ประโยชน์ของมังคุด
มีมากหลาย ข้อแรกที่เห็นชัด ๆ ก็คือใช้กินผล และกินได้ทั้งดิบและสุก ผลดิบกินหวานกรอบดี แต่ไม่ให้บรรยากาศความสวยงาม มีเร่ขายอยู่ตามสถานีรถไฟทางภาคใต้ ผลสุกเมื่อบีบด้วยมือหรือฝานด้วยมีดตามด้านขวางแยกเปลือกออกจากกัน จะเห็นปุยขาวของเนื้อตัดสีม่วงของเปลือกมังคุดดูเย็นตายิ่งนัก ยิ่งได้ลิ้มรสหวานอมเปรี้ยวของกลีบที่นิ่มละมุนด้วยแล้ว วิเศษจนต้องให้เป็นราชินีแห่งผลไม้เมืองร้อนเลยทีเดียว มังคุดกวนก็แสนจะวิเศษ ยิ่งเมื่อเคี้ยวเนื้อกับเมล็ดร่วมกันอะไรกวนก็สู้ไม่ได้ เมล็ดมังคุดก็คือนัท (nut) เมืองร้อนชั้นดีนั่นเอง คนเขาว่ามะคาเดเมียนัทแพงที่สุดในโลก แต่ผู้เขียนว่ามังคุดนัทถ้ามีขายจะแพงยิ่งกว่า (เพราะหายาก)
โบราณบอกว่าเมื่อกินทุเรียนแล้วต้องกินมังคุดตาม เพื่อไปล้างหรือไปลดความร้อนที่เกิดจากเนื้อทุเรียนคนแต่ก่อนจึงมักปลูกมังคุดในที่ว่างของทุเรียน ต้นมังคุดเองถ้าปลูกในที่แจ้งทรงต้นจะสวยงาม หากถึงน้ำถึงปุ๋ยใบจะเขียวเป็นมันระยับ เป็นไม้ประดับบ้านให้ร่มเงาได้อย่างดี แถมกิ่งที่แตกออกอย่างเป็นระเบียบยังเหนียวมากเสียอีก ลูกเล็กเด็กแดงปีนได้อย่างสบายใจ
คุณสมบัติของมังคุดในแง่เป็นสมุนไพรก็คงสำคัญไม่น้อย เพราะทราบมาว่าทางมาเลเซียส่งเปลือกมังคุดตากแห้งไปขายเมืองจีน คงเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง ในมาเลเซียเองก็ใช้ทั้งเปลือกผลและเปลือกต้นเข้ายาพื้นบ้านเช่นกัน สำหรับเมืองไทยในหนังสือ “สมุนไพรใกล้ตัว” กล่าวว่า ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเปลือกผลแห้งรสฝาด ใช้แก้ท้องเสีย บิด มูกเลือด ใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดล้างแผลช่วยให้แผลหายเร็ว เปลือกผลแห้งมีสารแทนนินช่วยรักษาอาการท้องเสียโดย ใช้เปลือกผลตากแห้งต้มกับน้ำปูนใสหรือฝนกับน้ำ รับประทานแก้อาการท้องเดิน หรือใช้เปลือกผลแห้งประมาณ ½ – 1 ผล (4 กรัม) ย่างไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนใสประมาณครึ่งแก้ว หรือบดเป็นผงละลายน้ำข้าว (น้ำข้าวเช็ด) หรือน้ำสุก รับประทานทุก 2 ชั่วโมง รักษาโรคบิด