คำพูดและบทสนทนาของมนุษย์ในปัจจุบัน ไม่ว่าชาติใดภาษาใด จะมีการนำคำอุทานเข้ามาเป็นส่วนประกอบในบทสนทนา เพื่อทำให้บทสนทนานั้นๆมีความน่าสนใจน่าติดตาม ซึ่งจะทำหน้าที่แสดงสภาวะจิตใจของผู้พูด สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกอาการรับรู้หรือความคิดของผู้พูด และยังสามารถสื่อถึงท่าทีของผู้พูดและผู้ฟัง คำอุทาน จะไม่ความหมายที่ตรงตัวไม่ชัดเจนและยังมีคำอุทานแบบเสริมบท เป็นคำอุทานที่พูดเสริมขึ้นมาอาจจอยู่หน้าคำหรือหลังคำก็ได้ (ณฐมน แนวคำ : 2552)
คำอุทานคือ คำที่เปล่งเสียงออกมาเพื่อแสดงความรู้สึก เป็นคำที่ไม่มีความหมายในตัวเอง แต่แสดงอารมณ์ของผู้กล่าวหรือเสริมคำในการพูดจากัน คำอุทานไม่จัดเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือภาคใดภาคหนึ่งของประโยค เป็นส่วนที่เสริมคำเข้ามาเพื่อแสดงอารมณ์ หรือช่วยให้ข้อความสละสลวย หรือ เป็นคำที่แสดงถึงเสียงที่เปล่งออกมาในเวลาที่ ดีใจ เสียใจ ตกใจ ประหลาดใจ เช่น แหม! พุทโธ่! โอ้! โอ๊ย! อุ๊ย! ในภาษาจีนก็มีการนำคำอุทาน (叹词tàncí) มาเสริมในบทสนทนาเช่นกัน เช่น 哎哟 (Āiyō) หมายความว่า โอ๊ย/อุ๊ย 唉(Āi) หมายถึง โธ่ 哦 (Ó) หมายถึง สำนึกเข้าใจ噫嘻(Yī xī)หมายถึง ความเศร้าอาดูร 啊 (a) หมายถึง ประหลาดใจหรือนิยมชมชื่น คำอุทานเหล่านี้พบได้อย่างแพร่หลายในบทสนทนา การพูดคุย หนังสื่อการ์ตูน ภาพยนตร์ บทเรียน นวนิยาย ป้ายโฆษณาชวนเชื่อ นิตยสารบันเทิงของจีน เป็นต้น
ทั้งนี้การเรียนการสอนคำอุทานในภาษาจีนปัจจุบันยังคงเป็นปัญหาต่อผู้เรียนภาษาจีน เช่น ผู้เรียนยังสับสนระหว่างคำอุทานในภาษาจีนและภาษาไทย ตัวอย่างเช่น 咦 (Yí) ในภาษาจีนความหมายคำนี้แสดงความประหลาดใจ สงสัย แต่ “อี๋” ในความหมายของภาษาไทยหมายถึงสิ่งที่สกปรกรู้สึกรังเกลียด จึงทำให้ผู้เรียนใช้คำอุทานผิด ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษา ปัญหาการใช้คำอุทานในภาษาจีนของนักเรียนไทย เพื่อจะได้ทราบถึงข้อผิดพลาดของการใช้คำอุทานและหลักการใช้คำอุทานในภาษาจีนที่ถูกต้อง รวมทั้งยังสามารถนำผลของการวิจัยไปเป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนด้านคำอุทานในภาษาจีนต่อไป