หญิงชรานางหนึ่งเล่าความว่า ในเมืองทิพย์ชื่อ เดอะมัวส์ (The Moors) ซึ่ง การแปล - หญิงชรานางหนึ่งเล่าความว่า ในเมืองทิพย์ชื่อ เดอะมัวส์ (The Moors) ซึ่ง อังกฤษ วิธีการพูด

หญิงชรานางหนึ่งเล่าความว่า ในเมืองท

หญิงชรานางหนึ่งเล่าความว่า ในเมืองทิพย์ชื่อ เดอะมัวส์ (The Moors) ซึ่งประชิดติดเมืองมนุษย์ เทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ มาเลฟิเซนต์ ได้พบและรักมนุษย์หนุ่มชื่อ สเตฟาน ผู้มีใจใคร่จะเป็นราชา แต่ยิ่งนานวัน ทั้งคู่ก็ยิ่งห่างกัน จนวันหนึ่งสเตฟานเลิกมาหานาง ต่อมา พระเจ้าเฮนรี กษัตริย์เมืองมนุษย์ ยกรี้พลมาตีเมืองทิพย์ แต่ทรงแพ้แก่มาเลฟิเซนต์ จึงทรงกริ้วโกรธเป็นกำลัง มีรับสั่งว่า ผู้ใดตามล้างผลาญนางเพื่อแก้แค้นแทนพระองค์ได้ จะให้ผู้นั้นสืบบัลลังก์ สเตฟานสบช่องขึ้นเป็นใหญ่ จึงกลับไปหามาเลฟิเซนต์ในคืนหนึ่ง เขาวางยานาง แต่หักใจปลิดชีวิตนางไม่ลง เขาจึงใช้เหล็กอันเป็นวัตถุมีอำนาจสังหารเทพธิดาตัดปีกนางออก แล้วแสดงปีกนั้นในเมืองมนุษย์เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า เขาได้ฆ่านางแล้ว มาเลฟิเซนต์หัวใจแหลกลาญ จึงหันไปสร้างดินแดนอนธการอยู่ในเมืองทิพย์นั้น แล้วรับเอานกกาชื่อ เดียวัล มาเป็นคนสนิท ให้มีฤทธิ์แปลงกายได้นานัปการ
วันหนึ่ง ดีอาวัลมาแจ้งว่า สเตฟานได้เสวยราชย์ในเมืองมนุษย์แล้ว บัดนี้ กำลังสมโภชพระธิดาที่เพิ่งประสูติมีพระนามว่า ออโรรา เพื่อแก้แค้นสเตฟาน มาเลฟิเซนต์จึงบุกไปงานสมโภชโดยมิได้รับเชิญ แล้วสาปพระกุมารีให้ทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีในวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหกและบรรทมไปตลอดกาล พระเจ้าสเตฟานทรงขอให้นางปรานี นางจึงทูลว่า คำสาปนี้แก้ได้ด้วยจุมพิตแห่งรักแท้ แล้วก็จากไป พระเจ้าสเตฟานทรงเกรงมาเลฟิเซนต์จะเคียดแค้นพระองค์ยิ่งนัก จึงรับสั่งให้ริบเครื่องปั่นฝ้ายทั้งหมดในแว่นแคว้น แล้วให้นางฟ้าสามองค์นำพระธิดาไปกักเก็บไว้ในป่าจนกว่าจะลุวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหก
นางฟ้าสามทั้งสามนั้นสะเพร่า มิได้เอาใจใส่พระธิดาตามสมควร มาเลฟิเซนต์จึงมาปรนนิบัติพัดวีอยู่ไม่ห่าง แม้เดิมจะจงเกลียดจงชังมากก็ตาม ครั้นพระธิดาเจริญพระชันษาที่สิบห้า ก็เสด็จไปพบมาเลฟิเซนต์ ทรงให้รู้สึกเสมือนว่า มาเลฟิเซนต์เฝ้าคุ้มครองป้องกันพระองค์เสมอมา จึงทรงเชื่อว่า มาเลฟิเซนต์เป็น "แม่ทูนหัว" (godmother) ของพระองค์ มาเลฟิเซนต์เองเมื่อให้พระธิดาพำนักอยู่กับตนนานเข้า ก็เริ่มตระหนักว่า ตนรักพระธิดามากเพียงไร นางจึงพยายามเพิกถอนคำสาปให้ แต่ไร้ผล
ภายหลัง ออโรราพบเจ้าชายรูปงามพระนามว่า ฟิลลิป ที่กำลังเสด็จไปวังพระเจ้าสเตฟาน ทั้งสองมีใจปฏิพัทธ์กันในบัดดล เจ้าชายฟิลลิปทรงให้คำมั่นว่าจะเสด็จกลับมาหาออโรราให้จงได้ ต่อมาเมื่อวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหกมาถึง ออโรรายังทรงพอพระทัยจะอยู่กับมาเลฟิเซนต์มากกว่าจะเสด็จกลับเมืองมนุษย์ มาเลฟิเซนต์เองก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น คิดว่า คงช่วยป้องปัดมิให้คำสาปสัมฤทธิ์ผลได้ ทว่า นางฟ้าทั้งสามรุดมาแถลงว่า เป็นมาเลฟิเซนต์ที่สาปออโรรามาแต่พระเยาว์ ออโรราทรงฟังแล้วก็พระทัยสลาย เสด็จหนีมาเลฟิเซนต์คืนสู่วังพระบิดา
พระเจ้าสเตฟานทรงขังออโรราไว้ในวังจนกว่าวันเฉลิมพระชนม์จะพ้นไป กระนั้น ออโรราเสด็จไปพบเครื่องปั้นฝ้ายที่ริบไว้แต่เดิม และทรงถูกเข็มตำนิ้วพระหัตถ์ คำสาปเป็นอันบรรลุผล มาเลฟิเซนต์เสียใจที่ไม่อาจปกป้องพระธิดาได้ จึงลอบพาเจ้าชายฟิลลิปมาสู่วัง หวังใจว่า ที่เจ้าชายเจ้าหญิงได้ทรงพบกันในป่านั้น แม้จะเป็นเวลาอันสั้น ก็อาจช่วยให้บังเกิดรักแท้มาแก้คำสาปได้ เจ้าชายฟิลลิปทรงบรรจงจุมพิตออโรรา แต่ว่าไม่เป็นผล มาเลฟิเซนต์ก็เสียใจหนัก จึงปวารณาจะพิทักษ์รักษาพระธิดาจากเภทภัยทั้งหลายจนกว่าจะทรงฟื้นคืนพระชนม์ กล่าวแล้วก็จุมพิตพระนลาฏพระธิดาด้วยความรัก ฉับพลัน พระธิดาทรงตื่นจากพระบรรทม มาเลฟิเซนต์จึงเข้าใจว่า รักใดในโลกนี้ก็ไม่จริงแท้เท่ารักที่แม่มีให้ลูก พระธิดาทรงเรียกขานมาเลฟิเซนต์ว่า "แม่ทูนหัว" ด้วยทรงซาบซึ้งถึงความรักประหนึ่งมารดาที่มาเลฟิเซนต์มีให้ และทรงอภัยมาเลฟิเซนต์ในทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
พระธิดายังทรงปรารถนาจะกลับไปอยู่กับมาเลฟิเซนต์ในเมืองทิพย์ มาเลฟิเซนต์จึงพาเสด็จหนี ทว่า พระเจ้าสเตฟานเสด็จมาขวางและทรงใช้ข่ายเหล็กจับมาเลฟิเซนต์ไว้ได้ ทแกล้วทหารของพระองค์พร้อมด้วยศัสตราวุธทำด้วยเหล็กกล้าจึงเตรียมฆ่านาง มาเลฟิเซนต์ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายจำแลงนกกาดีอาวัลเป็นมังกรเพื่อช่วยให้นางกับพระธิดาหนีไป แต่ทัพมนุษย์กล้าแกร่งนัก ในโมงยามที่มาเลฟิเซนต์กำลังจะถูกประหารนั้นเอง เจ้าหญิงออโรราถอดปีกของมาเลฟิเซนต์ที่รักษาไว้ในคุกออกมาคืนให้ มาเลฟิเซนต์จึงได้ฟื้นฤทธานุภาพโดยบริบูรณ์ และเอาชนะพระเจ้าสเตฟานได้ มาเลฟิเซนต์ละเว้นพระชนม์โดยขอให้เลิกรากันเท่านี้ ก่อนที่นางจะพาพระธิดาบินจากไป ทว่า พระเจ้าสเตฟานไม่ทรงยอมแพ้ ทรงโผนไปเกาะมาเลฟิเซนต์ไว้ มาเลฟิเซนต์ทรงตัวไว้ได้ แต่พระเจ้าสเตฟานนั้นทรงพลัดตกลงสู่เบื้องล่างถึงแก่พระชนมชีพ
ครั้นแล้ว มาเลฟิเซนต์ก็รวมเมืองทิพย์เมืองคนเข้าเป็นหนึ่ง และตั้งออโรราปกครอง ตอนท้ายปรากฏว่า หญิงเฒ่าผู้เล่าเรื่องนั้นคือออโรราในบั้นปลายพระชนม์
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
หญิงชรานางหนึ่งเล่าความว่า ในเมืองทิพย์ชื่อ เดอะมัวส์ (The Moors) ซึ่งประชิดติดเมืองมนุษย์ เทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ มาเลฟิเซนต์ ได้พบและรักมนุษย์หนุ่มชื่อ สเตฟาน ผู้มีใจใคร่จะเป็นราชา แต่ยิ่งนานวัน ทั้งคู่ก็ยิ่งห่างกัน จนวันหนึ่งสเตฟานเลิกมาหานาง ต่อมา พระเจ้าเฮนรี กษัตริย์เมืองมนุษย์ ยกรี้พลมาตีเมืองทิพย์ แต่ทรงแพ้แก่มาเลฟิเซนต์ จึงทรงกริ้วโกรธเป็นกำลัง มีรับสั่งว่า ผู้ใดตามล้างผลาญนางเพื่อแก้แค้นแทนพระองค์ได้ จะให้ผู้นั้นสืบบัลลังก์ สเตฟานสบช่องขึ้นเป็นใหญ่ จึงกลับไปหามาเลฟิเซนต์ในคืนหนึ่ง เขาวางยานาง แต่หักใจปลิดชีวิตนางไม่ลง เขาจึงใช้เหล็กอันเป็นวัตถุมีอำนาจสังหารเทพธิดาตัดปีกนางออก แล้วแสดงปีกนั้นในเมืองมนุษย์เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า เขาได้ฆ่านางแล้ว มาเลฟิเซนต์หัวใจแหลกลาญ จึงหันไปสร้างดินแดนอนธการอยู่ในเมืองทิพย์นั้น แล้วรับเอานกกาชื่อ เดียวัล มาเป็นคนสนิท ให้มีฤทธิ์แปลงกายได้นานัปการวันหนึ่ง ดีอาวัลมาแจ้งว่า สเตฟานได้เสวยราชย์ในเมืองมนุษย์แล้ว บัดนี้ กำลังสมโภชพระธิดาที่เพิ่งประสูติมีพระนามว่า ออโรรา เพื่อแก้แค้นสเตฟาน มาเลฟิเซนต์จึงบุกไปงานสมโภชโดยมิได้รับเชิญ แล้วสาปพระกุมารีให้ทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีในวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหกและบรรทมไปตลอดกาล พระเจ้าสเตฟานทรงขอให้นางปรานี นางจึงทูลว่า คำสาปนี้แก้ได้ด้วยจุมพิตแห่งรักแท้ แล้วก็จากไป พระเจ้าสเตฟานทรงเกรงมาเลฟิเซนต์จะเคียดแค้นพระองค์ยิ่งนัก จึงรับสั่งให้ริบเครื่องปั่นฝ้ายทั้งหมดในแว่นแคว้น แล้วให้นางฟ้าสามองค์นำพระธิดาไปกักเก็บไว้ในป่าจนกว่าจะลุวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหกนางฟ้าสามทั้งสามนั้นสะเพร่า มิได้เอาใจใส่พระธิดาตามสมควร มาเลฟิเซนต์จึงมาปรนนิบัติพัดวีอยู่ไม่ห่าง แม้เดิมจะจงเกลียดจงชังมากก็ตาม ครั้นพระธิดาเจริญพระชันษาที่สิบห้า ก็เสด็จไปพบมาเลฟิเซนต์ ทรงให้รู้สึกเสมือนว่า มาเลฟิเซนต์เฝ้าคุ้มครองป้องกันพระองค์เสมอมา จึงทรงเชื่อว่า มาเลฟิเซนต์เป็น "แม่ทูนหัว" (godmother) ของพระองค์ มาเลฟิเซนต์เองเมื่อให้พระธิดาพำนักอยู่กับตนนานเข้า ก็เริ่มตระหนักว่า ตนรักพระธิดามากเพียงไร นางจึงพยายามเพิกถอนคำสาปให้ แต่ไร้ผล
ภายหลัง ออโรราพบเจ้าชายรูปงามพระนามว่า ฟิลลิป ที่กำลังเสด็จไปวังพระเจ้าสเตฟาน ทั้งสองมีใจปฏิพัทธ์กันในบัดดล เจ้าชายฟิลลิปทรงให้คำมั่นว่าจะเสด็จกลับมาหาออโรราให้จงได้ ต่อมาเมื่อวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหกมาถึง ออโรรายังทรงพอพระทัยจะอยู่กับมาเลฟิเซนต์มากกว่าจะเสด็จกลับเมืองมนุษย์ มาเลฟิเซนต์เองก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น คิดว่า คงช่วยป้องปัดมิให้คำสาปสัมฤทธิ์ผลได้ ทว่า นางฟ้าทั้งสามรุดมาแถลงว่า เป็นมาเลฟิเซนต์ที่สาปออโรรามาแต่พระเยาว์ ออโรราทรงฟังแล้วก็พระทัยสลาย เสด็จหนีมาเลฟิเซนต์คืนสู่วังพระบิดา
พระเจ้าสเตฟานทรงขังออโรราไว้ในวังจนกว่าวันเฉลิมพระชนม์จะพ้นไป กระนั้น ออโรราเสด็จไปพบเครื่องปั้นฝ้ายที่ริบไว้แต่เดิม และทรงถูกเข็มตำนิ้วพระหัตถ์ คำสาปเป็นอันบรรลุผล มาเลฟิเซนต์เสียใจที่ไม่อาจปกป้องพระธิดาได้ จึงลอบพาเจ้าชายฟิลลิปมาสู่วัง หวังใจว่า ที่เจ้าชายเจ้าหญิงได้ทรงพบกันในป่านั้น แม้จะเป็นเวลาอันสั้น ก็อาจช่วยให้บังเกิดรักแท้มาแก้คำสาปได้ เจ้าชายฟิลลิปทรงบรรจงจุมพิตออโรรา แต่ว่าไม่เป็นผล มาเลฟิเซนต์ก็เสียใจหนัก จึงปวารณาจะพิทักษ์รักษาพระธิดาจากเภทภัยทั้งหลายจนกว่าจะทรงฟื้นคืนพระชนม์ กล่าวแล้วก็จุมพิตพระนลาฏพระธิดาด้วยความรัก ฉับพลัน พระธิดาทรงตื่นจากพระบรรทม มาเลฟิเซนต์จึงเข้าใจว่า รักใดในโลกนี้ก็ไม่จริงแท้เท่ารักที่แม่มีให้ลูก พระธิดาทรงเรียกขานมาเลฟิเซนต์ว่า "แม่ทูนหัว" ด้วยทรงซาบซึ้งถึงความรักประหนึ่งมารดาที่มาเลฟิเซนต์มีให้ และทรงอภัยมาเลฟิเซนต์ในทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
พระธิดายังทรงปรารถนาจะกลับไปอยู่กับมาเลฟิเซนต์ในเมืองทิพย์ มาเลฟิเซนต์จึงพาเสด็จหนี ทว่า พระเจ้าสเตฟานเสด็จมาขวางและทรงใช้ข่ายเหล็กจับมาเลฟิเซนต์ไว้ได้ ทแกล้วทหารของพระองค์พร้อมด้วยศัสตราวุธทำด้วยเหล็กกล้าจึงเตรียมฆ่านาง มาเลฟิเซนต์ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายจำแลงนกกาดีอาวัลเป็นมังกรเพื่อช่วยให้นางกับพระธิดาหนีไป แต่ทัพมนุษย์กล้าแกร่งนัก ในโมงยามที่มาเลฟิเซนต์กำลังจะถูกประหารนั้นเอง เจ้าหญิงออโรราถอดปีกของมาเลฟิเซนต์ที่รักษาไว้ในคุกออกมาคืนให้ มาเลฟิเซนต์จึงได้ฟื้นฤทธานุภาพโดยบริบูรณ์ และเอาชนะพระเจ้าสเตฟานได้ มาเลฟิเซนต์ละเว้นพระชนม์โดยขอให้เลิกรากันเท่านี้ ก่อนที่นางจะพาพระธิดาบินจากไป ทว่า พระเจ้าสเตฟานไม่ทรงยอมแพ้ ทรงโผนไปเกาะมาเลฟิเซนต์ไว้ มาเลฟิเซนต์ทรงตัวไว้ได้ แต่พระเจ้าสเตฟานนั้นทรงพลัดตกลงสู่เบื้องล่างถึงแก่พระชนมชีพ
ครั้นแล้ว มาเลฟิเซนต์ก็รวมเมืองทิพย์เมืองคนเข้าเป็นหนึ่ง และตั้งออโรราปกครอง ตอนท้ายปรากฏว่า หญิงเฒ่าผู้เล่าเรื่องนั้นคือออโรราในบั้นปลายพระชนม์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
หญิงชรานางหนึ่งเล่าความว่า ในเมืองทิพย์ชื่อ เดอะมัวส์ (The Moors) ซึ่งประชิดติดเมืองมนุษย์ เทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ มาเลฟิเซนต์ ได้พบและรักมนุษย์หนุ่มชื่อ สเตฟาน ผู้มีใจใคร่จะเป็นราชา แต่ยิ่งนานวัน ทั้งคู่ก็ยิ่งห่างกัน จนวันหนึ่งสเตฟานเลิกมาหานาง ต่อมา พระเจ้าเฮนรี กษัตริย์เมืองมนุษย์ ยกรี้พลมาตีเมืองทิพย์ แต่ทรงแพ้แก่มาเลฟิเซนต์ จึงทรงกริ้วโกรธเป็นกำลัง มีรับสั่งว่า ผู้ใดตามล้างผลาญนางเพื่อแก้แค้นแทนพระองค์ได้ จะให้ผู้นั้นสืบบัลลังก์ สเตฟานสบช่องขึ้นเป็นใหญ่ จึงกลับไปหามาเลฟิเซนต์ในคืนหนึ่ง เขาวางยานาง แต่หักใจปลิดชีวิตนางไม่ลง เขาจึงใช้เหล็กอันเป็นวัตถุมีอำนาจสังหารเทพธิดาตัดปีกนางออก แล้วแสดงปีกนั้นในเมืองมนุษย์เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า เขาได้ฆ่านางแล้ว มาเลฟิเซนต์หัวใจแหลกลาญ จึงหันไปสร้างดินแดนอนธการอยู่ในเมืองทิพย์นั้น แล้วรับเอานกกาชื่อ เดียวัล มาเป็นคนสนิท ให้มีฤทธิ์แปลงกายได้นานัปการ
วันหนึ่ง ดีอาวัลมาแจ้งว่า สเตฟานได้เสวยราชย์ในเมืองมนุษย์แล้ว บัดนี้ กำลังสมโภชพระธิดาที่เพิ่งประสูติมีพระนามว่า ออโรรา เพื่อแก้แค้นสเตฟาน มาเลฟิเซนต์จึงบุกไปงานสมโภชโดยมิได้รับเชิญ แล้วสาปพระกุมารีให้ทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีในวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหกและบรรทมไปตลอดกาล พระเจ้าสเตฟานทรงขอให้นางปรานี นางจึงทูลว่า คำสาปนี้แก้ได้ด้วยจุมพิตแห่งรักแท้ แล้วก็จากไป พระเจ้าสเตฟานทรงเกรงมาเลฟิเซนต์จะเคียดแค้นพระองค์ยิ่งนัก จึงรับสั่งให้ริบเครื่องปั่นฝ้ายทั้งหมดในแว่นแคว้น แล้วให้นางฟ้าสามองค์นำพระธิดาไปกักเก็บไว้ในป่าจนกว่าจะลุวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหก
นางฟ้าสามทั้งสามนั้นสะเพร่า มิได้เอาใจใส่พระธิดาตามสมควร มาเลฟิเซนต์จึงมาปรนนิบัติพัดวีอยู่ไม่ห่าง แม้เดิมจะจงเกลียดจงชังมากก็ตาม ครั้นพระธิดาเจริญพระชันษาที่สิบห้า ก็เสด็จไปพบมาเลฟิเซนต์ ทรงให้รู้สึกเสมือนว่า มาเลฟิเซนต์เฝ้าคุ้มครองป้องกันพระองค์เสมอมา จึงทรงเชื่อว่า มาเลฟิเซนต์เป็น "แม่ทูนหัว" (godmother) ของพระองค์ มาเลฟิเซนต์เองเมื่อให้พระธิดาพำนักอยู่กับตนนานเข้า ก็เริ่มตระหนักว่า ตนรักพระธิดามากเพียงไร นางจึงพยายามเพิกถอนคำสาปให้ แต่ไร้ผล
ภายหลัง ออโรราพบเจ้าชายรูปงามพระนามว่า ฟิลลิป ที่กำลังเสด็จไปวังพระเจ้าสเตฟาน ทั้งสองมีใจปฏิพัทธ์กันในบัดดล เจ้าชายฟิลลิปทรงให้คำมั่นว่าจะเสด็จกลับมาหาออโรราให้จงได้ ต่อมาเมื่อวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหกมาถึง ออโรรายังทรงพอพระทัยจะอยู่กับมาเลฟิเซนต์มากกว่าจะเสด็จกลับเมืองมนุษย์ มาเลฟิเซนต์เองก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น คิดว่า คงช่วยป้องปัดมิให้คำสาปสัมฤทธิ์ผลได้ ทว่า นางฟ้าทั้งสามรุดมาแถลงว่า เป็นมาเลฟิเซนต์ที่สาปออโรรามาแต่พระเยาว์ ออโรราทรงฟังแล้วก็พระทัยสลาย เสด็จหนีมาเลฟิเซนต์คืนสู่วังพระบิดา
พระเจ้าสเตฟานทรงขังออโรราไว้ในวังจนกว่าวันเฉลิมพระชนม์จะพ้นไป กระนั้น ออโรราเสด็จไปพบเครื่องปั้นฝ้ายที่ริบไว้แต่เดิม และทรงถูกเข็มตำนิ้วพระหัตถ์ คำสาปเป็นอันบรรลุผล มาเลฟิเซนต์เสียใจที่ไม่อาจปกป้องพระธิดาได้ จึงลอบพาเจ้าชายฟิลลิปมาสู่วัง หวังใจว่า ที่เจ้าชายเจ้าหญิงได้ทรงพบกันในป่านั้น แม้จะเป็นเวลาอันสั้น ก็อาจช่วยให้บังเกิดรักแท้มาแก้คำสาปได้ เจ้าชายฟิลลิปทรงบรรจงจุมพิตออโรรา แต่ว่าไม่เป็นผล มาเลฟิเซนต์ก็เสียใจหนัก จึงปวารณาจะพิทักษ์รักษาพระธิดาจากเภทภัยทั้งหลายจนกว่าจะทรงฟื้นคืนพระชนม์ กล่าวแล้วก็จุมพิตพระนลาฏพระธิดาด้วยความรัก ฉับพลัน พระธิดาทรงตื่นจากพระบรรทม มาเลฟิเซนต์จึงเข้าใจว่า รักใดในโลกนี้ก็ไม่จริงแท้เท่ารักที่แม่มีให้ลูก พระธิดาทรงเรียกขานมาเลฟิเซนต์ว่า "แม่ทูนหัว" ด้วยทรงซาบซึ้งถึงความรักประหนึ่งมารดาที่มาเลฟิเซนต์มีให้ และทรงอภัยมาเลฟิเซนต์ในทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
พระธิดายังทรงปรารถนาจะกลับไปอยู่กับมาเลฟิเซนต์ในเมืองทิพย์ มาเลฟิเซนต์จึงพาเสด็จหนี ทว่า พระเจ้าสเตฟานเสด็จมาขวางและทรงใช้ข่ายเหล็กจับมาเลฟิเซนต์ไว้ได้ ทแกล้วทหารของพระองค์พร้อมด้วยศัสตราวุธทำด้วยเหล็กกล้าจึงเตรียมฆ่านาง มาเลฟิเซนต์ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายจำแลงนกกาดีอาวัลเป็นมังกรเพื่อช่วยให้นางกับพระธิดาหนีไป แต่ทัพมนุษย์กล้าแกร่งนัก ในโมงยามที่มาเลฟิเซนต์กำลังจะถูกประหารนั้นเอง เจ้าหญิงออโรราถอดปีกของมาเลฟิเซนต์ที่รักษาไว้ในคุกออกมาคืนให้ มาเลฟิเซนต์จึงได้ฟื้นฤทธานุภาพโดยบริบูรณ์ และเอาชนะพระเจ้าสเตฟานได้ มาเลฟิเซนต์ละเว้นพระชนม์โดยขอให้เลิกรากันเท่านี้ ก่อนที่นางจะพาพระธิดาบินจากไป ทว่า พระเจ้าสเตฟานไม่ทรงยอมแพ้ ทรงโผนไปเกาะมาเลฟิเซนต์ไว้ มาเลฟิเซนต์ทรงตัวไว้ได้ แต่พระเจ้าสเตฟานนั้นทรงพลัดตกลงสู่เบื้องล่างถึงแก่พระชนมชีพ
ครั้นแล้ว มาเลฟิเซนต์ก็รวมเมืองทิพย์เมืองคนเข้าเป็นหนึ่ง และตั้งออโรราปกครอง ตอนท้ายปรากฏว่า หญิงเฒ่าผู้เล่าเรื่องนั้นคือออโรราในบั้นปลายพระชนม์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
The old woman told her that one in the city, the divine name dim (The Moors) which abut on city human. A goddess named it St. Phillip Met and loved a human boy named Stephan, who would be king, but the heart of the long day.Until one day, Stefan stop her later, Henry, King City, raised battalions hit the city human divine, but was defeated in the film St. anger is. Has said that man after the devastation of her to avenge him.Stefan SOP channel up big. Returned to find lefia st one night he drugged her, but she could not restrain himself He used the object has the power to kill iron Goddess cut her wings.He killed her. Come to physical heart devastated St. He turned to create black land in the city D. And get the crow named Indian Valley, a people's, to have effect can transform various
.One day, good aval notification that Stefan reigned in the city human now is to celebrate พระธิดา just born is the name that the aurora To get revenge, Stefan. It is to penetrate to the celebration by Phillip St. not invited.He asked her to have mercy on God Stefan, she answered that the curse can be solved with kiss of true love, and then left. He feared it God Stefan Theosophical cents would offend him greatly. He ordered to forfeit all the cotton gin in the region.Angel three three that reckless. Do not pay attention to his daughter as appropriate. Come, Phillip St. came spool of thread is not far away. Even the original despise so much. When his daughter to yes. Fifteen years old, Phil went to meet me in St.It always protect his Theosophical st guard, he believes that it is the "Theosophical St. แม่ทูนหัว" (godmother); come, Theosophical cents when to reside with his daughter for a long time. Are beginning to realize that he loves his daughter very simply.But in vain!After Aurora meet prince charming name Phillips, who is coming to the palace God Stefan. The two fall in love in the heart immediately. Prince Phillip had promised to come back to the aurora for sure.Aurora also pleased with it rather than to return to the city Fiesta st man. In Theosophical cents would that thought would help ward off from the achievement, but the damage to the fairy said in a statement.Aurora hear and heart broken. Come run away back to the palace, St. Phillip father
.God Stefan imprisoned aurora in the court until the day celebration from the dead will pass. Nonetheless, Aurora has met with the molding machine cotton spoil it originally And he was the needle, the hand, the curse is achieve.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: