เนื่องจากงานเกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของระบบภายใต้แรงดันภายนอก (Pex การแปล - เนื่องจากงานเกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของระบบภายใต้แรงดันภายนอก (Pex อังกฤษ วิธีการพูด

เนื่องจากงานเกิดจากการเปลี่ยนแปลงปร

เนื่องจากงานเกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของระบบภายใต้แรงดันภายนอก (Pext) ดังนั้น จึงใช้เป็น -Pext เพื่อทำให้งานที่เกิดจากหดตัวมีค่าเป็นบวก และงานที่เกิดจากการขยายตัวมีค่าเป็นลบ (ในทางฟิสิกส์ w = + Pext V และคิดเครื่องหมายไม่เหมือนกัน)
w = -Pext V
เมื่อ V
เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาตร (Vf - Vi)
Vf และ Vi เป็นปริมาตรของระบบที่สภาวะสุดท้าย (final volume) และสภาวะเริ่มต้น (initial volume) ตามลำดับ
การขยายและการหดตัวของแก๊ส
เมื่อคุณเป่าลมใส่ลูกโป่งให้เต็มเพียงกึ่งหนึ่ง แล้วในไปวางไว้ให้แดดส่องถึง ลูกโป่งจะขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และถ้าคุณเป่าลูกโป่งอีกลูกให้ลมเต็มเท่าที่จะเต็มได้ แล้วเอาไปวางให้แดดส่องอีก เป็นไปได้มาก ว่าลูกโป่งลูกนี้จะแตก ทำไมล่ะ ทำไมลูกโป่งถึงขนาดใหญ่ขึ้น และบางครั้งถึงกับแตกเมื่อมันร้อนนั่นก็เป็นเพราะว่าอากาศในลูกโป่ง ซึ่งจัดเป็นก๊าซนั้นมีโมเลกุลล่องลอยอยู่ทุกทิศทุกทาง และเมื่อมีโมเลกุลอยู่เป็นแสนล้านตัวลอยไปลอยมาข้างในอย่างนี้ มันก็จะดันภายในลูกโป่ง ผิวของลูกโป่งจึงตึงมาก เมื่อแสงแดดทำให้โมเลกุลร้อนขึ้น พวกมันก็จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและเด้งไปกระทบกับผิวด้านในของลูกโป่งแรงขึ้นและบ่อยขึ้น นี่เองที่ทำให้ผิวลูกโป่งขยายออกไปและทำให้ลูกโป่งทั้งลูกขนาดใหญ่ขึ้น โมเลกุลร้อนนั้นต้องการพื้นที่มากกว่าโมเลกุลเย็น ก็คล้ายๆกับมีตัวต่อขี้โมโหบินอยู่ภายในเยอะแยะไปหมดนั่นแหละครับ ยิ่งร้อนเท่าไหร่มันก็ยิ่งบินเร็วขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำให้ลูกโป่งขยายออกไป ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่า เมื่อก๊าซอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็ยิ่งต้องใช้พื้นที่มากขึ้น กล่าวคือมันจะ “ขยายตัว” (Expansion)

ในทางตรงกันข้าม หากคุณนำลูกโป่งไปวางไว้ในที่เย็น มันก็จะกลับกัน ลูกโป่งจะขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะยิ่งโมเลกุลของอากาศเย็นลงเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเคลื่อนที่ช้าลงเท่านั้น และจะดันภายในลูกโป่งน้อยลง ทำให้ลูกโป่งบีบให้โมเลกุลอยู่ภายในพื้นที่เล็กลงได้ โมเลกุลเย็นใช้พื้นที่น้อยกว่าโมเลกุลร้อน ยิ่งตัวต่อรู้สึกเย็น ก็จะยิ่งบินช้าลง และใช้พื้นที่น้อยลงเท่านั้น พูดได้อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อก๊าซเย็นลงมันจะ “หดตัว” (Contraction)
เมื่อของแข็งอุณหภูมิสูงขึ้นถึงระดับหนึ่งมันจะละลายและกลายเป็นของเหลว และถ้าของเหลวอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็จะระเหยเปลี่ยนเป็นก๊าซแทน แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ยากกว่าก็คือ ก่อนที่สารจะเปลี่ยนสถานะ หรือที่จริงก็คือทันทีที่ของแข็งหรือของเหลวเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็จะเริ่มขยายตัวขึ้นเล็กน้อยในทันที นี่เป็นเพราะว่าเมื่อโมเลกุลเคลื่อนที่เร็วขึ้น มันก็จะยิ่งเคลื่อนที่ห่างกันมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นทั้งกับโมเลกุลของของแข็งและของเหลว ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเว้นที่ว่างไว้ในขวดเสมอ เพื่อเผื่อที่ให้การขยายตัวในกรณีที่ของเหลวข้างในขวดเกิดอุณหภูมิสูงเกินไป จริงๆแล้ว เราไม่ควรเติมของเหลวให้เต็มขวด เพราะถ้าของเหลวภายในอุณหภูมิสูงเกินไปเมื่อไหร่ ขวดก็มีโอกาสจะระเบิดได้
กฎข้อที่ 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ (2nd Law of Thermodynamics)

