มะพร้าว (Cocos nucifera Linn.) เป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่ายในสภาวะภูมิประเทศอย่างประเทศไทย ทำให้สามารถพบเห็นการปลูกมะพร้าวอยู่ทั่วทุกภาค ดังนั้นมะพร้าวจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรทั้งขายในประเทศหรือส่งออก ในรูปของมะพร้าวสดและมะพร้าวแปรรูป มะพร้าวอ่อนน้ำหอมเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจชนิด หนึ่งของไทย มีความต้องการทั้งการส่งออกและบริโภคในประเทศ ลักษณะเด่นของมะพร้าวน้ำหอมคือ มะพร้าวจะมีกลิ่นหอม รสหวาน จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ทำให้เป็นที่สนใจแก่เกษตรกรที่นิยมปลูกเพื่อการค้า มะพร้าวอ่อนที่จำหน่ายกันในประเทศและต่างประเทศนั้นต้องได้รับการตัดแต่งผลให้มีความสวยงาม แต่ปัญหาที่พบคือ เมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที ที่ผิวจะมียางชนิดหนึ่งออกมาทำปฏิกิริยากับอากาศ ทำให้เปลือกมะพร้าวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (browning reaction) ทำให้เสียโอกาสในการจำหน่าย (สุพจน์, 2543) การแก้ปัญหาของเกษตรกรคือ การใช้สารเคมีกลุ่มซัลไฟต์ เช่น โซเดียมเมตาไบซัลไฟต์ (Sodium Metabisulphite, SMS) หรือสารฟอกขาวเป็นตัวทำให้สีผิวของเปลือกยังคงสภาพเดิมอยู่ ประทีป (2534) ได้กล่าวว่า สารผสมระหว่างโซเดียมเมตาไบซัลไฟต์เข้มข้น 3% และสารยับยั้งเชื้อราไทอะเบนดาโซล สามารถรักษาผลมะพร้าวที่ปอกเปลือกแล้ว เก็บที่อุณหภูมิ 7-10 C โดยไม่มีการเปลี่ยนสีได้นาน 3-4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีกลุ่มซัลไฟต์ในพืชผักผลไม้เป็นปัญหาด้านการส่งออก เนื่องจากบางประเทศไม่อนุญาตให้นำเข้าผักดิบและผลไม้ที่ผ่านการใช้สารเคมีกลุ่มดังกล่าว นอกจากมะพร้าวแล้วยังมีผลไม้ชนิดอื่นที่สามารถเกิดสีน้ำตาลได้เมื่อเวลาผ่านไป เช่น กัญญารัตน์ (2549) พบว่าเมื่อนำผลลิ้นจี่พันธุ์ ฮงฮวยแช่ในน้ำร้อน ตามด้วยการแช่ในสารละลายกรดออกซาลิกร้อยละ 10 สามารถยับยั้งการเกิดสีน้ำตาลที่เปลือกของลิ้นจี่ได้ นอกจากนี้กะหล่ำดอกตัดแต่งพร้อมบริโภคที่จุ่มในสารละลายกรดอะซิติกเข้มข้น 0.5% ที่อุณหภูมิ 4 C สามารถชะลอการเกิดสีน้ำตาลได้ (ผ่องเพ็ญ, 2550) และนันทิพา (2553) พบว่าสารละลายกรดซาลิไซลิก ที่ความเข้มข้น 0.5 mM และการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 10 C สามารถรักษาคุณภาพของพุทราได้ดี