At the end of an era of Chun Qiu Among different city officials tussle, it's a big war war killing each other. Limousin Busan Dong Confucius's family as noble rank property Limousin song carries on being depressed and broke with the mother only two Confucius people like to practice rituals. Respect a man, according to tradition, Confucius, but the children's dreams, whether it is a fair rule of the reconstruction era. "Chowok ', there are moral conventions so that everyone is a the same all over the world. ในวัยหนุ่ม ขงจื้อชอบฝึกเรียนประเพณีวัฒนธรรมจนถูกเพื่อนๆ ต่างรุมหัวเราะเยาะเย้ย เมื่ออายุ 17 ปี ออกตามหาที่ฝังศพของพ่อและฝังศพแม่ จึงออกไปร่วมงานของตระกูลชั้นสูงในแคว้นหลู่จนถูกเหยียดหยาม ทำให้อับอายและยังถูกสุนัขร้ายวิ่งกัด ในสายตาของบุคคลทั่วไป ขงจื้อถูกมองว่าเป็นคนแปลกที่เข้ากับใครไม่ได้ เพื่อเลี้ยงชีพเขาเลี้ยงม้า เข็นรถทำงานเฝ้ายุ้งฉาง ขยันร่ำเรียนอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวไปทุกแห่ง กราบไหว้ครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ขงจื้อจึงมีความสามารถครบ”6ศิลปะ” ที่คนชั้นสูงในยุคนั้นมีกัน ด้วยที่มีความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา และเป็นผู้มีความรู้ จึงได้รับการยอมรับจากชนชั้นสูงและผู้ใช้แรงงาน พวกอำมาตย์ในแคว้นหลู่ที่กำลังเป็นใหญ่ ตระกูลจี่ที่กำอำนาจได้เปิดศึกฆ่าฟันกัน เจ้าเมืองหลู่ทำให้แคว้นหลู่ตกอยู่ในภาวะสงคราม พ่อบ้านตระกูลจี้ ชื่อว่า”หยางหู่” เห็นว่าขงจื้อมีความรู้และมีชื่อเสียงจึงอยากได้ขงจื๊อมาเป็นพวก แต่ขงจื้อไม่ยอมเข้ากับคนที่ไม่ดี จึงลาจากไป ขงจื้อได้เดินทางไปพบ “หลาวจื้อ” ผู้มีความอ่อนโยนชนะความคิดที่แข็งกร้าว ทำให้ขงจื้อเข้าใจว่าผู้ที่จะเป็นครูบาอาจารย์ ที่จะอบรมผู้อื่นด้วยสองมือเปล่าต้องมีความตั้งใจสูง หลังจากนั้นขงจื้อได้ออกสอนวิชาความรู้แบบเปิด ถ่ายทอดวิชา เมตตา คุณธรรมมารยาท ซื่อสัตย์และมีระเบียบให้กับลูกศิษย์ลูกหา สอนลูกศิษย์เหล่านั้นว่า ต้องทำอย่างไรจึงเป็นคนที่มีคุณธรรมประหยัดพอเพียง มีความคิดที่มุ่งมั่น จึงจะเป็นสุภาพชนคนหนึ่งการกระทำ และคำสั่งสอนของขงจื้อได้ปรับเปลี่ยนการปกครอง ที่เคยมีมาแต่โบราณ และทำให้ขงจื้อเป็นประชาชนนักสอนคนแรกของประวัติศาสตร์จีน ขงจื้อมีความหวังอย่างแรงกล้าที่จะก้าวเข้าสู่ความเป็นนักการเมือง เพื่อให้ความคิดของตนเองเป็นจริง ตอนนั้นอายุ 50 ปี