กฎข้อที่ 1 อธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานของระบบเมื่อเกิดกระบวนการต่างๆ ในกฎข้อที่ 2 นั้นจะอธิบายเกี่ยวกับตัวแปรที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของการเกิดกระบวนการต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางเคมี (driving force of physical and chemical change) ซึ่งตัวแปรที่สำคัญเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางของการเกิดกระบวนการต่างๆ คือ เอนโทรปี(entropy, S) ในส่วนนี้ของบทเรียนก็จะกล่าวถึงตัวแปรตัวนี้ และวิธีการคำนวณที่เกี่ยวข้อง
หลายๆกระบวนการในธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องไปทำอะไรกับระบบเลย ในขณะที่บางกระบวนการไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง กระบวนการที่เกิดขึ้นได้เองจะเรียกว่า spontaneous change หรือ natural change ตัวอย่างของกระบวนการเหล่านี้ได้แก่ การขยายตัวของแก๊สจากปริมาตรน้อยไปสู่ปริมาตรมากขึ้น, การเย็นตัวลงของวัตถุร้อนไปสู่อุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม หรือ การเกิดปฏิกิริยาบางชนิดที่สามารถเกิดได้ในทิศทางเดียว เราสามารถทำให้แก๊สมีปริมาตรลดลงได้, ทำให้ปฏิกิริยาเกิดในทิศทางตรงข้ามได้ แต่ว่าการที่จะทำได้ต้องอาศัยการทำงานเข้ามาช่วยให้เกิดขึ้น นั่นคือ ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
เนื่องจากงานเกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของระบบภายใต้แรงดันภายนอก (Pext) ดังนั้น จึงใช้เป็น -Pext เพื่อทำให้งานที่เกิดจากหดตัวมีค่าเป็นบวก และงานที่เกิดจากการขยายตัวมีค่าเป็นลบ (ในทางฟิสิกส์ w = + Pext V และคิดเครื่องหมายไม่เหมือนกัน)w = -Pext Vเมื่อ Vเป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาตร (Vf - Vi) Vf และ Vi เป็นปริมาตรของระบบที่สภาวะสุดท้าย (final volume) และสภาวะเริ่มต้น (initial volume) ตามลำดับการขยายและการหดตัวของแก๊สเมื่อคุณเป่าลมใส่ลูกโป่งให้เต็มเพียงกึ่งหนึ่ง แล้วในไปวางไว้ให้แดดส่องถึง ลูกโป่งจะขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และถ้าคุณเป่าลูกโป่งอีกลูกให้ลมเต็มเท่าที่จะเต็มได้ แล้วเอาไปวางให้แดดส่องอีก เป็นไปได้มาก ว่าลูกโป่งลูกนี้จะแตก ทำไมล่ะ ทำไมลูกโป่งถึงขนาดใหญ่ขึ้น และบางครั้งถึงกับแตกเมื่อมันร้อนนั่นก็เป็นเพราะว่าอากาศในลูกโป่ง ซึ่งจัดเป็นก๊าซนั้นมีโมเลกุลล่องลอยอยู่ทุกทิศทุกทาง และเมื่อมีโมเลกุลอยู่เป็นแสนล้านตัวลอยไปลอยมาข้างในอย่างนี้ มันก็จะดันภายในลูกโป่ง ผิวของลูกโป่งจึงตึงมาก เมื่อแสงแดดทำให้โมเลกุลร้อนขึ้น พวกมันก็จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและเด้งไปกระทบกับผิวด้านในของลูกโป่งแรงขึ้นและบ่อยขึ้น นี่เองที่ทำให้ผิวลูกโป่งขยายออกไปและทำให้ลูกโป่งทั้งลูกขนาดใหญ่ขึ้น โมเลกุลร้อนนั้นต้องการพื้นที่มากกว่าโมเลกุลเย็น ก็คล้ายๆกับมีตัวต่อขี้โมโหบินอยู่ภายในเยอะแยะไปหมดนั่นแหละครับ ยิ่งร้อนเท่าไหร่มันก็ยิ่งบินเร็วขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำให้ลูกโป่งขยายออกไป ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่า เมื่อก๊าซอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็ยิ่งต้องใช้พื้นที่มากขึ้น กล่าวคือมันจะ “ขยายตัว” (Expansion) ในทางตรงกันข้าม หากคุณนำลูกโป่งไปวางไว้ในที่เย็น มันก็จะกลับกัน ลูกโป่งจะขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะยิ่งโมเลกุลของอากาศเย็นลงเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเคลื่อนที่ช้าลงเท่านั้น และจะดันภายในลูกโป่งน้อยลง ทำให้ลูกโป่งบีบให้โมเลกุลอยู่ภายในพื้นที่เล็กลงได้ โมเลกุลเย็นใช้พื้นที่น้อยกว่าโมเลกุลร้อน ยิ่งตัวต่อรู้สึกเย็น ก็จะยิ่งบินช้าลง และใช้พื้นที่น้อยลงเท่านั้น พูดได้อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อก๊าซเย็นลงมันจะ “หดตัว” (Contraction)เมื่อของแข็งอุณหภูมิสูงขึ้นถึงระดับหนึ่งมันจะละลายและกลายเป็นของเหลว และถ้าของเหลวอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็จะระเหยเปลี่ยนเป็นก๊าซแทน แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ยากกว่าก็คือ ก่อนที่สารจะเปลี่ยนสถานะ หรือที่จริงก็คือทันทีที่ของแข็งหรือของเหลวเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็จะเริ่มขยายตัวขึ้นเล็กน้อยในทันที นี่เป็นเพราะว่าเมื่อโมเลกุลเคลื่อนที่เร็วขึ้น มันก็จะยิ่งเคลื่อนที่ห่างกันมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นทั้งกับโมเลกุลของของแข็งและของเหลว ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเว้นที่ว่างไว้ในขวดเสมอ เพื่อเผื่อที่ให้การขยายตัวในกรณีที่ของเหลวข้างในขวดเกิดอุณหภูมิสูงเกินไป จริงๆแล้ว เราไม่ควรเติมของเหลวให้เต็มขวด เพราะถ้าของเหลวภายในอุณหภูมิสูงเกินไปเมื่อไหร่ ขวดก็มีโอกาสจะระเบิดได้กฎข้อที่ 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ (2nd Law of Thermodynamics)

