หนังเริ่มต้นด้วยการลอบสังหารนายพลอองซาน พ่อของซูจี และเป็น “วีรบุรุษเพ การแปล - หนังเริ่มต้นด้วยการลอบสังหารนายพลอองซาน พ่อของซูจี และเป็น “วีรบุรุษเพ อังกฤษ วิธีการพูด

หนังเริ่มต้นด้วยการลอบสังหารนายพลออ

หนังเริ่มต้นด้วยการลอบสังหารนายพลอองซาน พ่อของซูจี และเป็น “วีรบุรุษเพื่ออิสรภาพของพม่า” ที่เป็นผู้นำในการเรียกร้องเอกราชพม่าจากญี่ปุ่นและอังกฤษ (พม่าได้รับเอกราชในปี 1948 หลังนายพลอองซานตายได้ 1 ปี) สถานะการเป็นลูกวีรบุรุษ ทำให้ผู้คนเกิดความคาดหวังและขอร้องให้ซูจีมาเป็นผู้นำในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อครั้นเธอกลับมาพม่าในปี 1988 อันเป็นช่วงเดียวกับที่กลุ่มนักศึกษาและประชาชนกำลังเรียกร้องประชาธิปไตยจากเผด็จการทหารภายใต้การนำของนายพลเนวิน ที่กินระยะเวลามาแล้วกว่า 30 ปี แม้ว่าโดยใจจริงซูจีไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลยก็ตาม

“คุณไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง แต่การเมืองจะเข้ามายุ่งกับคุณ” เป็นคำพูดที่ซูจีพูดกับทหารคนหนึ่งที่เฝ้ายามเธอระหว่างถูกกักขัง ซึ่งเป็นคำที่สะท้อนชีวิตของซูจีได้ดีที่สุด ตัวหนังไม่ได้บอกอะไรเรามากนักเกี่ยวกับซูจีในช่วงระยะเวลาหลังจากพ่อถูกลอบสังหารจนถึงการตัดสินใจกลับมาพม่าในปี 1988 แต่จากประวัติของเธอก็ทำให้เราทราบว่าซูจีในช่วงนั้นแทบไม่มีความสนใจในการเมืองพม่าเลย นอกจากประวัติพ่อของเธอ ซึ่งเป็นการศึกษาในแง่ประวัติมากกว่าจะนำมาใช้ในทางการเมือง อาจเนื่องด้วยที่เธอย้ายไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน การกลับเข้ามาในพม่าในปี 1988 จุดประสงค์ก็คือมาดูแลแม่ของเธอที่ป่วยหนัก ไม่ได้ต้องการมา “เล่นการเมือง”

แม้ซูจีจะไม่อยากยุ่งกับการเมือง แต่การเป็นลูกของนายพลอองซานก็ทำให้การเมืองก็มายุ่งกับซูจี ทั้งจากฝ่ายของประชาชนและฝ่ายรัฐบาลทหาร จนในที่สุดซูจีก็ตัดสินใจยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นการตอบกลับ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการความรู้สึกต้องการสานต่องานของพ่อ กับการได้เห็นภาพโหดร้ายที่รัฐบาลทหารทำต่อประชาชน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่การที่เธอไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลานาน ก็มากพอที่จะทำให้เธอเกิดภาพการเปรียบเทียบ และเป็นแรงผลักดันหนึ่งในการตอบตกลงเป็นผู้นำการต่อสู้ แต่ปัญหาของการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในประเทศนี้ก็คือ คุณอาจไม่สามารถชนะได้เพียงในเวลาไม่กี่วัน และกับการต่อสู้ที่คาดได้เลยว่าต้องยาวนาน กำลังใจของคุณดีพอแค่ไหน

“ไมเคิลและลูกๆ ก็คือกำลังใจของเธอ”