ขงจื้อได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเสนาบดีของแคว้นหลู่ ได้มีการเข้าประชุมกับแคว้นหลู่ที่แสนยานภาพทางทหารยิ่งใหญ่ที่สุด และสืบรู้ว่าฝ่ายตรงข้าม ได้แอบนำทหารมาปิดล้อมไว้ ในขณะที่กำลังจะเกิดการสู้รบ ขงจื้อไม่หวั่นไหวเมื่อภัยมาวางแผนอย่างแยบยล ใช้เสียงเพลงสันติภาพของเด็กมาขับกล่อม ทำให้เจ้าเมืองฉีจงกงนำแก้วที่กำลังยกขึ้นเป็นสัญญาณสั่งฆ่ายกลงจนไม่เกิดการนองเลือด ภายหลังการวางแผน 3 ขั้นตอนของขงจื้อทำให้ จีซุน สูซุน เมิงซุน 3 ตระกูลชั้นสูง เกิดการคัดค้านจึงทำให้เกิดรบฆ่ากันอีก หลู่จินที่อ่อนแอจอมพ่ายแพ้ให้กับความถูกกดดัน ได้แต่ดื่มเหล้าจนเมามาย ขงจื้อผิดหวังจึงพาลูกศิษย์ทั้งหลายจากไป เริ่มต้นการตระเวนไปทุกเมืองใช้เวลายาวนานถึง 14 ปี หวังตี้ถูกจับเกือบถูกฆ่าทิ้ง ผู่เฉินถูกกักตัวแต่หนีออกมาได้ เห็นว่าแคว้นเว่ยปกครองประเทศแหลวแหลก แคว้นซ่งเจ้าเทืองก็ถูกตียับ เจิ้นตี้ถูกอหิวาตกโลกเล่นงานแทบตาย เฉิน,ฉ้าย ถูกล้อมไว้ในหุบเขาขาดเสบียงหลายวัน ขงจื้อได้แต่เฝ้าถามฟ้าดินว่าตัวเราไม่ใช่เสือ สิงห์ ทำไมถูกปล่อยทิ้งไว้กลางป่าดง แต่สุดท้ายก็มีฉู่จาวหวางที่เห็นคุณงามความดีของขงจื้อ เมื่อไปถึงก็สายไปเสียแล้ว เพราะพบเพียงแต่โลงศพของฉู่หวางเท่านั้น ในระยะเวลา 14 ปี ขงจื้อได้ตระเวนไปทั่วแคว้นเว่ย,ซ่ง.เจิ้น.เฉิน,ฉ่าน,เยียะ,ฉู่ ผ่านการอดอยาก หิวโหย ฝ่าลมฝ่าฝน เจ็บไข้ได้ป่วยต่อสู้กับความตาย ได้พบเจ้าเมืองหลายแคว้น ได้พยายามสั่งสอนวิชาความรู้จนปากแฉะปากแห้ง แต่ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจขงจื้อจึงรำพันคนเดียวว่า “หากเจ้าเมืองยอมใช้ข้าฯ ไม่นานหรอกเพียง 3ปี ก็เห็นผลแต่ทำไมเล่าจึงไม่เป็นความจริงได้?” อายุ 68 ปี ขงจื้อที่มีผมขาวโพลนทั้งศีรษะได้กลับแคว้นหลู่ เขาตั้งใจสอนหนังสือ ตั้งใจศึกษาแก้ไขเรียบเรียง ตำราโบราณ เช่น กลอน, หนังสือ,ธรรมเนียม,ชนชิว และมีลูกศิษย์ถึง 3,000 คน ขงจื้อเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ของจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เขาก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้มีอำนาจของแคว้นหลู่แต่อย่างใด ลูกศิษย์ที่ได้ดีมีอำนาจก็เปลี่ยนสีไปสยบกับพวกแคว้นจี้ ขงจื้อเดินขึ้นบนเนินเขา มองไปรอบๆ คล้ายกับว่าได้เห็นโลกที่เสมอภาคแล้วในใจของเขา ขงจื้อ จอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน ที่ทั่วโลกยอมรับให้เป็นนักปราชญ์อันดับหนึ่งของเอเชียและของโลก
การแปล กรุณารอสักครู่..