กฎข้อที่ 1 อธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานของระบบเมื่อเกิดกระบวนการต่างๆ ในกฎข้อที่ 2 นั้นจะอธิบายเกี่ยวกับตัวแปรที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของการเกิดกระบวนการต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางเคมี (driving force of physical and chemical change) ซึ่งตัวแปรที่สำคัญเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางของการเกิดกระบวนการต่างๆ คือ เอนโทรปี(entropy, S) ในส่วนนี้ของบทเรียนก็จะกล่าวถึงตัวแปรตัวนี้ และวิธีการคำนวณที่เกี่ยวข้อง
หลายๆกระบวนการในธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องไปทำอะไรกับระบบเลย ในขณะที่บางกระบวนการไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง กระบวนการที่เกิดขึ้นได้เองจะเรียกว่า spontaneous change หรือ natural change ตัวอย่างของกระบวนการเหล่านี้ได้แก่ การขยายตัวของแก๊สจากปริมาตรน้อยไปสู่ปริมาตรมากขึ้น, การเย็นตัวลงของวัตถุร้อนไปสู่อุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม หรือ การเกิดปฏิกิริยาบางชนิดที่สามารถเกิดได้ในทิศทางเดียว เราสามารถทำให้แก๊สมีปริมาตรลดลงได้, ทำให้ปฏิกิริยาเกิดในทิศทางตรงข้ามได้ แต่ว่าการที่จะทำได้ต้องอาศัยการทำงานเข้ามาช่วยให้เกิดขึ้น นั่นคือ ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เนื่องจากงานเกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของระบบภายใต้แรงดันภายนอก (Pext) ดังนั้น จึงใช้เป็น -Pext เพื่อทำให้งานที่เกิดจากหดตัวมีค่าเป็นบวก และงานที่เกิดจากการขยายตัวมีค่าเป็นลบ (ในทางฟิสิกส์ w = + Pext V และคิดเครื่องหมายไม่เหมือนกัน)
w = -Pext V
เมื่อ V
เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาตร (Vf - Vi)
Vf และ Vi เป็นปริมาตรของระบบที่สภาวะสุดท้าย (final volume) และสภาวะเริ่มต้น (initial volume) ตามลำดับ
การขยายและการหดตัวของแก๊ส
เมื่อคุณเป่าลมใส่ลูกโป่งให้เต็มเพียงกึ่งหนึ่ง แล้วในไปวางไว้ให้แดดส่องถึง ลูกโป่งจะขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และถ้าคุณเป่าลูกโป่งอีกลูกให้ลมเต็มเท่าที่จะเต็มได้ แล้วเอาไปวางให้แดดส่องอีก เป็นไปได้มาก ว่าลูกโป่งลูกนี้จะแตก ทำไมล่ะ ทำไมลูกโป่งถึงขนาดใหญ่ขึ้น และบางครั้งถึงกับแตกเมื่อมันร้อนนั่นก็เป็นเพราะว่าอากาศในลูกโป่ง ซึ่งจัดเป็นก๊าซนั้นมีโมเลกุลล่องลอยอยู่ทุกทิศทุกทาง และเมื่อมีโมเลกุลอยู่เป็นแสนล้านตัวลอยไปลอยมาข้างในอย่างนี้ มันก็จะดันภายในลูกโป่ง ผิวของลูกโป่งจึงตึงมาก เมื่อแสงแดดทำให้โมเลกุลร้อนขึ้น พวกมันก็จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและเด้งไปกระทบกับผิวด้านในของลูกโป่งแรงขึ้นและบ่อยขึ้น นี่เองที่ทำให้ผิวลูกโป่งขยายออกไปและทำให้ลูกโป่งทั้งลูกขนาดใหญ่ขึ้น โมเลกุลร้อนนั้นต้องการพื้นที่มากกว่าโมเลกุลเย็น ก็คล้ายๆกับมีตัวต่อขี้โมโหบินอยู่ภายในเยอะแยะไปหมดนั่นแหละครับ ยิ่งร้อนเท่าไหร่มันก็ยิ่งบินเร็วขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำให้ลูกโป่งขยายออกไป ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่า เมื่อก๊าซอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็ยิ่งต้องใช้พื้นที่มากขึ้น กล่าวคือมันจะ “ขยายตัว” (Expansion)

ในทางตรงกันข้าม หากคุณนำลูกโป่งไปวางไว้ในที่เย็น มันก็จะกลับกัน ลูกโป่งจะขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะยิ่งโมเลกุลของอากาศเย็นลงเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเคลื่อนที่ช้าลงเท่านั้น และจะดันภายในลูกโป่งน้อยลง ทำให้ลูกโป่งบีบให้โมเลกุลอยู่ภายในพื้นที่เล็กลงได้ โมเลกุลเย็นใช้พื้นที่น้อยกว่าโมเลกุลร้อน ยิ่งตัวต่อรู้สึกเย็น ก็จะยิ่งบินช้าลง และใช้พื้นที่น้อยลงเท่านั้น พูดได้อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อก๊าซเย็นลงมันจะ “หดตัว” (Contraction)
เมื่อของแข็งอุณหภูมิสูงขึ้นถึงระดับหนึ่งมันจะละลายและกลายเป็นของเหลว และถ้าของเหลวอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็จะระเหยเปลี่ยนเป็นก๊าซแทน แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ยากกว่าก็คือ ก่อนที่สารจะเปลี่ยนสถานะ หรือที่จริงก็คือทันทีที่ของแข็งหรือของเหลวเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้น มันก็จะเริ่มขยายตัวขึ้นเล็กน้อยในทันที นี่เป็นเพราะว่าเมื่อโมเลกุลเคลื่อนที่เร็วขึ้น มันก็จะยิ่งเคลื่อนที่ห่างกันมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นทั้งกับโมเลกุลของของแข็งและของเหลว ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเว้นที่ว่างไว้ในขวดเสมอ เพื่อเผื่อที่ให้การขยายตัวในกรณีที่ของเหลวข้างในขวดเกิดอุณหภูมิสูงเกินไป จริงๆแล้ว เราไม่ควรเติมของเหลวให้เต็มขวด เพราะถ้าของเหลวภายในอุณหภูมิสูงเกินไปเมื่อไหร่ ขวดก็มีโอกาสจะระเบิดได้
กฎข้อที่ 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ (2nd Law of Thermodynamics)

กฎข้อที่ 1 อธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานของระบบเมื่อเกิดกระบวนการต่างๆ ในกฎข้อที่ 2 นั้นจะอธิบายเกี่ยวกับตัวแปรที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของการเกิดกระบวนการต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางเคมี (driving force of physical and chemical change) ซึ่งตัวแปรที่สำคัญเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางของการเกิดกระบวนการต่างๆ คือ เอนโทรปี(entropy, S) ในส่วนนี้ของบทเรียนก็จะกล่าวถึงตัวแปรตัวนี้ และวิธีการคำนวณที่เกี่ยวข้อง
หลายๆกระบวนการในธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องไปทำอะไรกับระบบเลย ในขณะที่บางกระบวนการไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง กระบวนการที่เกิดขึ้นได้เองจะเรียกว่า spontaneous change หรือ natural change ตัวอย่างของกระบวนการเหล่านี้ได้แก่ การขยายตัวของแก๊สจากปริมาตรน้อยไปสู่ปริมาตรมากขึ้น, การเย็นตัวลงของวัตถุร้อนไปสู่อุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม หรือ การเกิดปฏิกิริยาบางชนิดที่สามารถเกิดได้ในทิศทางเดียว เราสามารถทำให้แก๊สมีปริมาตรลดลงได้, ทำให้ปฏิกิริยาเกิดในทิศทางตรงข้ามได้ แต่ว่าการที่จะทำได้ต้องอาศัยการทำงานเข้ามาช่วยให้เกิดขึ้น นั่นคือ ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Because the volume of the system under external pressure (Pext) so as to make the task - Pext caused contraction is positive. The resulting from the expansion is negative (in physics w = Pext V.W = - Pext V

a volume change when V (Vf - Vi)
Vf Vi and volume of the system is the final state (final volume) and the initial condition. (initial volume)
expansion and contraction of the gas
.When you blow the balloon only half full. And to put the sun. The balloons are larger, obviously. And if you blow again you let the wind full as full. And put to the sunny, very possible.Why, why the balloon even bigger. And sometimes even broken when it's hot, that's because the air in the balloon. The gas molecules that are floating in all directions.It will push within the balloon surface of balloons is very tense. When sunlight makes molecules is heating up. They will move faster and bounce off and hit the inner surface of the balloons faster and more frequently.Molecular heat like space than molecular cold. It is similar to a lot of angry wasps flying inside. How much hotter more it fly faster. And the more the balloon expanded accordingly.When the gas temperature rises. It also requires more space, that is to say it is "expanded" (Expansion)
.
.On the contrary, if you take a balloon placed in a cool place. It will reverse the balloons are small ลงอย่าง obviously. Because the molecules of air cooled down, how much it will be slowed. And the pressure inside the balloon.Cold molecules take up less space than the molecules, the wasp was cold, hot, it will fly down and takes up less space, say one more thing is When the gas to cool it "shrink" (Contraction)
.When the temperature rises to the level of one solid, it will melt and become liquid. And if the liquid temperature rise. It will evaporate change into gas. But what notice is more difficult than is before the substance is changed.It will be expanded slightly up immediately. This is because when the molecules move faster. It would be more moving away. Which occurs with the molecules of solid and liquid. For this reason.To see the expansion in the liquid inside the bottle's temperature is too high. Actually, we should not add the liquid to a full bottle. Because if the liquid inside the temperature is too high when it is likely to blow bottle
.Rule 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ (2nd Law of Thermodynamics)

.Rule 1 explain about changing the energy of the system when the processes that 2 rules that explain about variables that determine the direction of the various processes such as physical or chemical. (driving force.Physical and chemical change) which variables regarding the direction of the birth process is เอนโทร years, (entropyS) in this part of the lesson will discuss variable. And calculation of related
.Many natural processes can occur without doing anything to the system. While some process cannot occur. The process occurs is called spontaneous change or natural change.The expansion of the gas from less to more, the volume volumeCooling down of hot objects to the environment temperature or the reaction of some kind that can happen in one direction. We can make the gas decreases, surchargesThe reaction in the opposite direction. But that can rely on the work to help achieve is not process occurs naturally

.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: