กฎหมายเกิดมาพร้อมกับการที่มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นองค์กรทางสังคมกฎหมายจึง การแปล - กฎหมายเกิดมาพร้อมกับการที่มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นองค์กรทางสังคมกฎหมายจึง อังกฤษ วิธีการพูด

กฎหมายเกิดมาพร้อมกับการที่มนุษย์อยู

กฎหมายเกิดมาพร้อมกับการที่มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นองค์กรทางสังคมกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่มีอยู่เคียงคู่กับชุมชนมาตั้งแต่เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์แล้ว เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันเป็นหมู่เหล่าย่อมต้องจำกัดความประพฤติของตนเองให้อยู่ในลักษณะที่จะไม่ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นในขณะเดียวกันก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ชุมชนเห็นว่าดีงามด้วย การประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นในชุมชน ย่อมทำให้ผู้นั้นได้รับผลร้าย ข้อประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ได้มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาโดยการบอกเล่าของคนในชุมนุมชนนั้นๆ จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งจนกลายเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า “กฎหมายจารีตประเพณี” (customary law)[2] เมื่อมนุษย์มีภาษาเป็นสื่อในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันและประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมา จึงได้มีการนำเอากฎหมายมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นการชัดแจ้งแน่นอนเรียกกันว่า “กฎหมายลายลักษณ์อักษร” (written law) กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความเก่าแก่ที่สุดได้แก่ ประมวลกฎหมายของกษัตริย์ฮัมมูราบี(code of Hammurabi) แห่งอาณาจักรบาบิโลน ซึ่งมีความเก่าแก่ประมานว่าอยู่ที่ปี 2250 ถึง 2000 ปีก่อนคริสตกาล เป็นบทบัญญัติกฎหมายที่สลักลงไปบนแผ่นศิลาไดโอไรต์ (diorite stone) ด้วยตัวอักษรลิ่ม (cuneiform) หลักกฎหมายที่สำคัญในประมวลกฎหมายของกษัตริย์ฮัมมูราบี ได้แก่ หลักการลงโทษระบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน (an eye for an eye, a tooth for a tooth) หรือที่เรียกกันว่า Lex Talionis เป็นบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันกับการกระทำแก่ผู้อื่น กล่าวคือ ถ้าหากมีการกระทำแก่ผู้อื่นในลักษณะอย่างไร ผู้กระทำก็จะได้รับผลร้ายในลักษณะอย่างเดียวกัน ซึ่งการลงโทษในลักษณะเช่นนี้ได้รับการแก้ไขโดยกฎหมายของชาวยิว (Jewish Law) ที่กำหนดว่า บิดาย่อมไม่ต้องรับโทษถึงตายเพราะการกระทำของบุตร บุตรก็ไม่ต้องรับโทษถึงตายเพราะการกระทำของบิดา มนุษย์ทุกคนต้องรับโทษถึงตายเพราะการกระทำบาปของตนเอง[3] จึงเห็นได้ว่ากฎหมายชาวยิวเน้นความรับผิดทางอาญาว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ใช่ความรับผิดอันเนื่องมาจากครอบครัวหรือความเป็นญาติ กล่าวกันว่า กฎหมายของพวกชาวยิวมีความเก่าแก่น้อยกว่าประมวลกฎหมายของกษัตริย์ฮัมมูราบี ประมาน 800 ปีเศษ กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความสำคัญต่อกฎหมายปัจจุบันและมีความเก่าแก่รองลงมาอีกได้แก่กฎหมายโรมัน (Roman Law) ซึ่งบัญญัติขึ้นมาเมื่อปี 451 ก่อนคริสตกาล ต่อมามีกฏหมายลายลักษณ์อักษรที่ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกนั้นก็คือ แม็กนาคาต้า เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าจอห์นในระหว่าง ค.ศ. 1199-1216 (Magna Carta) หรือ (The Great Charter of Liberties) มีทั้งหมด 63 ข้อถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกฏหมายรัฐธรรมนูญอังกฤษซึ่งเป็นกฏหมายที่ริดรอนอำนาจและขจัดการกระทำที่ไม่ชอบของพระเจ้าจอห์น นอกจากนี้ยังเป็นกฏหมายที่มีผลกระทบต่อระบบกฏหมายและศาลหลวงด้วย
ทำไมประวัติศาสตร์กฎหมายถึงสำคัญกับนักกฎหมาย
1. กล่าวกันว่ากฎหมายเป็นเรื่องของประสบการณ์ บางครั้งบทบัญญัติของกฎหมายก็ไม่ได้เป็นไปตามหลักตรรกวิทยา บางครั้งต้องอาศัยประวัติศาสตร์มาอธิบายถึงที่มาของบทบัญญัติกฎหมาย จึงจะเข้าใจถึงเหตุผลของกฎหมาย เช่น ในขณะที่ประเทศต่างๆ ศาลทั้งหลายเป็นองค์กรอิสระ แต่ศาลยุติธรรมของไทยกลับเคยสังกัดกระทรวงยุติธรรม[15] ซึ่งเป็นองค์กรของฝ่ายบริหาร ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการจะทราบว่าเพราะเหตุใดศาลยุติธรรมของไทยเคยสังกัดกระทรวงยุติธรรม เราก็ต้องไปศึกษาในประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรม ร.ศ. 110 (พ.ศ.2434) หรือเพราะเหตุใดศาลหลวง (Royal Court) ของประเทศอังกฤษจึงมีชื่อเรียกต่างๆกัน ตัวอย่างต่างๆเหล่านี้คงต้องนำประวัติศาสตร์มาอธิบายจึงจะสามารถตอบคำถามต่างๆข้างต้นได้ ณ จุดนี้ประวัติศาสตร์หนึ่งหน้าย่อมมีค่ามากกว่าตรรกวิทยาหนึ่งเล่ม
2. ทำให้เราทราบถึงที่มาแห่งหลักเกณฑ์ต่างของกฎหมาย เช่น ทำให้เราทราบว่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทยแบ่งทรัพย์ออกเป็น ทรัพย์มีรูปร่าง และทรัพย์ไม่มีรูปร่าง โดยแบ่งออกเป็นอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ตามแบบอย่างกฎหมายโรมัน ในขณะที่กฎหมายไทยแต่เดิมเคยแบ่งทรัพย์ออกเป็น ทรัพย์มีวิญญาณ (วิญญาณกทรัพย์) และทรัพย์ไม่มีวิญญาณ (อวิญญาณกทรัพย์) เป็นต้น
3. ทำให้เราทราบเจตนารมณ์ และขอบเขตของกฎหมาย ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์กฎหมายย่อมทราบถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขอบเขตของกฎหมายเป็นอย่างดี การรู้เจตนารมณ์ และ ขอบเขตของกฎหมาย ทำให้สามารถใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตีความกฎหมายตามตัวอักษรขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย เราต้องถือตามเจตนารม์ของกฎหมายเป็นสำคัญยิ่งกว่าความหมายของกฎหมายตามลายลักษณ์อักษร[16]
4. ทำให้เราทราบถึงที่มาของรูปแบบการปกครองของประเทศต่างๆ ตลอดจนความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นในการพัฒนาของแต่ละประเทศ
5. ทำให้เราทราบถึงวิธีการต่างๆที่มนุษย์คิดกันขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสังคมในกาลเวลาและสถานที่แตกต่างกัน
6. ประวัติศาสตร์กฎหมายนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมโลก การศึกษาประวัติศาสตร์กฎหมายย่อมทำให้เราได้ศึกษาอารยธรรมโลกโดยปริยาย
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
กฎหมายเกิดมาพร้อมกับการที่มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นองค์กรทางสังคมกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่มีอยู่เคียงคู่กับชุมชนมาตั้งแต่เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์แล้ว เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันเป็นหมู่เหล่าย่อมต้องจำกัดความประพฤติของตนเองให้อยู่ในลักษณะที่จะไม่ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นในขณะเดียวกันก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ชุมชนเห็นว่าดีงามด้วย การประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นในชุมชน ย่อมทำให้ผู้นั้นได้รับผลร้าย ข้อประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ได้มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาโดยการบอกเล่าของคนในชุมนุมชนนั้นๆ จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งจนกลายเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า “กฎหมายจารีตประเพณี” (customary law)[2] เมื่อมนุษย์มีภาษาเป็นสื่อในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันและประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมา จึงได้มีการนำเอากฎหมายมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นการชัดแจ้งแน่นอนเรียกกันว่า “กฎหมายลายลักษณ์อักษร” (written law) กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความเก่าแก่ที่สุดได้แก่ ประมวลกฎหมายของกษัตริย์ฮัมมูราบี(code of Hammurabi) แห่งอาณาจักรบาบิโลน ซึ่งมีความเก่าแก่ประมานว่าอยู่ที่ปี 2250 ถึง 2000 ปีก่อนคริสตกาล เป็นบทบัญญัติกฎหมายที่สลักลงไปบนแผ่นศิลาไดโอไรต์ (diorite stone) ด้วยตัวอักษรลิ่ม (cuneiform) หลักกฎหมายที่สำคัญในประมวลกฎหมายของกษัตริย์ฮัมมูราบี ได้แก่ หลักการลงโทษระบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน (an eye for an eye, a tooth for a tooth) หรือที่เรียกกันว่า Lex Talionis เป็นบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันกับการกระทำแก่ผู้อื่น กล่าวคือ ถ้าหากมีการกระทำแก่ผู้อื่นในลักษณะอย่างไร ผู้กระทำก็จะได้รับผลร้ายในลักษณะอย่างเดียวกัน ซึ่งการลงโทษในลักษณะเช่นนี้ได้รับการแก้ไขโดยกฎหมายของชาวยิว (Jewish Law) ที่กำหนดว่า บิดาย่อมไม่ต้องรับโทษถึงตายเพราะการกระทำของบุตร บุตรก็ไม่ต้องรับโทษถึงตายเพราะการกระทำของบิดา มนุษย์ทุกคนต้องรับโทษถึงตายเพราะการกระทำบาปของตนเอง[3] จึงเห็นได้ว่ากฎหมายชาวยิวเน้นความรับผิดทางอาญาว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ใช่ความรับผิดอันเนื่องมาจากครอบครัวหรือความเป็นญาติ กล่าวกันว่า กฎหมายของพวกชาวยิวมีความเก่าแก่น้อยกว่าประมวลกฎหมายของกษัตริย์ฮัมมูราบี ประมาน 800 ปีเศษ กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความสำคัญต่อกฎหมายปัจจุบันและมีความเก่าแก่รองลงมาอีกได้แก่กฎหมายโรมัน (Roman Law) ซึ่งบัญญัติขึ้นมาเมื่อปี 451 ก่อนคริสตกาล ต่อมามีกฏหมายลายลักษณ์อักษรที่ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกนั้นก็คือ แม็กนาคาต้า เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าจอห์นในระหว่าง ค.ศ. 1199-1216 (Magna Carta) หรือ (The Great Charter of Liberties) มีทั้งหมด 63 ข้อถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกฏหมายรัฐธรรมนูญอังกฤษซึ่งเป็นกฏหมายที่ริดรอนอำนาจและขจัดการกระทำที่ไม่ชอบของพระเจ้าจอห์น นอกจากนี้ยังเป็นกฏหมายที่มีผลกระทบต่อระบบกฏหมายและศาลหลวงด้วยทำไมประวัติศาสตร์กฎหมายถึงสำคัญกับนักกฎหมาย1. กล่าวกันว่ากฎหมายเป็นเรื่องของประสบการณ์ บางครั้งบทบัญญัติของกฎหมายก็ไม่ได้เป็นไปตามหลักตรรกวิทยา บางครั้งต้องอาศัยประวัติศาสตร์มาอธิบายถึงที่มาของบทบัญญัติกฎหมาย จึงจะเข้าใจถึงเหตุผลของกฎหมาย เช่น ในขณะที่ประเทศต่างๆ ศาลทั้งหลายเป็นองค์กรอิสระ แต่ศาลยุติธรรมของไทยกลับเคยสังกัดกระทรวงยุติธรรม[15] ซึ่งเป็นองค์กรของฝ่ายบริหาร ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการจะทราบว่าเพราะเหตุใดศาลยุติธรรมของไทยเคยสังกัดกระทรวงยุติธรรม เราก็ต้องไปศึกษาในประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรม ร.ศ. 110 (พ.ศ.2434) หรือเพราะเหตุใดศาลหลวง (Royal Court) ของประเทศอังกฤษจึงมีชื่อเรียกต่างๆกัน ตัวอย่างต่างๆเหล่านี้คงต้องนำประวัติศาสตร์มาอธิบายจึงจะสามารถตอบคำถามต่างๆข้างต้นได้ ณ จุดนี้ประวัติศาสตร์หนึ่งหน้าย่อมมีค่ามากกว่าตรรกวิทยาหนึ่งเล่ม2. ทำให้เราทราบถึงที่มาแห่งหลักเกณฑ์ต่างของกฎหมาย เช่น ทำให้เราทราบว่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทยแบ่งทรัพย์ออกเป็น ทรัพย์มีรูปร่าง และทรัพย์ไม่มีรูปร่าง โดยแบ่งออกเป็นอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ตามแบบอย่างกฎหมายโรมัน ในขณะที่กฎหมายไทยแต่เดิมเคยแบ่งทรัพย์ออกเป็น ทรัพย์มีวิญญาณ (วิญญาณกทรัพย์) และทรัพย์ไม่มีวิญญาณ (อวิญญาณกทรัพย์) เป็นต้น
3. ทำให้เราทราบเจตนารมณ์ และขอบเขตของกฎหมาย ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์กฎหมายย่อมทราบถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขอบเขตของกฎหมายเป็นอย่างดี การรู้เจตนารมณ์ และ ขอบเขตของกฎหมาย ทำให้สามารถใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตีความกฎหมายตามตัวอักษรขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย เราต้องถือตามเจตนารม์ของกฎหมายเป็นสำคัญยิ่งกว่าความหมายของกฎหมายตามลายลักษณ์อักษร[16]
4. ทำให้เราทราบถึงที่มาของรูปแบบการปกครองของประเทศต่างๆ ตลอดจนความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นในการพัฒนาของแต่ละประเทศ
5. ทำให้เราทราบถึงวิธีการต่างๆที่มนุษย์คิดกันขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสังคมในกาลเวลาและสถานที่แตกต่างกัน
6. ประวัติศาสตร์กฎหมายนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมโลก การศึกษาประวัติศาสตร์กฎหมายย่อมทำให้เราได้ศึกษาอารยธรรมโลกโดยปริยาย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
The law was born with the common man is a social enterprise law is something that is synonymous with community since ancient times already. When humans live together in these categories will be defined in such a way that their behavior is not going to cause damage to others at the same time, they must behave in a community that is pretty good too. Conduct of things to cause damage to others in the community. Would the results have been disastrous. An act such as this continue to be broadcast by telling a congregation of people in it. From one generation to another person into something called. "Customary law" (customary law) [2] When the human languages ​​as a medium of mutual understanding and calligraphy up. We have adopted a written law is explicitly called. "Unwritten law" (written law) statute is also the oldest. Code of King Hammurabi (code of Hammurabi) of Babylon. Which is as old as the years approximately 2250 to 2000 BC. The law carved into the stone Diomedes Wright (diorite stone) with the letter wedge (cuneiform) legal principle in the Code of King Hammurabi, including the sanctions system, an eye for an eye (an eye. for an eye, a tooth for a tooth), also known as Lex Talionis a punishment to the offender in the same manner as the others, ie if it is done in a manner to others, however. The act would be disastrous in the same manner. The penalties in this way is fixed by the law of the Jews (Jewish Law), given that his father would not have been put to death because of the actions of their children. Children will not be put to death because of his actions. All men have been put to death because of the sin of self [3] We see that the Jewish law on criminal liability that is unique. No liability stemming from the family or the relatives said that the law of the Jews are old less than the Code of King Hammurabi, approximately 800 years old scrap statutory law with a focus on current law and. the oldest, followed by another such law Roman (Roman Law) which was enacted last year 451 BC, later, a law written is considered the first constitution that is Max Bank's happened in the reign of King. John, between AD 1199-1216 (Magna Carta) or (The Great Charter of Liberties) are all 63 items considered to be the beginning of the British Constitution, the law and deprived of power. Elimination Act of God does not like John. It is also legal to have an impact on the legal system and Salhlwg by
law to why history matters to the lawyers
first. Said the law is a matter of experience. Some provisions of the law, it is not logical. Sometimes relies on history to explain the origin of the law. To understand the reason of such a law, while countries. Courts are an independent organization But the Court of Justice of Thailand was back under the Ministry of Justice [15], the organization of the executive branch, so if we want to know why the Court of Justice of Thailand was under the Ministry of Justice. We also need to study in the Department of Justice announced the establishment of Rs 110 (2434), or why Salhlwg (Royal Court) of England is called differently. An example of this would be to explain the history to be able to answer the above question at this point is indeed a historical one, page one logical volume is greater than
two. We know the origins of the rules of international law as we know that the Civil and Commercial Code of Thailand issued a split estate. Shaped estate And intangible assets Divided into real estate And movable typical Roman law While the law originally had divided the estate into Thailand. Soul estate (Wiyyanktrapis) and the estate has no soul. (Inanimate possessions), etc.
3. We know the intentions. And the scope of the law Who studied law, history would know the spirit of the law. And the scope of the law as well. Knowing the purpose and scope of the legislation. Making it possible to apply the law correctly. Especially when interpreting the law literally contrary to the spirit of the law. We must follow the intent of the law, the time is more important than the meaning of the law as written, [16]
4. We know the origins of the style of governance of the country. As well as the confidence and commitment of each country to develop
five. We know the ways in which the human mind to solve social problems in a different time and place
sixth. The legislative history of that part of the world civilization. The law will allow us to study the history of world civilization by default.
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Law was born with that human beings live together as a social enterprise law is what exist side by side with the community since prehistory.His behave what go causes damage to others in the community. Surely the have terrible results. An act like this are transmitted the lasting derived by the congregation that tells of the people"Common law" (customary law) [2] when human language is the media to understand each other และประดิษฐ์ characters. Had the legal writing is obvious, of course, called.(written law) written law with the oldest include The code of Hammurabi (code of Hammurabi) of the kingdom of Babylon, which are old like that in years to 2000 2250 BC.(diorite stone) with the letter the wedge (cuneiform) of the code of Hammurabi, including principles of punishment system, an eye for an eye. A tooth for a tooth (an eye for, an eyeA tooth for a tooth) or so-called Lex Talionis punishment to the offender in the same manner, with action to others. That is, if has done to others in style? The action will be disastrous consequences in the same thing.(Jewish Law) required that the fathers shall not be put to death because of the actions of children. The children will not be put to death because of the actions of his father. Every man be put to death for the sin of their 3 [].Not a liability due to family or kinship, is said to the law of the people there old Yi less code of Hammurabi. About 800 years.(Roman Law) which defined the 451 BC. Later, the law that is considered to be the first written constitution that innovation cata happened during the reign of John, King during C.Prof.1199-1216 (Magna Carta) or (The Great Charter of Liberties) are all 63 number is considered to be the beginning of British constitutional law which is the law that overpower and eliminate the action didn't like my God, John.Why the history of matter with lawyers
1.Said that the law is a matter of experience. Sometimes, the provisions of the law, it does not adhere to the principle of logic. Sometimes relies on history to explain the origins of the provisions of law. To understand the reason of the law, such asThe court shall be independent agencies. But the court of justice of back ever under the Ministry of justice [15]. Which is an organization of the management. So if we want to know why ศาลยุติธรรมของไทย ever under the Ministry of justice.Dr.Professor 110 (1999)2434) or why ศาลหลวง (Royal Court) of England is called services. Examples of these various must bring history to explain the various can answer the question above.2.We know the origins of the rules of law. As we know that the civil and commercial code divided into Thai property property has the shape. Property and no shape, divided into real estate.While originally used to divide property into Thai law, estate is the spirit (วิญญาณกทรัพย์) and riches do not have a soul (non-living thing) etc.
.3.We know the spirit and scope of the law. Those who study the history of law is the spirit of the law. And scope of law as well, knowing the spirit and scope of the law to use the law correctly.We must follow the law of รม์ intention is more important meaning of law according to written [16]
.4. We know origins of forms of government in various countries. As well as the confidence and commitment in the development of each country
5.Do we know how many humans thinking to solve social problems in different time and space
6.The history of this part of the world civilization. Study of legal history makes us to study the world civilization implicitly
.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: