อัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio

อัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio) ประกอบด้วย 2 อัตราส่วนที่สำคัญ ดังนี้
1. อัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio)
อัตราส่วนทุนหมุนเวียน = สินทรัพย์หมุนเวียน (เท่า)
หนี้สินหมุนเวียน
อัตราส่วนนี้ทำให้ทราบว่ากิจการมีสินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้กี่เท่าของหนี้สินที่จะต้องชำระภายใน 1 ปี ถ้าอัตราส่วนนี้สูง แสดงว่ามีสภาพคล่องสูงและมีความสามารถชำระหนี้ระยะสั้นได้ดี (ควรมากกว่า 1 เท่า และยิ่งสูงยิ่งดี)

2. อัตราส่วนทุนหมุนเวียนเร็ว (Quick Ratio)
อัตราส่วนทุนหมุนเวียนเร็ว
= สินทรัพย์หมุนเวียน – สินค้าคงเหลือ – สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น (เท่า)
หนี้สินหมุนเวียน
อัตราส่วนนี้แสดงว่ากิจการมีสินทรัพย์หมุนเวียนที่สามารเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เร็ว ได้แก่ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เงินลงทุนระยะสั้นและลูกหนี้การค้า เป็นกี่เท่าของหนี้สินหมุนเวียน ถ้าอัตราส่วนนี้สูง แสดงว่ามีสภาพคล่องสูง และมีความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นได้ดี (ควรมากกว่า 1 เท่า และยิ่งสูงยิ่งดี)

อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร (Profitability Ratio) เป็นอัตราส่วนที่สะท้อนการบริหารโดยรวมของกิจการ ประกอบด้วย 5 อัตราส่วน ดังนี้
1. อัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit)
อัตราส่วนกำไรสุทธิ = กำไรสุทธิ x 100 (ร้อยละ)
รายได้สุทธิ(ขาย)
อัตราส่วนนี้แสดงว่ากิจการมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเป็นกี่ % ของยอดขาย ถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงถึงกิจการมีความสามารถในการหารายได้และควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี (ยิ่งสูงยิ่งดี)

2. อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit)
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น = กำไรขั้นต้น x 100 (ร้อยละ)
รายได้สุทธิ(ขาย)
อัตราส่วนนี้ แสดงว่ากิจการมีกำไรขั้นต้นเป็นกี่ % ของยอดขาย ถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่ากิจการมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนสินค้าที่ดี และมีโอกาสในการทำกำไรสุทธิดี (ยิ่งสูงยิ่งดี)

3. อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset – ROA)
อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ = กำไรสุทธิ x 100 (ร้อยละ)
สินทรัพย์ทั้งสิ้น
อัตราส่วนนี้แสดงถึงประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ทั้งหมดของกิจการในการดำเนินงานว่าสามารถทำกำไรเท่าใด ถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่ากิจการได้ใช้เงินลงทุนไปในสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ

4. อัตราผลตอบแทนต่อทุน (Return on Equity – ROE)
อัตราผลตอบแทนต่อทุน = กำไรสุทธิ x 100 (ร้อยละ)
ส่วนของเจ้าของ
อัตราส่วนนี้แสดงว่าเงินทุนที่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นนำมาลงทุน สามารถทำกำไรได้เท่าใดเป็นกี่ % ของส่วนของเจ้าของ ถ้าอัตราส่วนนี้สูง จะทำให้ผู้ลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและพึงพอใจ

5. อัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (Earning Per Share – EPS)
อัตราส่วนกำไรต่อหุ้น = กำไรสุทธิ (บาท)
จำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่าย
เป็นอัตราส่วนที่ผู้ลงทุนประเมินผลกำไรต่อหุ้น และผู้บริหารนำไปพิจารณาจ่ายเงินปันผล

อัตราส่วนวัดประสิทธิภาพ (Efficiency Ratio) เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้สินทรัพย์ต่างๆ บรรลุเป้าหมายในการบริหารหรือไม่ ประกอบด้วย 5 อัตราส่วน ดังนี้
1. อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้ (Receivable Turnover)
อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้ = ยอดขายสุทธิ (รอบ)
ลูกหนี้การค้า
อัตราส่วนนี้ทำให้ทราบว่าใน 1 รอบระยะเวลาบัญชี กิจการมีการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้กี่รอบ หรือกี่ครั้ง ถ้าอัตราส่วนนี้สูง แสดงว่า มีการบริหารลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนลูกหนี้เป็นเงินสดได้เร็ว ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องที่ดี (ยิ่งสูงยิ่งดี)

