ศาลสิงห์โตทอง" หรือที่เราๆ มักเรียกว่าศาล “เจ้าแม่สิงโต” เป็นรูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณข้างตึกคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะหันหน้าออกไปทางฝั่งท่าศิริราช และที่ว่าเกี่ยวกับรัก ก็เพราะว่าแต่เดิมนั้นเค้าเล่าว่ามันมีเป็นคู่ แต่ความรักของสิงโตทั้งสองตัวนั้นต้องมีอันพลัดพรากจากกัน ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีเสียงร่ำลือเกี่ยวกับตำนานของเจ้าแม่สิงโตนี้อยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว แต่ที่เป็นต้นฉบับเดิมจริงๆ นั้นมีอยู่ว่า
ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีพ่อค้าชาวจีนคนหนึ่งได้บรรทุกสินค้าลงเรือสำเภาแล่นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อที่จะเข้ามาค้าขายกับคนไทย และสินค้าที่บรรทุกอยู่บนเรือลำนั้นก็รวมถึงรูปปั้นสิงโตคู่ด้วย สิงโตนี้คนปั้นตั้งใจปั้นเพื่อให้มาอยู่คู่กัน ตัวหนึ่งเป็นตัวผู้ และอีกตัวหนึ่งเป็นเมีย เป็นรูปปั้นที่มีขนาดใหญ่และมีความสวยงามมาก
แต่เมื่อเรือแล่นผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาก็เกิดพายุโหมกระหน่ำขึ้นมา จนเรือไม่สามารถแล่นและทรงตัวต่อไปได้ จนเรืออับปางลงในที่สุด เมื่อพายุได้ผ่านพ้นไป ชาวบ้านละแวกนั้นก็ได้ช่วยกันกู้สิ่งที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมา แต่รูปปั้นนั้นสามารถกู้ขึ้นมาได้เพียงแค่ตัวเมียเพียงตัวเดียวเท่านั้น ส่วนตัวผู้นั้นหาอย่างไรก็ไม่พบ เป็นที่มาของการอยู่อย่างโดดเดี่ยวของสิงโตตัวเมีย ชาวบ้านได้ตั้งรูปปั้นไว้ที่ริมแม่น้ำหันหน้าเข้าหาฝั่ง แต่เมื่ออีกวันหนึ่งกลับมาก็พบว่ารูปปั้นได้หันหน้าออกไปทางแม่น้ำ
จากคำบอกเล่าของคุณยาย ซึ่งอาศัยอยู่ในระแวกนี้มากว่า60 ปี เล่าถึงเหตุการณ์แปลกที่มักจะเกิดขึ้นที่นี่ว่า บางคืนคนที่นี่มักจะได้ยินเสียงคร่ำครวญของสิงโตตัวเมียที่ร้องเรียกหาคู่ของมัน ด้วยความคิดถึงและเศร้าใจในความรักที่ต้องพลัดพรากจากกันไป แต่ถ้าเป็นคืนวันเพ็ญบางคนก็จะเห็นลำแสง คู่สีแดงส่องขึ้นมาจากแม่น้ำ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแสงจากตาของสิงโตตัวผู้นั่นเองที่เฝ้าคอยมองหาตัวเมีย ที่อยู่บนฝั่ง จึงทำให้ลูกปั้นของสิงโตตัวเมีย จึงต้องหันมาหน้าเข้าหาฝั่งแม่น้ำเพื่อมองหาคู่ของมัน"
แอน นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์รายหนึ่งเล่าถึงความศักย์สิทธ์ของเจ้าแม่สิงโตให้ฟังว่า "ครั้งแรกที่มาบน เพราะมีรุ่นพี่ที่รู้จักกันเรียนอยู่ที่นี่แนะนำ ตอนนั้นเป็นช่วงสอบเอ็นพอดี แล้วเขาบอกว่าถ้าเราอยากสอบติดที่ธรรมศาสตร์ก็ให้เอาลูกแก้วมาบนขอกับเจ้าแม่ เราก็อยากสอบติดด้วยเขาว่าอย่างไร ก็ทำตามถึงแม้ว่าตอนนั้นจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร"
แอนเล่าต่อว่า "ตอนนั้นแอนบนด้วยลูกแก้ว 23 ลูก เพราะแอนชอบเลข 23 พอผลเอ็นฯ ออกมาปรากฏว่าเราติดจริงๆ ก็ดีมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราทำข้อสอบได้เองหรือเป็นเพราะความศักย์สิทธิ์ของท่านกันแน่ ถึงตอนนี้แอนจะได้ไม่ไปบนขออะไรจากท่านอีก แต่เมื่อมีเวลาว่างแอนก็จะแวะเอาพวกมาลัยดอกไม้ มากราบไหว้สะการะท่านอยู่เสมอๆ"
ด้านแอร์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ปี 3 มธ. เล่าถึงเรื่องความศักย์สิทธิ์ในเรื่องของความรักว่า "แอร์เคยเห็นเพื่อนมาขอพรกับเจ้าแม่ เรื่องความรัก ก็ได้ผลนะ ตอนนั้นเขาบนว่าถ้าได้คนนี้เป็นแฟน เขาจะเอาสิงโตมาถวาย1 คู่ และตอนนี้เขาก็คบกันอยู่กับแฟนคนที่ขอจากเจ้าแม่มา ซึ่งเพื่อนแอร์เขานับถือท่านมาก ถ้าวันไหนว่างๆ ก็จะชวนแอร์เอาพวงมาลัยมาถวายท่าน แต่สำหรับแล้วยังไม่เคยขออะไรท่านเลย ก็คิดอยู่เหมือนกันวันหลังแอร์จะลองมาขอแฟนใหม่กับท่านบ้าง เพราะแฟนคนนี้เริ่มงี่เง่าแล้ว (หัวเราะ)