ในปัจจุบันมีภาพยนตร์ให้เราได้รับชมอ

ในปัจจุบันมีภาพยนตร์ให้เราได้รับชมอยู่หลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนว adventure comedy drama romantic เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกเพื่อความบันเทิงหรือถ่ายทอดออกมาให้ผู้ที่รับชมคล้อยตาม ซึ่งในที่นี้ผมจะขอยากตัวอย่างหนังมาเรื่องหนึ่ง นั้นคือหนังเรื่อง 12 years a slave เป็นหนังแนวดราม่า และสะท้อนชีวิต อีกทั้งยังได้รับรางวัล โดยในเรื่องนั้นได้กล่าวถึง คนผิวดำ ที่เคยเป็นเสรีชนมาก่อน แต่ต้องถูกขายเป็นทาส ให้กลุ่มคนผิวขาวและโดนใช้แรงงาน กดขี่ ข่มเหงเป็นเวลานานถึง 12 ปี ทั้งนี้และทั้งนั้นก็จะทราบว่าในช่วง12 ปี นั้นที่ Solomon northup ต้องเผชิญนั้นลำบาก ซึ่งนับว่าเป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับเรื่อง 12 years a slave ตามที่กล่าวมาโดยส่วนตัวแล้ว จัดว่าลงตัวเลยทีเดียว เพราะสามารถบ่งบอกถึงที่มาของตัวละครได้เกือบครบ ความต่อเนื่องของฉากแต่ละฉาก อาจมีขัดในช่วงแรกๆแต่โดยรวมถือว่าโอเคเลยทีเดียว มีการเดินเรื่อ
งที่หลากหลายผ่านการเล่าเรื่อง การนึก ของตัวละคร ส่วนในเรื่องของฉากในแต่ละฉากถือว่าใช้ location ที่เหมาะมาก แต่ก็มีบ้างฉากที่ยังยังแอบสงสัยว่าเป็นอย่างไร เพราะรายละเอียดในฉากนี้ไม่ค่อยชัดเจน คือฉากที่ Solomon northup ถูกพาตัวมาขาย โดยชาย 2 คน คือ บราวน์และ แฮมิลตัน และหากพูดถึงทางด้านอารมณ์ของหนังนั้นจะเป็นอารมณ์แบบหดหู่ เสียใจ มืดมน อีกทั้งยังรู้สึกสงสารตัวละครนั้นขึ้นมา ที่เป็นเสรีชนมาก่อน แต่ต้องกลายมาเป็นทาสเหมือนชีวิตถูกกลั่นแกล้ง แต่อีกในอารมณ์คือ เคียดแค้น พวกคนผิวขาวที่ใช้กำลังข่มเหงคนผิวดำ ต่อมา สำหรับฉากดูแล้วรู้สึกอินมากที่สุดคือ ฉากที่ Solomon northup พยายามบอกกับทุกคนว่าตนเป็นเป็นเสรีชน ไม่ใช่ทาส แต่ก็ไม่มีคนฟัง อีกทั้งยังถูกทำร้ายร่างกายอีก และอีกฉากหนึ่งคือ ฉากที่ patsey ต้องถูกเคี้ยนโดย epp แต่epp ไม่กล้าเลยให้ Solomon เคี้ยนแทนเขา ซึ่งในฉากนี้มีการรับส่งอารมณ์ที่ดี ถือว่าพีคสุดในเรื่องเลยก็ว่าได้ มีทั้งสะใจ สงสาร ในฉากเดียวกัน
ท้ายที่สุดนี้สำหรับหนังเรื่อง 12 years a slave นั้นจะเห็นว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่ Solomon ประมาท ไปไว้ใจคนที่เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรก และ อย่าตัดสินใจคนจากภายนอกในฉากที่ tibit ซึ่งเป็นช่างไม้ทะเลาะกับ Solomon เรื่องการทำทางน้ำ เพราะเห็นว่า Solomon เป็นทาสไม่มีความรู้เท่าตน แต่แท้จริงแล้ว Solomon เป็นเสรีชนมาก่อน เขาจึงมีความรู้มาก่อน และสุดท้ายคือด้าน ความเสมอภาคกันในสังคม ที่แบ่งผิวขาว ผิดดำกันนั้นเอง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

ในปัจจุบันมีภาพยนตร์ให้เราได้รับชมอยู่หลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนว adventure comedy drama romantic เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกเพื่อความบันเทิงหรือถ่ายทอดออกมาให้ผู้ที่รับชมคล้อยตาม ซึ่งในที่นี้ผมจะขอยากตัวอย่างหนังมาเรื่องหนึ่ง นั้นคือหนังเรื่อง 12 years a slave เป็นหนังแนวดราม่า และสะท้อนชีวิต อีกทั้งยังได้รับรางวัล โดยในเรื่องนั้นได้กล่าวถึง คนผิวดำ ที่เคยเป็นเสรีชนมาก่อน แต่ต้องถูกขายเป็นทาส ให้กลุ่มคนผิวขาวและโดนใช้แรงงาน กดขี่ ข่มเหงเป็นเวลานานถึง 12 ปี ทั้งนี้และทั้งนั้นก็จะทราบว่าในช่วง12 ปี นั้นที่ Solomon northup ต้องเผชิญนั้นลำบาก ซึ่งนับว่าเป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวFor 12 years a slave, as mentioned by a private, classified. Because it can indicate the origin of the character has almost reached. The continuity of the scenes, each scene may be contrary in early, but it is okay. Boat Paradeงที่หลากหลายผ่านการเล่าเรื่อง การนึก ของตัวละคร ส่วนในเรื่องของฉากในแต่ละฉากถือว่าใช้ location ที่เหมาะมาก แต่ก็มีบ้างฉากที่ยังยังแอบสงสัยว่าเป็นอย่างไร เพราะรายละเอียดในฉากนี้ไม่ค่อยชัดเจน คือฉากที่ Solomon northup ถูกพาตัวมาขาย โดยชาย 2 คน คือ บราวน์และ แฮมิลตัน และหากพูดถึงทางด้านอารมณ์ของหนังนั้นจะเป็นอารมณ์แบบหดหู่ เสียใจ มืดมน อีกทั้งยังรู้สึกสงสารตัวละครนั้นขึ้นมา ที่เป็นเสรีชนมาก่อน แต่ต้องกลายมาเป็นทาสเหมือนชีวิตถูกกลั่นแกล้ง แต่อีกในอารมณ์คือ เคียดแค้น พวกคนผิวขาวที่ใช้กำลังข่มเหงคนผิวดำ ต่อมา สำหรับฉากดูแล้วรู้สึกอินมากที่สุดคือ ฉากที่ Solomon northup พยายามบอกกับทุกคนว่าตนเป็นเป็นเสรีชน ไม่ใช่ทาส แต่ก็ไม่มีคนฟัง อีกทั้งยังถูกทำร้ายร่างกายอีก และอีกฉากหนึ่งคือ ฉากที่ patsey ต้องถูกเคี้ยนโดย epp แต่epp ไม่กล้าเลยให้ Solomon เคี้ยนแทนเขา ซึ่งในฉากนี้มีการรับส่งอารมณ์ที่ดี ถือว่าพีคสุดในเรื่องเลยก็ว่าได้ มีทั้งสะใจ สงสาร ในฉากเดียวกัน ท้ายที่สุดนี้สำหรับหนังเรื่อง 12 years a slave นั้นจะเห็นว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่ Solomon ประมาท ไปไว้ใจคนที่เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรก และ อย่าตัดสินใจคนจากภายนอกในฉากที่ tibit ซึ่งเป็นช่างไม้ทะเลาะกับ Solomon เรื่องการทำทางน้ำ เพราะเห็นว่า Solomon เป็นทาสไม่มีความรู้เท่าตน แต่แท้จริงแล้ว Solomon เป็นเสรีชนมาก่อน เขาจึงมีความรู้มาก่อน และสุดท้ายคือด้าน ความเสมอภาคกันในสังคม ที่แบ่งผิวขาว ผิดดำกันนั้นเอง