เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยที่น่าเศร้าและน่าวิตกอย่างยิ่งมิอาจจะปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ได้แล้ว ดังนั้นการปฏิรูปการศึกษาจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขกันอย่างจริงจัง
เวทีเศรษฐกิจโลกระบุว่าดัชนีคุณภาพการศึกษาของไทยได้อันดับที่ 88 ของโลกจากทั้งหมด 144 ประเทศ ในระดับอาเซียนคุณภาพระดับอุดมศึกษาได้อันดับ 8 จาก 10 ประเทศ
“ลาว-กัมพูชา” ยังเหนือกว่าไทย
ประเทศไทยนั้นทุ่มงบประมาณเพื่อการศึกษามากที่สุด แต่ปรากฏผลออกมากลับแย่อย่างที่ไม่ควรจะเป็น น่าสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
นั่นแสดงว่าการลงทุนด้านการศึกษาแม้จะมีจำนวนมากแต่ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ที่เห็นและเป็นอยู่คือแก้ปัญหาไม่ถูกจุดมากกว่า
เมื่องบประมาณจำนวนมากนี้ต้องจ่ายให้กับบุคลากรระดับผู้บริหารมากกว่าคำว่า “ครู” เพราะด้วยระบบบริหารและจัดการนั้นมีความพยายามที่จะยกระดับจากครูไปเป็นบริหารมากกว่า
นี่คือปัญหาสำคัญด้านหนึ่งที่เกิดขึ้น
จากตัวเลขเงินเดือนของครูนั้นน้อยมากอย่างไม่น่าเชื่อจึงเป็นเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจที่จะทำให้คนหันเข้ามาประกอบอาชีพครูที่มีคุณภาพได้
จึงไม่ต้องแปลกใจที่บรรดาครูส่วนใหญ่จะหันไปประกอบอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มเติมเพราะเงินเดือนไม่พอใช้ รายได้ไม่พอยาไส้ อาชีพขายตรงจึงเป็นทางออกหนึ่ง
เมื่อเกิดสภาพเช่นนี้การเรียนการสอน การหาความรู้เพิ่มเติม การเอาใจใส่ต่อลูกศิษย์อย่างที่ควรจะเป็นจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำเช่นนั้นได้
การเพิ่มเงินเดือนครูจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนั้นครูซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีคุณธรรม มีคุณค่าทางสังคม พูดง่ายๆว่าเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่งเพื่อสังคม แต่เมื่อระบบการศึกษาทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ผลมันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น
จุดนี้จึงทำให้ระบบการจัดการจึงต้องเปลี่ยนไปคือจากครูไปสู่การยกระดับเป็นผู้บริหารซึ่งจะได้เงินเดือนและผลตอบแทนมากกว่า ทำงานน้อยลง เห็นได้จากการ สพฐ.ที่มีเป้าหมายเพื่อกระจายอำนาจการศึกษานั้นไม่ได้กระจายจริงๆ
แต่เป็นการกระจายบุคลากรไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารโดยเฉพาะระดับผู้อำนวยการในเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆจะมีจำนวนมากและแทบจะไม่ได้ทำอะไรกันเลย
การยกระดับจากวิทยาลัยครูมาเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศนั้นทางหนึ่งถือว่าเป็นการยกระดับการศึกษาให้กว้างขวางขึ้นในแขนงต่างๆ
แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อคนที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่นั้นไม่ต่างจากวิทยาลัยครูคือจะได้คนที่ไม่สามารถเข้าเรียนในสาขาวิชาชีพอื่นๆได้
ทำให้ไม่รู้จะไปทางไหนก็ต้องหันมาเรียนทางนี้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจหรือมีจิตใจเพื่อความเป็นครูแต่อย่างใด
คนเก่ง คนที่มีคุณภาพจึงไปอยู่ที่สาขาอาชีพอื่นอย่างเช่นแพทย์ วิศวะ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ทำนองนั้น
นี่จึงเป็นเรื่องที่ สปช.คณะที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจะต้องนำไปขบคิดอย่างแยกแยะให้ดีว่าควรจะทำอย่างไร แก้ไขอย่างไร
ไม่ใช่มองแค่หลักสูตร การเรียนการสอนเท่านั้น
แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพของครูที่เป็นต้นตอสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งทำให้คุณภาพการศึกษาของไทยต้องตกต่ำอย่างน่าใจหาย
ยิ่งช้าประเทศชาติยิ่งเสียหาย.