เบื้องหลังความสำเร็จของผู้นำหลายๆ ต่อหลายคน ก็คือ คู่ชีวิตและครอบครัว ที่คอยสนับสนุนและช่วยงานมาโดยตลอด ซูจีก็เช่นกัน แต่กรณีของเธออาจต่างจากคนอื่นตรงที่ “หลังบ้าน” ของเธอเป็นผู้ชาย และยังเป็นผู้ชายชาวตะวันตกเสียด้วย แต่ความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม ไม่ได้เป็นตัวขวางกั้นความเข้าใจซึ่งกันและกันแต่อย่างไร อาจเพราะพื้นฐานของไมเคิล คืออาจารย์ด้านหิมาลัยศึกษา (ซึ่งอยู่ใกล้กับพม่า) และความรักความผูกพันกับซูจีมาเป็นระยะเวลานาน (เคยแยกกันอยู่ช่วงหนึ่งก่อนกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง) ทำให้ไมเคิลไม่เคยห้ามหรือเรียกร้องให้ซูจีหยุดสิ่งที่เธอกระทำอยู่ แม้แต่ในห้วงสุดท้ายของชีวิตไมเคิลเอง เพราะชัยชนะทางประชาธิปไตยของพม่า ก็คือชัยชนะของซูจี ชัยชนะของซูจีก็คือชัยชนะของไมเคิลเช่นกัน

สำหรับไมเคิลแล้ว “ความรักที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ย่อมเหนือกว่าความรักที่เรามีความสุขแต่เพียงฝ่ายเดียว”

ตลอดทั้งเรื่องนอกจากภาพของซูจีแล้ว เราจึงได้เห็นภาพของไมเคิลเคียงคู่ไปด้วยกันโดยตลอด ภาพของสามีที่สนับสนุนและช่วยเหลือภรรยาอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ถ่ายเอกสารใบปลิวพรรค NLD เรื่อยไปจนถึงเสนอชื่อซูจีเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ รวมถึงการทำหน้าที่เป็น “แม่” แทนให้กับลูกๆ ทั้ง 2 โดยเฉพาะกับคิม ลูกชายคนเล็กที่อยู่ช่วงย่างเข้าวัยรุ่น ที่หลายครั้งอาจยังไม่ “เข้าใจ” ในสิ่งที่แม่ทำอยู่เท่าที่ควร และแม้นเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปี ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนความรักที่ไมเคิลมีให้ต่อภรรยาของเขาไปได้ และนี่คือแรงใจที่ทำให้ซูจียังคงต่อสู้ตลอดมา เพราะประชาธิปไตยไม่ได้มีความสำคัญต่อชาวพม่าเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อไมเคิลและซูจีด้วย เหมือนดั่งที่ไมเคิลบอกกับซูจีว่า “พม่าคือสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยกัน แม้ในวันที่ไม่เจอกัน”

การที่ผู้สร้าง The Lady เลือกที่จะถ่ายทอดแง่มุมด้านความรักมากกว่าการเมือง ทำให้หนังเรื่องนี้มีแง่มุมที่ใหม่ ไม่น่าเบื่อเป็นสารคดีอัตชีวประวัติมากเกินไป แต่ก็ใช่ว่าหนังเรื่องนี้จะละทิ้งประเด็นอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตยไปเสียเลยทีเดียว ในเรื่องเรายังคงเห็นความโหดร้าย (และงมงาย?) ของรัฐบาลทหารพม่า ขณะเดียวกันการเน้นความรักของซูจี ยิ่งทำให้การถูกกักบริเวณของเธอมีความสำคัญขึ้น เพราะนั่นหมายความว่า ทั้งซูจิและไมเคิลต้องเสียสละมากเพียงไรเพื่อประชาธิปไตยของพม่า และเสรีภาพเป็นสิ่งที่น่าถวิลหามากเพียงไร

“มิเชล โหย่ว” รับบทบาทซูจีได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งในแง่ของผู้นำทางการเมืองและในแง่ของผู้หญิงที่ต้องจากสามีและลูกๆ ที่รักมา โครงหน้าของโหย่วนั้น “คล้าย” กับซูจีอยู่แล้ว แต่ด้วยการแสดงของเธอทำให้เธอ “เหมือน”ซูจีได้อย่างน่าขนลุก อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “เดวิด ทิวลิส” (ศ.ลูปินใน Harry Potter) ที่รับบทไมเคิล ที่ตีบทได้แตกกระจุย จนทำให้สามารถรับรู้ถึงความรักที่ไมเคิลมีต่อซูจีได้ชัดเจน ส่วนนักแสดงคนอื่นก็รับผิดชอบบทของตัวเองได้ดี ที่ต้องชมอีกอย่างคือบทลูกชายของซูจีซึ่งแคสมาได้หน้าเหมือนตัวจริงมากทีเดียว

ตัวหนัง The Lady ยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ายาวทีเดียว แต่ก็ไม่น่าเบื่อแต่อย่างไร อาจไม่มีฉากดราม่าบีบคั้นหนักๆ หรือฉากโต้เถียงทางการเมืองแบบจะจะคมคาย แต่ก็ก็สามารถสร้างความประทับใจและเรียกน้ำตาได้ไม่ยาก แม้โปรดักชั่นส์อาจไม่หรูเลิศ มีหลุดป้ายโฆษณาในไทยหลายครั้ง (ฉากพม่าในเรื่องถ่ายที่ไทยทั้งหมด) แต่โดยรวมก็ลื่นไหลทีเดียว และอย่างที่บอกไปว่า The Lady ไม่ใช่หนังอัตชีวประวัติ ดังนั้นหากใครไม่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติซูจีอยู่บ้าง ก็อาจงงเล็กน้อยกับเหตุการณ์ในเรื่องได้ อย่างเช่นเรื่องจำนวนครั้งการกักบริเวณ หรือการประท้วงของพระสงฆ์ แต่ถึงจะไม่มีพื้นความรู้เลยจริงๆ ก็ยังสามารถดูรู้เรื่องและสนุกกับหนังได้ดู เพราะ The Lady คือ “หนังรัก” ไม่ใช่ “หนังการเมือง”
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Movies beginning with the assassination of General Georgios ngasan Suu Kyi's father, and as a "hero for Burma's independence", which is a leader in the independence of Burma from Japan and England (Myanmar (Burma) has been back in the year 1948 independence General on 1-year dead ngasan) The status of the child as the hero gives birth and the expectations of people begged, Suu Kyi is the leader in the fight for democracy claims. But when she returned to Burma in 1988 in the same range as that group of students and the public are demanding democracy from the military dictatorship under the leadership of general nature that comes over a period of less than 30 years, even if by sincere Suu Kyi did not want to bother about politics at all, according to the."You don't mess with the politics, but politics will mess with you" as saying that Suu Kyi speaking to one soldier who guard her while being detained, which is a term that reflects the life of Suu Kyi is one of the best. The movie does not say anything much about us Suu Kyi in the period after his father assassinated the murder until the decision to return to Myanmar in 1988, but from the history she made us aware of Suu Kyi in the range, there are almost no attention in Burmese politics. In addition to the biography of her father, which is a study in terms of history, rather than to adopt the political might as well that she moved to live abroad for a long time. Getting back into Myanmar in the year 1988, the aim is to take care of her mother who is ill; Not to "play politics," he said.Even if Suu Kyi is he doesn't want to mess with politics, but as a child of the General of ngasan it makes politics was alone with Suu Kyi. Both the people's Party and the Government troops until finally deciding Suu Kyi was confused about politics as a response, which may have resulted from the sensation of her father to continue to visualize the brutal military governments continue people. Though it is short, but she's going to live abroad for a long time, enough to make her paintings occurred comparative and impetus of the leaders agree to fight, but the problem of messy about politics in this country is that you may not be able to win it for a few days and just in time for the expected fight that long. Are you good enough to do?"Michael is discouraged, and her children," he said.Behind the success of many-to-many leaders who are waiting for families and partners support and help throughout. Suu Kyi, but her case may be different from the others in that "after the ban" is her man and also as a Westerner, but with men of different ethnicity, culture is not a day of understanding each other, but how they might be because of Michael's teacher.The Himalayas study (which is near Burma) and love and bound thousands with Suu Kyi came as a long time (ever one separately before coming back together again.) Make Michael has never banned or urged Suu Kyi to stop what she's doing. Even in the last period of Chi-bin's victory because tamai democracy of Myanmar, it is a triumph of Suu Kyi. Suu Kyi's victory is the victory of Michael as well.For Michael, the "love to see the people we love is happiness, surely beyond the love we are happy, but only one party," he said.ตลอดทั้งเรื่องนอกจากภาพของซูจีแล้ว เราจึงได้เห็นภาพของไมเคิลเคียงคู่ไปด้วยกันโดยตลอด ภาพของสามีที่สนับสนุนและช่วยเหลือภรรยาอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ถ่ายเอกสารใบปลิวพรรค NLD เรื่อยไปจนถึงเสนอชื่อซูจีเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ รวมถึงการทำหน้าที่เป็น “แม่” แทนให้กับลูกๆ ทั้ง 2 โดยเฉพาะกับคิม ลูกชายคนเล็กที่อยู่ช่วงย่างเข้าวัยรุ่น ที่หลายครั้งอาจยังไม่ “เข้าใจ” ในสิ่งที่แม่ทำอยู่เท่าที่ควร และแม้นเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปี ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนความรักที่ไมเคิลมีให้ต่อภรรยาของเขาไปได้ และนี่คือแรงใจที่ทำให้ซูจียังคงต่อสู้ตลอดมา เพราะประชาธิปไตยไม่ได้มีความสำคัญต่อชาวพม่าเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อไมเคิลและซูจีด้วย เหมือนดั่งที่ไมเคิลบอกกับซูจีว่า “พม่าคือสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยกัน แม้ในวันที่ไม่เจอกัน”The author of The Lady chosen to convey aspects of love over politics. Make this movie contains new aspects. Not a boring documentary autobiography too, but it's not that this movie will abandon the ideology of democracy issues to waste time. In the story, we are still seeing the cruel (and ngomngai?) of the Burmese military Government at the same time, highlighting the love of Suu Kyi. The more complete is the catchment area for her is important because it means that both Su Jin and Michael need to sacrifice much to Burma's democracy and freedom is something of much desire?"Michael yo?" received the role Suu Kyi is impeccable, both in terms of political leadership, and in terms of a woman from her husband and children that love comes. Construction of the wanan yo "similar" with Suu Kyi and her performances with her "like" Suu Kyi is creepy. Again, people don't talk about is "David Tulip Hotel" (Prof. Lu pin in Harry Potter) who is hitting different lessons tutorial Michael krachui finally makes it possible to recognize the love that Michael has on Suu Kyi was clear. Best actor, someone else was responsible for its own article as well to watch the article, is the son of Suu Kyi, who has been a member of the cat looks like a quite real.ตัวหนัง The Lady ยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ายาวทีเดียว แต่ก็ไม่น่าเบื่อแต่อย่างไร อาจไม่มีฉากดราม่าบีบคั้นหนักๆ หรือฉากโต้เถียงทางการเมืองแบบจะจะคมคาย แต่ก็ก็สามารถสร้างความประทับใจและเรียกน้ำตาได้ไม่ยาก แม้โปรดักชั่นส์อาจไม่หรูเลิศ มีหลุดป้ายโฆษณาในไทยหลายครั้ง (ฉากพม่าในเรื่องถ่ายที่ไทยทั้งหมด) แต่โดยรวมก็ลื่นไหลทีเดียว และอย่างที่บอกไปว่า The Lady ไม่ใช่หนังอัตชีวประวัติ ดังนั้นหากใครไม่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติซูจีอยู่บ้าง ก็อาจงงเล็กน้อยกับเหตุการณ์ในเรื่องได้ อย่างเช่นเรื่องจำนวนครั้งการกักบริเวณ หรือการประท้วงของพระสงฆ์ แต่ถึงจะไม่มีพื้นความรู้เลยจริงๆ ก็ยังสามารถดูรู้เรื่องและสนุกกับหนังได้ดู เพราะ The Lady คือ “หนังรัก” ไม่ใช่ “หนังการเมือง”
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
The film begins with the assassination of General Aung San, father of Suu Kyi and a "hero for the freedom of Myanmar" as the lead in calling for independence from Burma, Japan and the UK. (Burma gained independence in 1948 after the death of General Aung San, 1 year) status as a hero. Gives people the expectations and asked Suu Kyi as a leader in the fight for democracy. But when she returned to Burma in 1988, which was the same group of students and citizens are demanding democracy from military dictatorship led by General Ne Win. That lasts for more than 30 years, although the fact that Suu Kyi would not interfere with any political matter , "You do not meddle in politics. But the political will to do to you "as saying that Suu Kyi told the soldiers who guard during her captivity. These are words that best reflects the life of Suu Kyi. The movie does not tell us much about Suu Kyi during a period after his father was assassinated until decision to Burma in 1988, but the history, she let us know that Suu Kyi during that virtually no attention. Myanmar's politics The history of her father This is a study in history, rather than to be used in politics. Probably because she moved to live abroad for a long time. Getting back in Myanmar in 1988. The idea is to take care of her mother's illness. Did not want to "Playing politics" even Suu Kyi would not want to mess with politics. But the son of General Aung San, it makes politics interfere with Suu Kyi. Both from the public and government troops. Suu Kyi finally decided to become involved in politics as a response. This could be the result of a need to continue the work of his father. Just to illustrate the brutal military government made ​​public. Although it was a short period of time. However, she went abroad for a long time. Was enough to make her a visual comparison. And is driven by one of the leaders agreed to fight. But the problem of out of politics in this country is. You can not beat it, just in a few days. And the struggles that have long anticipated. Your good cheer me , "Michael and his children. It is encouraging her " behind the success of the many-to-many, is a partner and family. Who support and help throughout. Suu Kyi, too, But her case differs from the others in that "backyard" of her as a man. And also the men of the west end. However, the differences in race, culture is the barrier of understanding each other, but how. Perhaps because of Michael. Is a professor of education Himalayas (Near Myanmar) and love ties with Suu Kyi for a long time. (Aside for a while before coming back together again) and Michael never banned or calling for Suu Kyi to stop what you are doing. Even in the last moment of his life, Michael himself. The triumph of democracy in Burma It is the victory of Suu Kyi Suu Kyi's victory is the victory of Michael as well for Michael now. "Love to see our loved ones happy. By means of the love that we have enjoyed, but only one " throughout the story and pictures of Suzy ago. We have seen pictures of Michael abreast of use. Portrait of a husband and wife fully support and help. Since copying the NLD flyers out to the nominated Suu Kyi was awarded the Nobel Peace Prize. As well as acting as a "template" for the children and 2, especially with Kim. The younger son is burned. Many times it may not "understand" what I do is enough. And even if the time is over a decade. I still can not change the love that Michael is going to be his wife. And here is the mind that makes Suu Kyi continued to struggle along. Because democracy is not only important to the people of Burma. But it is important to Michael and Suzy with. Like Michael said that Suu Kyi. "Burma is what links them together. Even in those days would not meet " the creator of The Lady chose to convey aspects of love rather than politics. Make this film a new aspect. Autobiographies are not boring too. Yes, but that movie is going to abandon the ideals of democracy to waste it. We continue to see the brutality (and ignorant?) Of the SPDC. Meanwhile, the love of Suu Kyi. Alluding to her house arrest is significant. This means that Both Tsuji and Michael have to sacrifice much for democracy in Burma. And freedom is something nostalgic much "Michelle Yeoh," the role Suu Kyi was flawless. Both in terms of political leadership and in terms of women who have husbands and children who love to frame the face of Yeoh is "similar" to Suu Kyi already. But with the show gave her. "Like" Suu Kyi was uncanny. This man is talking about, "said David Matthews Angeles" (Prof. Lupin in Harry Potter), who plays Michael. The chapter is a heavy hitter It makes it possible to recognize the love that Michael had to Suu Kyi waves. The other actors are responsible for their own chapter as well. To watch the other is the son of Suu Kyi, whose career was actually quite like the movie The Lady approximately 2 hours, which is quite long. However, it is not boring, but how. Can not stress too much drama. Or controversial political scene will be sharp. I was able to impress and tears easily. Although productions, however, was not fabulous. Posters in Thailand has dropped several times. (The Burmese in Thailand, taken at all), but overall it is quite smooth. And, as I said to The Lady's not autobiographical film. So if someone does not know about the history Suu Kyi in a way. It may be a little puzzled about the events in the story. Such as the number of detentions. The protests of the clergy But there is no pattern at all. It also can know and enjoy the movie because The Lady is "love", not "political thriller".

















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
The movie begins with the assassination of general Aung San Suu Kyi's father, and as a "hero for the freedom ของพม่า." The leader of the Burmese claim independence from Japan and England (Myanmar gained its independence in 1948 after general Aung San die 1 years).The people's expectations and ask Suzy to lead in the fight for democracy. When she came back to Myanmar in 1988.Eat more than 30 years period Although I don't want to interfere with the European politics at all!
."You don't interfere with politics. But politics to interfere with you. " Words that Suu Kyi said to one of the soldiers who guarded her while being detained. The words reflect Suu Kyi's best.1988 but from her records can make us know Suu Kyi during that virtually no interest in Burmese politics. Besides the history of her father. This is in terms of history rather than used in politics.Reversal in Myanmar in 1988 objective is to take care of her mother, who was seriously ill, did not want to "politics"
.
.Even if Suu Kyi won't interfere with politics. But being a child of general Aung San's politics can interfere with Suzy. Both from the public and government soldiers. Finally, Suzy decided to interfere with politics as a reply.To see the pictures cruel military government continue the people. Even though it was a short period of time. But that she was abroad for a long time. It's enough to make her image comparison.But the problem of politics in this country is. You may not be able to win only in a few days time. And the battle against expected that have long, your encouragement enough much
.
"I and you is your encouragement."

.Behind the success of many leaders on many people's partner and family who support and help the count Cassius. Suu Kyi, too, but her case may be different from others in that "Backyard" her as a man.But the differences in race, culture, is not impede mutual understanding but how do, because the basis of Michael. Is a professor in Himalayan Studies (which is close to the Myanmar).(used to split the one before coming back together again. The Michael never banned or claim to Suu Kyi, stop what you do. Even in the deep end of life Michael. Because the Democratic victory of Myanmar.Suu Kyi's victory is the victory of Michael as well
.
for Michael. "Love seeing the person you love happy. Surely over the love we have happiness, but not only "

.Throughout the story, besides of Suu Kyi. We have seen pictures of Michael closely together throughout. Pictures of her husband and wife support help fully. Since the copy NLD flyer.Includes a "mother" instead of to the children, both 2 especially with Kim, the youngest son ที่อยู่ช่วง approaching adolescence. Many times may also not. "Understand" what I do is as it should be. And even if time passes ten years.And this is the strength that Suu Kyi continue to fight all the time. Because democracy isn't important to the Burmese. But it's also important to Michael and Suzy. Just like Michael told Suzy.Even on the days when not met "
.
.The builders The Lady choose to convey aspects of love rather than politics. Makes this movie has new aspects Not a documentary biography, too.In the story we continue to see the cruelty and ignorant?While the emphasis of the SLORC) love of Suu Kyi. Making being grounded her is important, because that means Both Su Ji and Michael sacrifice just how much for the democracy of Myanmar.
."Michelle Yeoh." the role of Suu Kyi can be seamless. In terms of both political leaders and in terms of the woman to her husband and kids, honey, project ahead of you. "Similar" to Suu Kyi. But with her presence made her.Another mention is not. "David Thewlis" (Prof.Lupin in Harry Potter) playing the role of Michael who investigated had broken apart. That can feel the love that Michael to Suu Kyi was clear. The actor is responsible for its own chapter.
.The film The Lady approximately 2 hours, which is quite long, but it's not boring, but how. There may be no dramatic scene grinds hard. Or scene argue political will be sharp. But I can impress and called tears easily.Had dropped the billboards in Thailand times. (the scene Burma in taking (all). But overall it's quite smoothly, and as I say, not The Lady leather autobiography. So if you have no knowledge about the history of Suzy?For example the number of times the detention or protests of the clergy. But although there is no background at all. Still can see understand and enjoy the movie watch, because The Lady is "love" is not "leather city."
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: