รื่องราวของเนเฟอร์ตีติสูญหายไปจากปร

รื่องราวของเนเฟอร์ตีติสูญหายไปจากประวัติศาสตร์มานานกว่า 3,000 ปี จวบจนกระทั่งปี 1912 ชาวโลกที่สนใจในเรื่องโบราณจึงตื่นเต้นกันยกใหญ่เมื่อนักโบราณคดีชาวเยอรมันขุดพบรูปสลักครึ่งองค์ของพระนางที่ซากเมืองเก่าเทลเอลอาร์มาน่า (หรือราชธานีอัคเกนาเตนซึ่งร้างผู้คนจนชาวเบดูอินเข้าไปอยู่อาศัยในสมัยหลังครับ) เป็นรูปยืนยันว่าเนเฟอร์ตีติเป็นหญิงสวยงามที่สุดผู้หนึ่งในดินแดน นักโบราณคดีกลุ่มนั้นยักยอกเอารูปนี้มาไว้ที่เยอรมัน เมื่ออียิปต์รู้เข้าเต้นผางเลยทีเดียวครับ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเต้นเท่านั้น (ขอขยายความข้อความที่ว่า “เป็นรูปที่ยืนยันว่า เนเฟอร์ตีติเป็นหญิงสวยงามที่สุดผู้หนึ่งในดินแดน” หน่อยนะครับ เพราะรูปนี้เป็นศิลปะแบบอาร์มาน่าตามชื่อเมืองที่เรียกภายหลัง ศิลปะแบบนี้ไม่บิดเบือนให้งดงามกว่าความจริง แต่ทำตามความจริงที่เห็น รูปราชาอัคเกนาเตนที่สลักขึ้นสมัยเดียวกันยังทำให้เรารู้ว่าพระองค์ค่อนข้างมีรูปร่างบิดเบี้ยวไม่สมประกอบ)
ตกมาถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รูปสลักของพระนางถูกลากไปลากมาในนครเบอร์ลิน ใครต่อใครก็พากันเป็นห่วงสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มาก และพากันคิดว่าคงสูญไปกับระเบิดที่สัมพันธมิตรทิ้งลงมาถล่มนครเบอร์ลินเป็นแน่ แต่ว่ารูปของพระนางรูปนี้กลับไปโผล่ที่เมืองร้างในปี 1946 (แสดงว่าต้องมีใครช่วยพาพระนางหนีทัน) คนพบก็เลยนำมาประดิษฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์กรุงเบอร์ลินอย่างสง่างามจนทุกวันนี้ น่าเสียดายอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่รูปสลักไม่สามารถบอกรายละเอียดที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอเลย
จนกระทั่งในปี 1956 (พ.ศ. 2499) คณะนักโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย นำโดยเรย์วินฟิลด์ สมิธ ได้ขุดสำรวจซากวิหารเก่าแก่โบราณที่จมอยู่ใต้ดินที่เมืองคาร์นัคเข้า และพบด้วยความประหลาดใจว่าซากวิหารที่ตั้งหน้าตั้งตาขุดนั้นคือวิหารของเทพอาเตนผู้มีแต่ดวงกลมและลำแสงเท่านั้น ความประหลาดใจของพวกเขายิ่งทวีขึ้นเมื่อพบว่าผู้ที่บงการให้สร้างวิหารแห่งนี้หาใช่ฟาโรห์อัคเกนาเตนไม่ แต่กลับกลายเป็นเนเฟอร์ตีติโฉมงามต่างหาก
มันจะเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกประหลาดที่สุดทีเดียวครับ ก็ในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณอันยาวนานไม่ปรากฏว่าราชินีองค์ไหนจะเป็นผู้สร้างวิหารถวายเทพองค์สำคัญ...ถึงแม้จะสร้างจริง แต่ก็เป็นการสร้างแบบปิดทองหลังพระ บนวิหารจะต้องจำหลักพระนามและเรื่องราวของฟาโรห์เท่านั้น ราชินีหรือผู้ร่วมสร้างจะเป็นเพียงส่วนประกอบ ซึ่งนับว่าตรงกันข้ามกับวิหารอาเตนที่เพิ่งขุดพบเป็นอย่างยิ่งเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่บ่งบอกถึงประสงค์ของราชินีอย่างชัดเจน รูปฟาโรห์กลายเป็นส่วนประกอบ มีพระรูปและพระนามของเนเฟอร์ตีติจารึกให้เห็นเด่นชัดทั่วไป แสดงว่าพระนางทรงสร้างวิหารของเทพองค์ใหม่ด้วยความอาจหาญยิ่งนัก
นี่เองที่ทำให้ทัศนะคติเกี่ยวกับฟาโรห์อเมนโฮเทปหรืออัคเกนาเตนเปลี่ยนไปทันที คณะนักโบราณคดีแห่งเพนซิลวาเนียได้ข้อคิดใหม่ว่า แท้ที่จริงแล้วผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังการปฏิรูปศาสนาได้แก่เนเฟอร์ตีตินี่เอง ทรงยุยงและหนุนหลังฟาโรห์จนสำเร็จ และในที่สุดเธออาจหาญกล้าพอที่จะสร้างวิหารถวายสุริยเทพด้วยตนเองอย่างแหวกประเพณี อาจเป็นด้วยความแค้นเคืองพระแห่งเทพอาเมนก็ได้ที่ทำให้เธอฮึดเปลี่ยนศาสนา และทำลายอำนาจพระแห่งอาเมนลงได้ราบคาบอย่างน้อยก็ชั่วระยะหนึ่ง
เนเฟอร์ตีติในสายตาของนักโบราณคดีสมัยใหม่จึงมิใช่ราชินีแสนโสภาพกไว้แต่ความเรียบร้อยและสงบเสงี่ยม หากเป็นอิสตรีที่ทะเยอทะยานและหาญกล้าองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับคลีโอพัตราผู้มาทีหลังแล้วละก็ คงไม่ผิดกันเท่าไร
อย่างไรก็ตามครับ ยังไม่มีใครพบสุสานหรือมัมมี่ของเนเฟอร์ตีติเลย รวมทั้งพระสวามียอดรักอัคเกนาเตนของพระองค์ด้วย ความลับเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของทั้งสองพระองค์จึงยังดำมืดมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องของเนเฟอร์ตีติโฉมงามหยาดฟ้ามาดิน จึงจบลงด้วยประการฉะนี้

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Rue Martin ngarao of publication is missing from more than 3000 years of history up until the year 1912 the world interested in the story, it's a big adrenaline together ancient when German archaeologists unearthed a half element of her sculptures at the old hotel lae ลอาร์ from scrap (or Royal Gate Hotel Agra is activated five minutes creating a people-oriented people viewed the visit until he was living in the back lol). The pictures confirm that natural beauty is female FIR hit most people in the territory. Archaeologists, the Group took this image into his/her German. When Egypt recognized the possibilities of dance at phang but do not only dance (also extended to the text that says "a picture to confirm that natural beauty is female FIR hit most people in the territory", this is because I figure the ARMA of town called later. This concise, art, beauty, over the truth, but the truth is that to follow see. Pictures Hotel Paradise Inn gate tea area carved up the same era, we know that he is quite bad shape distortion). ตกมาถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รูปสลักของพระนางถูกลากไปลากมาในนครเบอร์ลิน ใครต่อใครก็พากันเป็นห่วงสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มาก และพากันคิดว่าคงสูญไปกับระเบิดที่สัมพันธมิตรทิ้งลงมาถล่มนครเบอร์ลินเป็นแน่ แต่ว่ารูปของพระนางรูปนี้กลับไปโผล่ที่เมืองร้างในปี 1946 (แสดงว่าต้องมีใครช่วยพาพระนางหนีทัน) คนพบก็เลยนำมาประดิษฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์กรุงเบอร์ลินอย่างสง่างามจนทุกวันนี้ น่าเสียดายอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่รูปสลักไม่สามารถบอกรายละเอียดที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอเลย จนกระทั่งในปี 1956 (พ.ศ. 2499) คณะนักโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย นำโดยเรย์วินฟิลด์ สมิธ ได้ขุดสำรวจซากวิหารเก่าแก่โบราณที่จมอยู่ใต้ดินที่เมืองคาร์นัคเข้า และพบด้วยความประหลาดใจว่าซากวิหารที่ตั้งหน้าตั้งตาขุดนั้นคือวิหารของเทพอาเตนผู้มีแต่ดวงกลมและลำแสงเท่านั้น ความประหลาดใจของพวกเขายิ่งทวีขึ้นเมื่อพบว่าผู้ที่บงการให้สร้างวิหารแห่งนี้หาใช่ฟาโรห์อัคเกนาเตนไม่ แต่กลับกลายเป็นเนเฟอร์ตีติโฉมงามต่างหาก มันจะเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกประหลาดที่สุดทีเดียวครับ ก็ในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณอันยาวนานไม่ปรากฏว่าราชินีองค์ไหนจะเป็นผู้สร้างวิหารถวายเทพองค์สำคัญ...ถึงแม้จะสร้างจริง แต่ก็เป็นการสร้างแบบปิดทองหลังพระ บนวิหารจะต้องจำหลักพระนามและเรื่องราวของฟาโรห์เท่านั้น ราชินีหรือผู้ร่วมสร้างจะเป็นเพียงส่วนประกอบ ซึ่งนับว่าตรงกันข้ามกับวิหารอาเตนที่เพิ่งขุดพบเป็นอย่างยิ่งเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่บ่งบอกถึงประสงค์ของราชินีอย่างชัดเจน รูปฟาโรห์กลายเป็นส่วนประกอบ มีพระรูปและพระนามของเนเฟอร์ตีติจารึกให้เห็นเด่นชัดทั่วไป แสดงว่าพระนางทรงสร้างวิหารของเทพองค์ใหม่ด้วยความอาจหาญยิ่งนัก นี่เองที่ทำให้ทัศนะคติเกี่ยวกับฟาโรห์อเมนโฮเทปหรืออัคเกนาเตนเปลี่ยนไปทันที คณะนักโบราณคดีแห่งเพนซิลวาเนียได้ข้อคิดใหม่ว่า แท้ที่จริงแล้วผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังการปฏิรูปศาสนาได้แก่เนเฟอร์ตีตินี่เอง ทรงยุยงและหนุนหลังฟาโรห์จนสำเร็จ และในที่สุดเธออาจหาญกล้าพอที่จะสร้างวิหารถวายสุริยเทพด้วยตนเองอย่างแหวกประเพณี อาจเป็นด้วยความแค้นเคืองพระแห่งเทพอาเมนก็ได้ที่ทำให้เธอฮึดเปลี่ยนศาสนา และทำลายอำนาจพระแห่งอาเมนลงได้ราบคาบอย่างน้อยก็ชั่วระยะหนึ่ง เนเฟอร์ตีติในสายตาของนักโบราณคดีสมัยใหม่จึงมิใช่ราชินีแสนโสภาพกไว้แต่ความเรียบร้อยและสงบเสงี่ยม หากเป็นอิสตรีที่ทะเยอทะยานและหาญกล้าองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับคลีโอพัตราผู้มาทีหลังแล้วละก็ คงไม่ผิดกันเท่าไรอย่างไรก็ตามครับ ยังไม่มีใครพบสุสานหรือมัมมี่ของเนเฟอร์ตีติเลย รวมทั้งพระสวามียอดรักอัคเกนาเตนของพระองค์ด้วย ความลับเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของทั้งสองพระองค์จึงยังดำมืดมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องของเนเฟอร์ตีติโฉมงามหยาดฟ้ามาดิน จึงจบลงด้วยประการฉะนี้

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

ISP about Boone's Ferrari hit Haiti lost to history for over 3,000 years, until the year 1912 the world who are interested in ancient, so excited so much when archaeologists Germans unearthed the statue in half body of her that remains of the old city dump. El Armani's. (Or capital Akkad's Great Estates, which abandoned the poor Bedouin to live in the days after it) is confirmed Vanessa Ferrari hit Haiti is one of the most beautiful woman in the land. Archaeologists group that embezzled take this into German. Egypt knows when to get angry quite. But do nothing but dance. (Please expand on that message. "The figure confirms Christopher Boone hit Haiti is one of the most beautiful women in the territory "but not because this is an art form Armani is named after the town. Art is not misleading to the picturesque than the truth. But the fact that. The king of Akkad's Great Estates, who carved up the same period also show that he is not physically distorted)
comes to World War 2, dragged the statue of the horse in Berlin. Somebody took care of this very precious treasure. And brings together thought lost to the coalition dropped bombs struck the city of Berlin as well. But the shape of her figure back to the city appeared deserted in the year 1946 (that must have helped her escape up) discovered it be enshrined in the Berlin Museum magnificently today. Unfortunately, it is only right that the statue could not give details about the behavior of her
until the year 1956 (2499), the archaeologists of the University of Pennsylvania. Led by Ray Winfield Smith explore the submerged ruins of an ancient temple at Karnak in the basement. And amazement at what remains of the temple, the temple of the goddess was absorbed in digging the State but globes and beam only. To the surprise of even intensified when they found that those who orchestrated the construction of this temple of Pharaoh surrenders Akbar the Great was not Potenza. It turns a girl's Ferrari hit Haiti
, it is quite possible and quite bizarre. In ancient Egypt, it does not appear that the Queen how long will build a temple dedicated to the god ... even built. It is a thankless job creation Temple will be engraved on the name and the story of Pharaoh only. Queen or co-create is the only component. Which is contrary to the State's Cathedral was recently unearthed, because everything here is clearly indicative of the will of the queen. The Pharaoh became a constituent A photograph and the name of the name Ferrari hit Latin inscription pronounced general. Shows that the temple of the deity with great temerity
made ​​Pharaoh's attitude about the tape or Akbar the Great Ho Na Maine State immediately changed. The archaeologists of Pennsylvania have new insights that. Indeed, the mastermind behind the Reformation, including Martin's Ferrari hit me. He instigated and backed by Pharaoh through. In her most daring and brave enough to build a temple dedicated to the Sun God with their own cherished traditions. May be incensed by the priest of the god Amen was that made ​​her resolve to change religion. And destroy the power of Amen down outright, at least for a while
Ferrari's hit Haiti in the eyes of modern archeology is not the fairest queen's pocket, but neatness and modesty. If a woman is ambitious and heroic episode in the history of ancient Egypt, which if compared to Cleopatra, who came later, then. Not much wrong with
it, however. Nobody has found the tombs or mummies of Haiti's Ferrari hit yet. Including her husband's beloved Akbar the Great State of him. The secret about the finality of both, he has a dark day. The girl's Ferrari hit a perfect drop of blue clay. It thus ends

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

story of Nefertiti disappears from history, for more than 3000 years until years 1912 world interested in ancient is getting so excited when the German archaeologist excavated the ruins of her that half the Hotel El Ahman has made.A confirmed that Nefertiti was the most beautiful woman person in the territory. Archaeologists that group embezzlement and take this to the Germans. When the Egyptians knew to get angry I ever. But, do nothing but dance."The figure is confirmed Nefertiti is the most beautiful woman who one of the territories ". Because of this art Armani made by city name to call later. This art does not distort to more beautiful than reality.The king Akbar เกนา Britain at the same time also carve up we know him quite a shape distorted imperfect)
.Fell to World War 2 sculpture of her being dragged to pull in the city of Berlin. Everyone was worried about a treasure this piece. And they think it's lost bomb dropped in the city of Berlin coalition;1946 (is there who will take her away in time). So the Buddha found in Museum Berlin gracefully until today.