ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งในโปรตุเกส เธอพบหนุ่ม ยอร์จ อารานเตส,นักหนังสือพิมพ์ฝึกงานอ่อนวัยกว่าเธอ 3 ปี ทั้งคู่คุยกันถูกคอจึงตัดสินใจคบหากัน และหน้าร้อนปีนั้นทั้งคู่บินกลับมาท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยกันในลอนดอน ต่อมาโจแอนตั้งท้องลูกคนแรกแต่เมื่อกลับไปโปรตุเกส เธอก็แท้งลูกขณะที่ยอร์จถูกเกณฑ์ทหารกองหนุน พอมีโอกาสพักหนแรก ยอร์จรีบมาหาโจแอน และขอเธอแต่งงาน ซึ่งเธอก็ตอบรับทันที จากนั้นทั้งคู่ก็ย้ายไปอยู่ร่วมกันในแฟลตเช่าขนาด 2 ห้องนอน
งานวันแต่งของยอร์จกับโจแอนในวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 1992 ผ่านไปอย่างสวยงามชื่นมื่น ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวสวมชุดสีดำและแดง ช่อดอกไม้เจ้าสาวก็เป็นคาร์เนชั่นสีแดงล้วน หลังเสร็จพิธียังมีงานเลี้ยงมื้อกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ในหมู่ญาติมิตรราว 30 คน
หลังแต่งงาน 1 เดือนต่อมา โจแอนตั้งท้องอีกหนและได้ลูกสาวคือ เจสสิก้า จากนั้นก็ต้องย้ายครัวกลับไปอาศัยบ้านแม่สามีเพื่อให้แม่สามีช่วยเลี้ยงหลาน เพราะโจแอนต้องออกไปหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากอาชีพนักข่าวอิสระของยอร์จรายได้ไม่แน่นอน
คำกล่าวที่ว่าเมื่อยามรักน้ำต้มผักขมก็ว่าหวาน น่าจะใช้ได้สำหรับชีวิตของโจแอน เพราะหลังจากมีลูกคนแรก ทั้งคู่เริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้งเพราะต่างก็ขี้หึง และมีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกัน ยอร์จเล่าว่าโจแอนไม่ชอบให้เขาพูดคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นบางครั้งก็มีความสุขมาก บางคราวก็โกรธกันแทบตาย โจแอนมักขว้างถ้วยจานใส่เขาเสมอ ยอร์จจะคว้าข้อมือหรือแขนเธอบีบไว้แน่นเพื่อให้เธอหยุดขว้างข้าวของจนเธอเจ็บ หรือไม่ก็ดิ้นรนต่อสู้จนหัวหูไปกระแทกกำแพง ซึ่งเมื่อมันผ่านไปแล้วเขาก็จะรู้สึกเสียใจและไปขอโทษเธอ ส่วนเธอก็จะร้องไห้ไม่หยุดหย่อน