowing equipment to do at home, and then the products were sold back to the group. The distribution of income to the community. The person was able to produce the order, the order immediately. Have you Hantira As Group President A group that the "glass blowing" and the year 2544, a district government policies. Hantira one product you have requested registration at Community OTOP Phli district. The blown glass products A swan house Picks revealed that he was alluding to the five star products are known and the market is more broadly Hantira you have created networks to produce more. Open to youth by teaching And anyone interested in Bang Phli district. And the provinces of interest (Kamphaeng Phet Province, Trang, Phu, Nakhon Ratchasima, Sakon Nakhon, Buri) by the same strategy. At the end of the device to make blown glass to make yourself at home. Then return to the group's sales. The group now has 200 members, blown glass with the insurance benefits to members. Compensation paid work, daily, monthly, depending on the case for those whose conduct is still room for. Without paying rent with identity / advantages of the product has the same standard every piece colorful variety of both common forms such as animals and also partners.

การแปล กรุณารอสักครู่..

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]

คัดลอก!

the wisdom OTOP (glass blowing group)

the community development region The Ministry of interior

wisdom OTOP products, glass blower

history

.

the wisdom OTOP (glass blowing group)

the community development region The Ministry of interior

wisdom OTOP products, glass blower

history

.

the wisdom OTOP (glass blowing group)

the community development region The Ministry of interior

wisdom OTOP products, glass blower

history

.

the wisdom OTOP (glass blowing group)

the community development region The Ministry of interior

wisdom OTOP products, glass blower

history

.

the wisdom OTOP (glass blowing group)

the community development region The Ministry of interior

wisdom OTOP products, glass blower

history

.

the wisdom OTOP (glass blowing group)

the community development region The Ministry of interior

wisdom OTOP products, glass blower

history

.

the wisdom OTOP (glass blowing group)

the community development region The Ministry of interior

wisdom OTOP products, glass blower

history

.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Or will because of you, my dad was a SOI 25 contract of reasonable time.Any more my until products acceptable from the market. Sales of many years to keep funding small factory or SME until B.

การแปล กรุณารอสักครู่..

ภาษาอื่น ๆ

การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.