2. ระยะเวลาการเก็บหนี้ = 365 (วัน)
อัตราส่วนการหมุนเวียนลูกหนี้
อัตราส่วนนี้ทำให้ทราบว่าโดยเฉลี่ยแล้วลูกหนี้ของกิจการใช้ระยะเวลาเก็บหนี้กี่วัน ถ้าอัตราส่วนนี้สูงจะต้องมีการทบทวนเงื่อนไขการให้สินเชื่อและการติดตามลูกหนี้ เนื่องจากทำให้เสี่ยงต่อการดำเนินงาน และถือว่าไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการลูกหนี้ (จำนวนวันยิ่งต่ำยิ่งดี)

3. อัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ (Inventory Turnover)
อัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ = ต้นทุนขาย (รอบ)
สินค้าคงเหลือ
อัตราส่วนนี้แสดงให้ทราบว่าใน 1 รอบบัญชี กิจการขายสินค้าได้กี่รอบ ถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าสินค้าของกิจการสามารถขายได้เร็ว สะท้อนให้เห็นว่ามีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ดี และการบริหารการขายดี (ยิ่งสูงยิ่งดี)
4. ระยะเวลาการหมุนสินค้าคงเหลือ
ระยะเวลาการหมุนสินค้าคงเหลือ = 365 (วัน)
อัตราหมุนเวียนสินค้า
อัตราส่วนนี้แสดงให้ทราบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว สินค้าที่จัดหามา ใช้เวลาในการขายกี่วัน ถ้าอัตราส่วนนี้ต่ำแสดงว่า มีความสามารถในการขายสินค้าเพื่อเปลี่ยนเป็นรายได้ได้เร็ว สะท้อนให้เห็นว่ามีการบริหารการขายที่ดี ทำให้เงินลงทุนไม่จมไปในสินค้าคงเหลือมาก (ยิ่งต่ำยิ่งดี)

5. อัตราส่วนการหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Turnover)
อัตราส่วนการหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร = รายได้รวม (เท่า)
สินทรัพย์ถาวรสุทธิ
อัตราส่วนนี้แสดงว่า สินทรัพย์ถาวรทั้งสิ้น ที่ลงทุนไปทุก 1 บาท สามารถสร้างรายได้เท่ากับเท่าใด (ควรมากกว่าหรือเท่ากับ1 เท่า และยิ่งสูงยิ่งดี)

อัตราส่วนวัดความสามารถในการชำระหนี้ (Solvency Ratio) แสดงถึงความเสี่ยงของเจ้าหนี้ในการให้กู้ยืมเงินและส่วนของเจ้าของในการก่อหนี้ของกิจการ ประกอบด้วย 3 อัตราส่วนที่สำคัญ ดังนี้
1. อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของเจ้าของ (Debt to Equity Ratio – D/E Ratio)
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของเจ้าของ = หนี้สินรวม (เท่า)
ส่วนของเจ้าของ
อัตราส่วนนี้ทำให้ทราบว่ากิจการมีหนี้สินทั้งสิ้นเป็นกี่เท่าของส่วนของเจ้าของ สะท้อนถึงโครงสร้างเงินทุนของกิจการ ถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่ากิจการจัดหาทุนส่วนใหญ่จากการก่อหนี้ ซึ่งทำให้เจ้าหนี้อาจมีความเสี่ยงในการให้กู้ยืมอีก (ยิ่งต่ำยิ่งดี)

2. อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ (Debt to Total Asset Ratio)
อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ = หนี้สินรวม (เท่า)
สินทรัพย์รวม
อัตราส่วนนี้ทำให้ทราบว่ากิจการมีหนี้สินทั้งสิ้นเป็นกี่เท่าของสินทรัพย์รวม สะท้อนให้เห็นโครงสร้างการจัดการสินทรัพย์มาจากการกู้ยืม ถ้าอัตราส่วนนี้ต่ำแ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Liquidity ratio (Liquidity Ratio) consists of two major parts: rate.1. ratio (Current Ratio) turnover cost Cost ratio = current assets turnover (times). Current liabilities This ratio indicates the gross assets change in cash how many times the liabilities to be paid within one year, if this high ratio. There is high liquidity and short-term debt has been paid (should be greater than 1, and the higher the better).2. equity flows fast (Quick Ratio)Equity flows quickly. = Current assets – inventory – asset turnover (times) Current liabilities This shows that the gross ratio current assets that can change quickly for cash, including cash and cash equivalents short-term investments accounts receivable and trade as many times its current liabilities. If this ratio is higher, there is high liquidity and ability to pay short-term debts as well (should be greater than 1, and the higher the better).Ratio, the ability to make a profit (the Profitability Ratio) is a ratio that reflects the overall management of the business consists of 5 sections: rate.1. net profit (Net Profit) Net profit = net profit x 100 (percent). Net revenue (sales) This ratio shows that the gross net income after tax as a few% of sales. If this high ratio represents an undertaking to find revenue and expense control better (higher the better).2. the gross profit ratio (Gross Profit).Gross profit ratio = 100 x profit margin (%) Net revenue (sales) This ratio shows that the gross profit margin as a few% of sales. If this high ratio indicates that parties have the ability to control the cost and have the opportunity to make a net profit well (higher the better).3. return on assets ratio (ROA — Return on Asset).Return on assets ratio = net income x 100 (percent). Total assets. This ratio refers to the efficiency in the use of all of the business assets in operation that can make much profit. If this high ratio indicates that parties have used the money to invest in an asset effectively.4. return on capital investment (Return on Equity – ROE).Return on capital = net profit x 100 (percent) The part of the owner. This ratio shows that the owners of capital or shareholders to bring investment. How much profit can be made to have a% of owner's equity if this high ratio will give investors confidence and satisfaction.5. the ratio of EPS (Earning Per Share-EPS)Ratio = net income earnings per share (baht)The number of ordinary shares in issue A ratio that investors assess earnings per share and dividend is going to be considered.Performance ratio (Efficiency Ratio) is a ratio that represents the operational efficiency by using various goals in the management of assets, or does not contain 5 ratio is as follows:1. the accounts receivable turnover ratio (Receivable Turnover).The accounts receivable turnover ratio = net sales (round)Trade accounts receivable This ratio indicates that in the 1st fiscal period Gross accounts receivable billing cycle, or how many times. If this ratio is higher, there is an accounts receivable management efficiently. Accounts receivable in cash can be changed quickly, which makes it a great liquidity (the higher the better).2. the debt collection period = 365 (days) The accounts receivable turnover ratio This ratio indicates the average collection period accounts receivable of the business use of debt in recent days. If this high ratio will need to review the terms of loans and accounts receivable tracking because it makes the risk of the operation, and there are no receivables management efficiency (low number of days, the more the better).3. inventory turnover (Inventory Turnover).Inventory turnover ratio = cost of goods sold (no-load) The remaining items. This ratio indicates the gross sales in the period 1 how many items around. If this high ratio indicates that the item of the business can be sold quickly. Reflecting that there is an inventory management and sales management (higher the better).4. inventory turnover period. Inventory turnover period = 365 (days)Item turnoverThis ratio indicates the average The provided item. How many days it takes to sell If the ratio is low, there is the ability to sell products to change as income. Reflecting that there is good management. Making an investment not in the inventory (the more the better low.)5. the turnover ratio of fixed assets (Fixed Asset Turnover).The ratio of fixed assets turnover = total revenue (times) Fixed assets, net This ratio shows that the fixed assets investment to that all revenue generated is equal to 1 baht (should be greater than or equal to 1, and the higher the better).The ratio measure of ability to pay the debt (Solvency Ratio) represents the risk of creditors for lending and the owner's equity in the formation of joint venture debt. Contains 3 important ratio is as follows:1. the ratio of debt to equity (Debt to Equity Ratio – the Ratio D/E)The debt ratio against total liabilities = owner's equity (times) The part of the owner. This ratio indicates the gross liabilities of as many as of the owner's equity capital reflect the structure of the business. If this high ratio indicates that the majority of venture financing from debt, which makes the creditors may be at risk in lending again (the more the better low.)2. the ratio of debt to assets (Debt to Total Asset Ratio).Assets = debt ratio total debt (times). Total assets This ratio indicates how many gross liabilities total total assets are only reflecting the structure of asset management are derived from loan. If this low ratio.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Liquidity ratio (Liquidity Ratio) contains important 2 ratio as follows:
1. Ratio (Current Ratio)
ratio. Current liabilities = (Times)

.This ratio that the business assets converted into cash as few as of debts to pay within 1 years. If this ratio is high. The high liquidity and short-term debt ability well (should be more than 1 imaginable.
2. Quick ratio (Quick Ratio)
quick ratio
= current assets - on-hand merchandise - other current assets. Current liabilities (as)

.This indicates that the current assets ratio of the third changing cash quickly, including cash and cash equivalents. Short-term investments, and accounts receivable. A few times of current liabilities. If this ratio is high.And the ability of short-term debt repayments as well (should be more than 1 times, and the higher the better)
.
the ratio profitability (Profitability Ratio) ratio reflects the overall management of affairs of 5 ratio. :
1. Net profit margin (Net Profit)
net profit margin = net profit x 100 (%), net (sell)

.This ratio indicates that net profit after tax affairs a few% of sales. If this ratio high displays of have the ability to earn income and cost control ยิ่งสูง good (better)

2 ratio gross. (Gross Profit)
.The ratio of profit = gross x 100 (%), net (sell)

.This ratio means that business profit a few% of sales. If this ratio is high that business has the ability to control the cost of the goods. And have a chance to make good net (the higher the better)

3.Return on assets (Return on Asset - ROA)
return on assets = net profit x 100 (per cent)

. Total assets