Singha Corporation co., Ltd.Singha Corporation co., Ltd. is a subsidiary of company. Boon rawd Brewery Co. Ltd., was established to oversee the company's beverage business boon rawd brewery. Limited and responsible for the management and marketing of the products, beer, soda, bottled water and ready-to-drink green tea health drink under the trademark "sing", "Leo", "beer" and "Tai" with flying b.Singha Corporation co., Ltd. Management, 3 breweries and sodas and water production plant including 6 at key points throughout the region, along with the development of knowledge. The ability of distributors to provide services to accommodate the needs of the market, including consumer response, the network agent, by having the number 300 list vendor products across Britain and has distributors in over 50 countries around the world, and with a quality management system certifications ISO 9001:2008 certification and food safety management system ISO 22000:2005, HACCP & GMP and awards, including gold medals from different countries, consumers in both countries, Thailand and around the world ensure the quality of the company's goods.ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยควบคู่ไปกับการเติบโตของบริษัทฯ โดยการส่งเสริมให้มีการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ประกอบกิจกรรมทางสังคมที่เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมไทยเป็นหลัก รวมถึงการสนับสนุนทางด้านการศึกษาและกีฬาทุกประเภท เพื่อเป็นการตอบแทนสังคมที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯด้วยดีมาตลอดจุดกำเนิด “แบรนด์สิงห์”การก่อกำเนิดของโรงเบียร์แห่งแรกของเมืองไทยเมื่อ พ.ศ. 2476 ในชื่อ บุญรอด บริวเวอรี่นั้น พระยาภิรมย์ภักดี ผู้เป็นต้นตระกูลภิรมย์ภักดีและผู้ให้กำเนิดเบียร์สิงห์ เป็นการแหวกกฎเกณฑ์ค่านิยมของสังคมไทยในยุคนั้นอย่างน่ายกย่อง และทำให้ปมธุรกิจของเมืองไทยไม่ใช่เป็นเรื่องราวของชาวจีนแต่เพียงล้วน ๆ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด จึงเกิดขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 600,000 บาท ในเนื้อที่ 9 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านบางกระบือ และผลิตเบียร์ออกมาขายเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2477 การเกิดขึ้นของโรงงานผลิตเบียร์แห่งนี้ นับเป็นการขยายลักษณะของธุรกิจจากที่เคยจำกัดอยู่แต่การพาณิชย์และบริการไปสู่การอุตสาหกรรม ถือได้ว่าเป็นพัฒนาการที่ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งของสังคมธุรกิจยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้การผลิตเบียร์จะเป็นเพียงอุตสาหกรรมแปรรูปธรรมดา ๆ ที่ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน แต่เมื่อห้าสิบปีก่อนที่มีเพียงโรงสีที่พอจะจัดเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปได้ การริเริ่มของพระยาภิรมย์ภักดีจึงเป็นก้าวใหม่ในประวัติศาสตร์ธุรกิจของเมืองไทย จึงไม่ใช่เรื่องเกินเลยและเลื่อนลอยที่จะพูดว่า พระยาภิรมย์ภักดีคือนักอุตสาหกรรมรุ่นบุกเบิกคนหนึ่งแห่งวงการอุตสาหกรรมไทยกว่า 77 ปี บนถนนสีอำพันของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” กับกว่า 1,000 ล้านลิตรของผลิตภัณฑ์ “เบียร์สิงห์” ที่ผ่านฝีมือการสร้างสรรค์ของลูกหลาน พระยาภิรมภักดี สู่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ภายใต้อาณาจักร “บุญรอด บริวเวอร์รี่” บริษัทฯ กระจายกำลังการผลิตไปทั่วราชอาณาจักร ด้วยการสร้างโรงเบียร์ 3 แห่ง และโรงงานผลิตโซดา น้ำดื่ม อีก 6 แห่ง ความสามารถในการผลิตเบียร์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผนึกกับเครือข่ายการจัด จำหน่ายที่รองรับตลาดอย่างทั่วถึงทำให้บุญรอด ยืนผงาดอยู่ในแนวหน้าของผู้ผลิตเบียร์ตราบจนทุกวันนี้ ยิ่งบริษัทฯ ได้รับเกียรติบัตร ISO 9002 รับรองมาตรฐานการผลิต ยิ่งทำให้ผู้บริโภค มั่นใจในสินค้าของบุญรอดฯ เมื่อเห็นว่าตลาดโลกมีความต้องการสินค้าคุณภาพของบุญรอด บริษัทฯ จึงเสริมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในประเทศเยอรมันด้วย โรงเบียร์อีก 2 แห่ง และร่วมทุนทำโรงเบียร์ในประเทศจีนอีก 1 แห่งขณะเดียวกัน บุญรอดมีความสำนึกและภาคภูมิใจในความเป็นไทยตลอดมา จึงเน้นที่จะส่งเสริมกิจกรรมทางสังคมที่เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยเป็นหลัก นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมที่มีคุณค่าทุกประเภท เพื่อเป็นการตอบแทนสังคมที่อุดหนุนผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ด้วยดีตลอดมาวิวัฒนาการที่สำคัญปี 2547ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบุคลากรเพิ่มมากขึ้น โดยร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดอบรมความรู้ทางด้านการบริหารหลักสูตรมินิเอ็มบีเอให้กับพนักงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานปี 2548
เดือนกุมภาพันธ์ จัดตั้งบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล ขึ้นเพื่อดูแลตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งในปีนี้จะใช้งบการตลาดสำหรับจัดกิจกรรมในต่างประเทศรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่ใช้ประมาณ 50-60 ล้านบาท เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นจาก 22 ล้านลิตรในปี 2548 เป็น 50 ล้านลิตรในปี 2547
นอกจากนั้น ในปีนี้ ผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ของบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด เข้ามาเป็น พรีเซ็นติ้ง สปอนเซอร์ (Presenting Sponsor) เป็นเพียงรายเดียวที่เป็นสปอนเซอร์ในลักษณะนี้ ด้วยวงเงินสนับสนุนถึง 100 ล้านบาท และถือเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุด โดยบุญรอดจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ การเผยแพร่ตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์สิงห์ผ่านการจัดทำกิจกรรมการต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมหลักของทางกองประกวดไม่น้อยกว่า 12 กิจกรรมตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม และจะมีการเผยแพร่กิจกรรมดังกล่าวผ่านสื่อในประเทศและต่างประเทศในวันประกวด สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้พบว่า กลุ่มเบียร์ในเครือบุญรอดฯ สินค้าเครือสิงห์โดยรวมมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมาอยู่ที่ 44% ขณะที่เบียร์ช้างที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 46% โดยเฉพาะลีโอเบียร์มีส่วนเป็นอย่างมากในการช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดโดยดึงส่วนแบ่งการตลาดมาได้ถึง 25% ขณะที่ส่วนแบรนด์หลักอย่างสิงห์ กระเตื้องขึ้นเป็น 20%
ปี 2549
เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ทั้งที่เป็นแอลกออฮอล์ และนันแอลกอฮอล์ มาเป็น สิงห์ คอร์ปอเรชั่น แทน เนื่องจากพบว่า ชื่อสิงห์ เป็นที่รู้จักและสามารถช่วยเกื้อกูลผลิตภัณฑ์ และสามารถสื่อภาพลักษณ์ขององค์กร ให้มีความชัดเจน รวมถึงป้องกันความสับสน เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มครบวงจรท
การแปล กรุณารอสักครู่..
