Before the days of Carnival color splash is causing the fire burning a puppet (Oh reiterated that I did not write a story about politics, but somehow haha!) Will tell you to read that there is a belief, however. These pigments are made from anything dangerous with a large splash of skin in front of eye or not. ... As I came.Fire point in the night before for a splash of color (image from myyatradiary.blogspot.com)Mrs. Yakholikaความเป็นมาของเทศกาลโฮลี่มีตำนานหลากหลาย แต่ที่ยอดฮิตมีอยู่ 3-4 เรื่อง ซึ่งทุกเรื่องล้วนบ่งบอกว่า ความดีย่อมชนะความชั่ว ธรรมะย่อมชนะอธรรม เหมือนกันหมดครับ เรื่องที่เชื่อถือกันมากที่สุดนั้นเกี่ยวกับเจ้าแห่งปีศาจตนหนึ่งชื่อว่า "หิรัญยกศิปุ" ซึ่งบำเพ็ญตบะจนได้รับพรจากพระพรหมไม่ให้มีวันถูกสังหารได้ เพราะจะไม่ถูกฆ่าระหว่างกลางวันหรือกลางคืน นอกบ้านหรือในบ้าน บนพื้นดินหรือในอากาศ จะโดยมนุษย์หรือสัตว์ป่า โดยอาวุธหรือมือ ก็ไม่มีวันตาย ด้วยพรดังกล่าวทำให้ท่านหิรัญยกศิปุเกิดลืมตัว กำเริบเสิบสานถึงขั้นไปรุกรานโลกมนุษย์และลามไปถึงสวรรค์ สั่งให้ชาวบ้านเลิกบูชาพระเจ้าองค์อื่นๆ นอกจากตนเท่านั้น... แน่ะ ชักเหลิง ใช้อำนาจในทางที่ผิด มีสิทธิ์ถึงฆาตโดยไม่คาดคิดนะท่านปีศาจ ..หอกข้างแคร่มีจริง ลูกชายของท่านปีศาจแดงชื่อว่า “ประหลาด” (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Prahlad ถามเพื่อนแขกของผม ก็อ่านอย่างนี้จริงๆ) ประหลาดสมชื่อ ดื้อสุดๆ นอกจากไม่บูชาพ่อตามคำสั่งแล้ว ยังเลื่อมใสพระวิษณุหรือพระนารายณ์เกินร้อย แม้ว่าพ่อขู่เข็ญจนถึงขั้นฆ่าโดยวางยาพิษ ให้ช้างเหยียบ ขังไว้ในกรงงูพิษ ก็รอดมาได้ตลอดและยังบูชาพระนารายณ์ต่อไป “ผมนับถือของผม พ่อจะทำไม หุๆๆๆ” สุดท้ายท่านพ่อปีศาจแดงทนไม่ได้ เรียกปีศาจน้องสาวชื่อ “โฮลีกะ” มาช่วย “น้องโฮลีกะ พี่ทนไม่ไหวแล้วนะ เจ้าลูกดื้อเนี่ย ช่วยพี่ทีเถิด พี่จะจุดกองไฟ แล้วน้องอุ้มเจ้าประหลาดเข้าไปนั่งตักน้องในกองไฟนะ เดี๋ยวพี่ก็จะกำจัดจุดอ่อนสำเร็จเสียที ฮ่าๆๆๆๆ” คุณพ่อตั้งใจจะฆ่าแล้วเผาทำลายหลักฐานกันเลยทีเดียวนรสิงห์สังหารหิรัญยกศิปุ (ภาพจาก thaiwikipedia.com)คุณพ่อปีศาจรู้ดีว่า คุณน้องสาวโฮลีกะได้รับพรวิเศษเหมือนกันคือ จะไม่ถูกไฟใดๆ เผาผลาญ ถึงได้ยืมมือน้องสาวมาช่วยสังหารลูกชาย เด็กชายประหลาดก็ไม่สะทกสะท้าน อุ้มฆ่าก็อุ้มฆ่าเถอะ ข้อยบ่ยัน ว่าแล้วก็เข้าไปในกองไฟกับอาหญิง พลางสวดมนต์ขอพรจากพระวิษณุดังที่ถือปฏิบัติเป็นกิจวัตร ... โอ้ มายก๊อด ... กรี๊ดๆๆๆๆๆ ... เสียงร้องโหยหวนจากกองไฟ หิรัญยกศิปุกระหยิ่มยิ้มย่องว่าฆ่าลูกได้สมใจซะที คิดไปยิ้มไปถึงขั้นหัวเราะเสียงดัง แต่พอมองไปในกองไฟถึงกับตกใจอย่างแรง ว้าย เจ้าลูกประหลาดยังนั่งยิ้มหลับตาสวดมนต์อยู่เลย แต่โฮลีกะกลับกลายเป็นเถ้าถ่านไปได้ ... แหม พระเอกย่อมรอดสิครับ พระวิษณุท่านประทานพรและคุ้มครองศิษย์ผู้เคร่งครัดของท่าน ส่วนโฮลีกะลืมไปว่าไฟจะไม่เผาตนเพียงคนเดียวเท่านั้น พออุ้มเด็กชายประหลาดเข้าไปด้วย พรก็เสื่อมไป เลยเรียบร้อยโรงเรียนวิษณุ ตายคากองไฟ ... นี่คือที่มาของชื่อเทศกาลและการจุดไฟฉลองหลังตะวันตกลับฟ้า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่ฝ่ายธรรมะมีชัยเหนือฝ่ายอธรรม ชาวฮินดูจะต่อไฟจากกองไฟนี้ไปจุดในบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยขอแถมสักนิด แล้วคุณพ่อปีศาจตัวร้ายล่ะ? พระอินทร์ท่านเห็นแล้วว่าปล่อยไว้อันตรายต่อสามโลกแน่ๆ ต้องกำจัด เลยขอตัวช่วย พระนารายณ์ไปจัดการให้ทีเถิด พระนารายณ์รับเชิญไปสังหารท่านปีศาจตัวร้ายโดยใช้วิธีพิเศษแบบบูรณาการกันเลย คือ อวตารแปลงร่างเป็นตัวนรสิงห์ เพื่อจะใช้กรงเล็บ ไปตะปบฉีกอกฆ่าอสูรร้ายในเวลาโพล้เพล้ ที่ตรงกลางประตู ก่อนลงมือ ไม่ใช่สิ ก่อนลงเล็บ ก็ถามหิรัญยกศิปุว่า รู้มั้ยเนี่ยตัวอะไรเอ่ย – ไม่รู้ คนก็ไม่ใช่ สัตว์ก็ไม่เชิง .. ยกกรงเล็บขึ้นโชว์แล้วถามต่อไปว่า รู้มั้ยนี่อะไร – ไม่รู้ ไม่ใช่มือ ไม่ใช่อาวุธนี่ ... รู้มั้ยว่าอยู่นอกบ้านหรือในบ้าน – (ชักรำคาญ) ไม่นอกไม่ในเลยนี่ พี่สิงห์เล่นคร่อมกลางประตูงี้ ... คำถามสุดท้าย รู้มั้ยกลางวันหรือกลางคืน – ไม่รู้(ว้อย!) นี่มันโพล้เพล้ ไม่น่าถาม ... นรสิงห์รำพึงในใจว่าครบเงื่อนไขแล้วนี่หว่า เอาละ ลงมือ ... ตระหนักดังนั้นก็สังหารอสูรตนนี้โดยตะปบกรงเล็บฉีกอกดังแคว่กๆๆๆ ... เป็นอันจบสิ้นชีวิตของปีศาจที่ชื่อว่าหิรัญยกศิปุ(ภาพจาก thehouseofnash.blogspot.com)เมื่อพระศิวะถูกศรกามเทพปิ๊งๆๆตำนานต่อมาเป็นเรื่องของพระศิวะกับกามเทพ อ๊ะๆๆๆ ไม่ใช่ว่าเทพสององค์มีอะไรกันนะครับ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อพระนางสตี พระธิดาของพระทักษะผู้บุตรของพระพรหม มเหสีองค์แรกของพระศิวะ อดรนทนไม่ได้ที่ท่านพ่อทักษะไม่ยอมรับพระศิวะ และยังกระทำการต่างๆ เพื่อดูถูกพระศิวะมาตลอด เลยประท้วงพ่อด้วยการฆ่าตัวตายซะเลย ทำเอาพระศิวะเคืองพ่อตาอย่างแรงที่เป็นต้นเหตุให้มเหสีสุดเลิฟต้องตาย ส่งกาลีเทพไปฆ่าพ่อตาสำเร็จ แต่ต่อมาก็ชุบชีวิตคืนให้ จากนั้นพระศิวะหมดอาลัยตายอยาก ละทางโลกไปเข้าฌาณจนไม่ไปทำงานทำการ (เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่) เดือดร้อนกันไปทั่วถึงเทวดาด้วย ระหว่างนั้นพระสตีไปเกิดใหม่เป็นพระนางปารวตี ธิดาเจ้าแห่งภูเขา แม้เกิดใหม่หัวใจเดิมเต็มร้อย .. ยังปิ๊งพระศิวะอย่างมั่นคง แต่ทำไงดี พระศิวะเมินทางโลกซะแล้ว เหล่าเทวดาเห็นใจ ส่งบีบีไปเชิญกามเทพมาช่วย กามเทพวางไอแพ็ดหันมากดบีบีตอบ “จัดให้เพ่ๆ เย็นไว้ เย็นไว้” แต่ในใจแอบร้อนรุ่มเพราะรู้ว่าไปแผลงศรใส่พระศิวะเนี่ย ถึงตายเชียวนะ เอาน่า รับปากแล้ว เอาไงเอากันล่ะ ... ไปแผลงศรใส่พระศิวะจริงๆ ตรงหน้า ระวัง เล็ง ยิง ... ผึง!... โป๊ะเชะ ศรเสียบทรวงอะจึ๊กได้ผลครับ พระศิวะตื่นจากเข้าฌาณด้วยความโกรธที่ถูกกวน ลืมตาทั้งสามดวง (คงจำกันได้ว่าท่านมีสามตาที่ไม่ใช่ปลั๊กไฟ ลืมตาที่สามเมื่อไหร่ หายนะเกิด) เล็งตาที่สามคืนไปที่กามเทพ ฟุ่บเดียวกามเทพถูกเผาตายกลายเป็นผง แต่ศรรักปักทรวงยังออกฤทธิ์ พระศิวะก็หลงรักและแต่งงานกับพระนางปารวตีชนิดที่เรียกว่าไม่มีวันจะพรากจากกันอีกแล้ว ต่อมานางรตี คู่ชีวิตของกามเทพ มากรอกคำร้องร้องเรียนให้พระศิวะชุบชีวิตสามีตนซะดีๆ เพราะกามเทพทำตามคำสั่งของเหล่าเทวดา ไม่ได้คิดจะลอบสังหารท่านด้วยศรแห่งรักแต่อย่างใด พระศิวะอ่านใบคำร้องแล้วเข้าใจเหตุการณ์ จึงยอมชุบชีวิตให้กามเทพฟื้นมาอีกครั้งหนึ่ง ... ว่ามาตั้งยาว เกี่ยวกับโฮลี่ยังไงเนี่ย ... เกี่ยวตรงนี้ครับ เค้าเชื่อกันว่าวันที
การแปล กรุณารอสักครู่..
