4. องค์ประกอบของการพูด ธรรมชาติของการพูดโดยทั่วไปมีองค์ประกอบดังนี้ 1) การแปล - 4. องค์ประกอบของการพูด ธรรมชาติของการพูดโดยทั่วไปมีองค์ประกอบดังนี้ 1) อังกฤษ วิธีการพูด

4. องค์ประกอบของการพูด ธรรมชาติของก

4. องค์ประกอบของการพูด
ธรรมชาติของการพูดโดยทั่วไปมีองค์ประกอบดังนี้
1) ผู้พูด ผู้พูดทำหน้าที่ส่งสารผ่านสื่อไปให้ผู้ฟัง ดังนั้น ผู้พูดจะต้องมีความสามารถใช้ทั้งศาสตร์
และศิลปะของตนเอง ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดไปสู่ผู้ฟังให้ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ความสามารถของ
ผู้พูดที่จะทำให้ฟังได้เข้าใจมากน้อยแค่ไหนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้
- ผู้พูดมีความสามารถในการใช้ภาษา เสียง และกิริยาท่าทางเพียงไรผู้พูดมีเจตคติต่อเรื่อง
ที่จะพูด และต่อผู้ฟังแค่ไหน ผู้พูดมีระดับความรู้ในเรื่องที่พูดมากน้อย และลึกซึ้งเพียงใดผู้พูดมีฐานะทางสังคม
พื้นฐานทางจริยธรรม และวัฒนธรรมอยู่ในระดับใด
2) สาร เนื้อหาที่ผู้พูดส่งไปนั้นจะต้องมีคุณค่า และคุ้มค่าแก่การเสียเวลาของผู้ฟัง ดังนั้น
สารที่ผู้พูดส่งไปนั้นจะต้องเตรียมมาแล้วอย่างดี เช่น การ คัดเลือก จัดลำดับขั้นตอน และการฝึกฝนตนเองของผู้พูด
อีกส่วนหนึ่ง
3) สื่อ หมายถึง สิ่งที่นำสารไปสู่ผู้ฟัง ได้แก่ เวลา สถานที่ อากาศ และเครื่องรับรู้ต่าง ๆ เช่น ตา หู จมูก
ลิ้น กาย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อื่น ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เป็นต้น
4) ผู้ฟัง ผู้ฟังอยู่ในฐานะที่จะต้องรับสารของผู้พูดโดยอาศัยสื่อเป็นเครื่องนำพาผู้ฟังจะสามารถรับสาร
ได้ตรงกับเจตนาของผู้พูดได้มากน้อยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น ๆ เช่น ทักษะ ความพร้อม ความสนใจ พื้นความรู้
วัฒนธรรม และเจตคติของผู้ฟังอีกด้วย
5) ปฏิกิริยาจากผู้ฟัง ในขณะที่ผู้ฟังรับสารและแปลสารนั้น ก็จะเกิดปฏิกิริยาตอบ เช่น
เมื่อพูดถูกใจหรือเป็นที่พอใจ ก็จะมีอาการผงกศรีษะ ปรบมือหัวเราะ ยิ้ม และแสดงให้เห็นถึงการชื่นชมพร้อมกับตั้งใจฟัง
แต่เมื่อพูดไม่ถูกใจหรือไม่พอใจ ก็จะมีการโห่และแสดงให้เห็นถึงความชัง และขัดแย้งต่อผู้พูด เป็นต้น


5. ส่งสารด้วยการพูด
การพูดมีความสำคัญกับมนุษย์เราอย่างมาก ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ประกอบกิจกรรมใด ส่วนหนึ่ง
ของการพูดนั้นสามารถสอนและฝึกกันได้ ซึ่งการพูดที่มีประสิทธิภาพเกิดจากการสังเกตและการฝึกฝน
(การพูดที่มีประสิทธิภาพหมายถึงการพูดที่ชัดเจน พูดได้ตรงตามความคิดของผู้พูดหรือเนื้อเรื่องที่พูด
สามารถรวบรวมเนื้อหาได้ตรงประเด็น)การพูดแบ่งได้ 2 ประการ คือ การพูดระหว่างบุคคล
และ การพูดในกลุ่ม
• การพูดระหว่างบุคคล
เป็นการพูดที่ไม่เป็นทางการ ไม่มีเนื้อหาจำกัดแน่นอน ทั้งผู้พูดและผู้ฟังไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้า
แต่เป็นการพูดที่ใช้มากที่สุด ใช้ในชีวิตประจำวัน การพูดชนิดนี้พอจะแยกได้ดังนี้
1) การทักทายปราศรัย
การพูดชนิดนี้เป็นการช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันทั้งผู้ที่เรารู้จักอยู่แล้วหรือผู้ที่เรายังเคยไม่รู้จัก
โดยการพูดชนิดนี้ผู้พูดควรยิ้มแย้มและไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น เมื่อเราทักทายผู้ที่อาวุโสมากกว่า
ก็ควรที่จะกล่าวคำว่า สวัสดีครับ พร้อมทั้งพนมมือไหว้ การกระทำดังกล่าวนั้นจะก่อให้เกิดไมตรีจิตแก่กัน
ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง
2) การแนะนำตนเอง
การแนะนำตัวเองนั้นมีความสำคัญในการดำเนินชีวิตในชีวิตประจำวัน เพราะเราต้องได้พบ ได้รู้จัก
กับคนอื่นๆอยู่เสมอ การแนะนำตนเองมี 3 โอกาสสำคัญ ดังนี้
- การแนะนำตนเองในที่สาธารณะ การแนะนำชนิดนี้ควรจะพูดจากันเล็กน้อยก่อนแล้ว
ค่อยแนะนำตัว มิใช่ว่าจู่ๆก็แนะนำตัวขึ้นมา
- การแนะนำตนเองในการทำกิจธุระ การแนะนำชนิดนี้มักจะต้องไปพบผู้ที่ยังไม่รู้จักกันซึ่งจะต้อง
นัดหมายไว้ล่วงหน้า ควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไปให้ตรงตามเวลานัด แนะนำตนเองด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
ไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป
- การแนะนำตนเองในกลุ่มย่อย ควรแนะนำตนเองเพื่อให้เกิดความเป็นกันเอง และสามารถคุย
หรือประชุมได้อย่างสะดวกใจยิ่งขึ้น
3) การสนทนา
เป็นกิจกรรมที่บุคคลสองคนหรือมากกว่านั้น พูดคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ความรู้สึก
และประสบการณ์ระหว่างกันอย่างไม่เป็นทางการ แบ่งได้ 2 แบบคือ
- การสนทนาระหว่างบุคคลที่คุ้นเคยกัน การสนทนาชนิดนี้ผู้พูดไม่ต้องคำนึงถึงมากนัก
แต่ก็ไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
- การสนทนากับบุคคลแรกรู้จัก ควรที่จะสำรวมถ้อยคำ กิริยา มารยาท ควรจะสังเกตว่า
คู่สนทนานั้นชอบพูดหรือชอบฟัง

• การพูดในกลุ่ม
การพูดในกลุ่มนั้นเป็นกิจกรรมที่สำคัญในสมัยปัจจุบัน ทั้งในชีวิตประจำวันและในการศึกษา
โดยเฉพาะในการศึกษานั้นหากมีการแบ่งกลุ่มให้ทุกคนได้ช่วยกันออกความคิดเห็น ก็จะเป็นการเสริมสร้าง
ทั้งด้านความคิด และด้านทักษะภาษา
1) การเล่าเรื่องที่ได้อ่านหรือฟังมา
การเล่าเรื่องที่ตนได้อ่านหรือฟังมานั้นไม่จำเป็นต้องเล่าทุกเหตุการณ์แต่ควรเล่าแต่ประเด็นที่สำคัญๆ
ภาษาที่ใช้เล่าก็ควรเป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่ายๆ ใช้น้ำเสียงประกอบในการเล่าเรื่อง เช่น เน้นเสียงในตอนที่สำคัญ
รวมไปถึงการใช้กริยาท่าทางประกอบตามความเหมาะสมของเรื่องที่เล่า ผู้เล่าควรเรียงลำดับเรื่องให้ถูกต้อง
และอาจจะสรุปเป็นข้อคิดในตอนท้ายก็ได้
2) การเล่าเหตุการณ์
ในชีวิตประจำวันของเรานั้น มักจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ ในบางครั้งผู้พูดก็มีความจำเป็น
ที่จะต้องเล่าเหตุการณ์นั้นให้ผู้อื่นฟัง อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจ ตื่นเต้น โดยการที่จะเล่าเหตุการณ์นั้นๆ
ให้น่าสนใจ ก็ควรที่จะเริ่มต้นด้วยการแสดงเหตุผลว่าเหตุการณ์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจยังไง ใช้ถ้อยคำและภาษา
สำนวนที่ทำให้ผู้ฟังได้เห็นภาพ เล่าเหตุการณ์ให้ต่อเนื่องกันเพื่อผู้ฟังจะได้ติดตามเรื่องได้ดี น้ำเสียงชัดเจน
เน้นตอนที่สำคัญ ใช้ท่าทาง กิริยาประกอบในการเล่าด้วยเพื่อที่จะได้ดูเป็นธรรมชาติ แหละสุดท้ายควรที่จะ
แสดงข้อคิดเพิ่มเติมตามสมควร
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
4. the elements of speech The nature of speech generally has the following elements. 1.) speakers She serves the process through the media, the audience. She must have the ability to use both science.And the art of self expression to convey feelings to the audience, completely, fully. The ability ofThe speakers are made to understand how much it surely depends on the following: -She has the ability to use the language of the voice and demeanor, just how she has a point of view against the story.To speak and to listen to people? Speaker's level of knowledge is very deep and speaking a speaker as a social. Political ethics and culture in basic level 2) substances content that she sent a valuable and worthwhile to make the time of the audience. Those who say send it to prepare and such selection procedures and ordered self training speaker.The other one. 3) media refer to take message to the listeners: time and weather around, eyes, ears, nose, recognition.Valve body, also including the electronic media. Others, such as radio, tv, movies, etc. 4) audience audience are in a position to get people talking through the media are providing listeners will be able to get the substance.With the intent of many speakers, or depends on other things, such as your interests, skills, background knowledge.The culture and attitudes of the audience. The reaction from the audience, 5) while the audience receives the message and translates it to reaction, such as.When I say good or satisfactory, it will exfoliate to raise applause laugh. And demonstrate the admiration with listenBut when I say were not satisfied, they will not have to shout and demonstrate to hate and conflict towards the speaker, etc.5. send the message by saying Speaking with a human focus to us very much. No matter what activity is composed of? PartOf the teaching and speaking training. Which is to say that there is a performance problem is due to the observation and practice? (A powerful speech refers to speech that is clear. To say the idea of the story or the speaker speaks.Can collect browsing content) is divided into two spoken dialogue between people? And speaking in a group • Interpersonal dialogue It is not speech. No content limits, of course, both the speaker and the audience was not prepared to advance.But it is the most commonly used speech. Used in everyday life. Speaking of this kind enough to split. Greeting speech 1) This type of speech is to help create a relationship they both we know or we have not known. Generally, this type of speech and speaker (s) and should not interfere with personal stories of others. When we greet senior people moreIt should also be mentioned the word Hello with a hand salute to Wai. Doing so will cause each other hospitality.Both the speaker and the audience. 2.) to introduce ourselves. To introduce myself, it is vital to life on a daily basis because we want to be recognized.Always with others. Self introduction there are three key opportunities: -Introduce yourself in public. The introduction of this type should be small and Basic.Little by little, not that all of a sudden it's self introduction. -To introduce ourselves in the errand done. For this type of suggestion is often required to find someone who is not yet known.Appointments in advance should be dressed, polite, neat to meet appearances. Introduce yourself with a gentle toneTherefore, no or too little -To introduce themselves in small groups should introduce themselves to achieve and can talk.Or easily. 3) discussion. Is two or more people. Talk together to exchange knowledge, ideas, feelings.And the experience of the informal break 2 The discussion between individuals-are familiar. This type of discussion, regardless of the speaker. But it should not interfere with the personal story of each other. The first known person to chat with-it should be samruam words manners should be observed that the.People like to listen to it whatsoever, or • Speak in the group. Speaking to a group that is critical in the current activities, both in everyday life and in education.In the study, if it is breaking down, everyone has a opinion, help would be to strengthen.Both the ideas and the language skills. 1) การเล่าเรื่องที่ได้อ่านหรือฟังมา การเล่าเรื่องที่ตนได้อ่านหรือฟังมานั้นไม่จำเป็นต้องเล่าทุกเหตุการณ์แต่ควรเล่าแต่ประเด็นที่สำคัญๆภาษาที่ใช้เล่าก็ควรเป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่ายๆ ใช้น้ำเสียงประกอบในการเล่าเรื่อง เช่น เน้นเสียงในตอนที่สำคัญ รวมไปถึงการใช้กริยาท่าทางประกอบตามความเหมาะสมของเรื่องที่เล่า ผู้เล่าควรเรียงลำดับเรื่องให้ถูกต้องและอาจจะสรุปเป็นข้อคิดในตอนท้ายก็ได้ 2) การเล่าเหตุการณ์ ในชีวิตประจำวันของเรานั้น มักจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ ในบางครั้งผู้พูดก็มีความจำเป็นTo listen tell it, others might not be as excited by the impressive event that will tell the event.It should be interesting to start with the reason that this event is a matter of interest? Use words and language.Idioms, listening to an event, but a continuous narrative to the audience is great. Water sounds clearly. Highlight important steps using gestures The story with the character to look natural. The last point should beShow more comments as necessary.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: