Temple city diaries.LocationTemple city diaries. It is located at 196 Michael road, tumbol wiang, mueang Chiang Rai, Chiang Rai province, Maha Nikaya monks affiliated with the sector 6.The territory.Area measuring 2 acres 3 work space with 40 square meters.Adjacent to private road north.South Street, adjacent to the ancient stronghold (originally as the wall of the old town) is located opposite unity school witthayakhom school.Measure out the directions next to the road, Michael.In the West, next to the Foundation for charitable relief, Chiang Rai province.HistoryTemple city has Shih Ming Villa ngakham Sima. In Thailand, there is a big temple, 2513 original age equal to approximately 800 years, Chiang Rai, is because in the past, Thailand has a large community living around the temple with religious art and theology subjects known as Myanmar is called WAT Rai bent over, but that is widely known as changmup language, means "North WAT Chang Crouch as historical evidence and of the ancient people. This measure is important regarding the remains of King Meng Rai. Of the Kingdom of Lanna. Maharaj element sequence 2 of the history of Thailand, that is in the mobile parades, ceremonies, the Emerald Buddha out thaksinawat around the city centre via other such traditions landborne Songkran day or new year's, the city will have a solid place where the remains of the Serpent King Meng Rai came to the doctor waiting for that measure. Mountain butbok to get the Emerald Buddha at the parade, accompanied by a procession of saliang. From the Temple of the Emerald Buddha, which is located 200 meters from the temple to the North.At present, there are ancient pagoda Thailand art large aqueducts. The temple and the Temple of WAT's wood art the city diaries million. Buddhist art and Visual art spatial archaeology. During excavation, archaic patterns were found inscriptions on silver plates, a Burmese history enshrined relics pagoda author when searching from the Chronicle, so we know the author was ming Temple, the owner's wife is Mrs. Talamaetri King Meng Rai which Nang descent from King City, Bago.In the temple and the city still has a talisman of antiques appear which are mixed between Burma and Lanna arts and has a sacred object is important relics enshrined at the ancient pagoda has been Chairman, from. Supreme Patriarch of Thailand at Sangha soklomha Temple prinayokวัดมิ่งเมืองอยู่ติดสถานที่สำคัญทางโบราณคดีของจังหวัดเชียงราย เป็นประตูเมืองเก่าของเมืองเชียงราย คือ ประตูไก่ดำ หรือประตูขัวดำ หรือประตูเจ้าพ่อสันป่าแดง ซึ่งคนเชียงรายเรียกยังคงเรียกบริเวณสี่แยกที่ถนนบรรพปราการตัดกับถนนไตรรัตน์ว่า สี่แยกขัวดำ ที่บริเวณประตูวัดด้านทิศตะวันออก มีบ่อน้ำโบราณ ชื่อ น้ำบ่อจ๊างมูบ ศิลปะแบบไทยใหญ่ มีซุ้มครอบไว้เป็นประติมากรรมปูนปั้นรูปช้างหมอบ เชื่อกันว่าบ่อน้ำนี้เป็นบ่อน้ำโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นแหล่งน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคของผู้คนโบราณที่สัญจรเข้าออกเมือง ได้มาพักกายบริเวณประตูเมืองเพื่อดื่มน้ำและล้างหน้าให้เกิดสิริมงคลก่อนจะเริ่มเดินทางออกหรือเข้าสู่เมืองเชียงรายDetailed historyวัดมิ่งเมือง หรือวัดช้างมูบ เดิมมีชื่อเรียกตามที่ปรากฏบนแผ่นทองคำจารึกอักษรพม่าว่า “วัดตะละแม่ศรี” ซึ่งเป็นชื่อของผู้สร้างวัดมีนามว่า เจ้านางตะละแม่ศรี เป็นพระมเหสีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช มหากษัตริย์แห่งแคว้นล้านนาผู้สร้างเมืองเชียงราย เจ้านางตะละแม่ศรี ทรงมีอีกพระนามหนึ่งที่ปรากฏในแผ่นจารึกคือ มหาเทวีอุษาปายะโค พระนางเป็นธิดาของพระเจ้าพายุเจ็งกษัตริย์พม่าเจ้าเมืองพะโค (หงสาวดี) ซึ่งได้มอบถวายให้เป็นข้าบาทบริจาริกาแด่พ่อขุนเม็งรายมหาราชเมื่อทรงชนะสงครามจากพม่า และวัดแห่งนี้ยังเป็นวัดประจำพระองค์ของพระนางอั๊วะมิ่งจอมเมือง (พระนางเทพคำกล๋าย-พระนางอั๊วะมิ่งไข่ฟ้า หรือพระนางอกแอ่น ซึ่งเป็นวีรสตรีของชาวไทยลื้อที่ได้ปลอมตัวเป็นชายออกสู้รบจนได้รับชัยชนะ) พระนางอั๊วะมิ่งจอมเมือง เป็นพระราชชนนีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช พระนางจะเสด็จมาทรงปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ และในตำนานของวัดที่ปรากฏในรัชสมัยของพ่อขุนเม็งรายมหาราช พระนางจะเสด็จมาประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาที่วัดมิ่งเมืองปีละสองครั้งคือในคืนวันเพ็ญวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ และในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง หรือประเพณียี่เป็งของชาวล้านนา ทรงจุดผางประทีปบูชาพระเจดีย์ศรีมิ่งเมืองในวัด ซึ่งปัจจุบันเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระนางเทพคำกล๋ายและพระอัฐิของมหาเทวีอุษาปายะโคนอกจากนี้วัดมิ่งเมือง ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วัดช้างมูบ” (วัดช้างหมอบ) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวเชียงรายทั่วไปเรียกและทางวัดมิ่งเมืองก็ใช้รูปช้างมูบเป็นสัญลักษณ์ของวัดมิ่งเมือง เป็นวัดที่ได้รับการบันทึกให้เป็นวัดเก่าแก่สำคัญทางประวัติศาสตร์วัดหนึ่งของเมืองเชียงราย ในครั้งที่ที่พระเจ้าสามฝั่งแกนอัญเชิญพระแก้วมรกตจากเชียงรายไปเชียงใหม่โดยอัญเชิญพระแก้วมรกตตั้งขบวนจากวัดพระแก้ว เชียงราย มาประดิษฐานบนหลังช้างทรงซึ่งหมอบรออยู่หน้าวัดมิ่งเมืองแล้วเคลื่อนขบวนออกจากประตูเมืองที่ติดกับวัดไปเมืองเชียงใหม่จึงทำให้ชาวบ้านเรียกว่าวัดช้างมูบตั้งแต่นั้นมาเมื่อเข้าสู่ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๔ พระยาจ่าบ้านและพระยากาวิละ ได้ทำการต่อสู้กับพม่า เรียกว่า “ฟื้นม่าน” โดยได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสินมหาราช) ให้ขจัดอิทธิพลของพม่าออกไปจากล้านนา ซึ่งขณะนั้นพม่าได้ใช้เมืองเชียงแสนเป็นฐานที่มั่นในการรบ ในปี พ.ศ. ๒๓๔๗ พระยากาวิละได้ยกทัพได้ยกทัพไปตีเมืองเชียงแสนได้ หลังจากที่เคยโจมตีมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เมื่อสามารถยึดเมืองเชียงแสนได้จึงเผ่าทำลายเมืองขับไล่กองทัพพม่าออกจากเมืองเพื่อมิให้พม่าใช้เป็นฐานกำลังได้อีกต่อไปและพระยากาวิละก็ได้กวาดต้อนผู้คนครัวเรือนจากเมืองเชียงแสน และหัวเมืองรายทาง เพื่อมิให้กลับไปเป็นกำลังไพร่พล แรงงานทั้งทางการทหารเป็นเมืองร้าง อันรวมถึงเมืองเชียงรายSince the battle with Thailand-2317 (1774) Myanmar ๒๓๔๗, in the Kingdom of 14,782.
การแปล กรุณารอสักครู่..