เพลงบรรเลง
หมายถึง เพลงที่เขียนขึ้นมาโดยไม่มีเนื้อร้อง มีจุดมุ่งหมายที่จะใช้ในการบรรเลงเฉพาะเครื่องดนตรีที่มีอยู่ในวงนั้นๆ โดยบรรเลงทำนองเพลงสอดสลับกันไป เพื่อทำให้เกิดท่วงทำนองทีไพเราะตามลักษณะของเพลงที่นำมาบรรเลง เพลงที่จัดอยู่ในประเภทเพลงบรรเลงมีอยู่หลายชนิด ดังนี้
เพลงโหมโรง เพลงโหมโรง
หมายถึง เพลงที่ใช้บรรเลงเป็นเพลงแรก เป็นการประโคมดนตรีเบิกโรงก่อนที่จะมีการแสดงเพลงอื่นๆ วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประกาศให้ชาวบ้านได้ทราบว่า สถานที่นั้นจะมีงานหรือกิจกรรมอะไร โดยใช้เสียงเพลงเป็นสื่อในพิธีกรรมบางพิธีจะใช้เพลงโหมโรงเพื่ออัญเชิญเทพยดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาร่วมในพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคล
โหมโรงปี่พาทย์
เพลงเรื่อง
หมายถึง เป็นที่ใช้เครื่องดนตรีบรรเลงล้วนๆ นิยมบรรเลงด้วยวงปี่พาทย์ มากกว่าบรรเลงด้วยวงเครื่องสายและวงมโหรี เป็นเพลงชุด ซึ่งประกอบด้วยเพลงหลายๆ เพลง ที่มีทำนองคล้ายคลึงกัน อัตราจังหวะเดียวกัน หน้าทับอย่างเดียวกัน เอามาร้อยกรองกัน เข้าบรรเลงติดต่อกันไป ใช้บรรเลงเมื่อต้องการระยะเวลายาวนาน เช่น บรรเลงหลังโหมโรงเย็น เพื่อรอพระที่จะมาสวดมนต์เย็น
เพลงหางเครื่อง
เพลงหางเครื่อง
หมายถึง เป็นเพลงที่บรรเลงต่อท้ายเพลงใหญ่หรือเพลงแม่บท คือเพลงสามชั้นหรือเพลงเถาที่นำมาบรรเลงก่อน เพลงหางเครื่องที่นำมาบรรเลงนั้นต้องคำนึงถึงสำเนียงภาษาและอารมณ์ของเพลงนั้นด้วย เช่น ถ้าบรรเลงเพลงแม่บทด้วยเพลงเขมรพวงเถาแล้วจะต้องออกหางเครื่องด้วยเพลงชุดเขมรตามไปด้วย เป็นต้น โดยปกติเพลงหางเครื่องจะจัดไว้เป็นชุดๆ ตามสำเนียงภาษาของเพลง เพลงออกภาษา
หมายถึง การนำเอาเพลงที่มีสำเนียงภาษาหลายๆ ภาษา มาบรรเลงรวมกันเป็นชุด และบรรเลงหลังจากบรรเลงเพลงใหญ่จบแล้ว เพลงออกภาษามีลักษณะสนุกสนานเร้าใจ แล้วยังเป็นการแสดงความสามารถของนักดนตรีอีกด้วย ก่อนจะออกภาษาใดก็ตามจะต้องเริ่มบรรเลงด้วย 4 ภาษา ก่อน คือ จีน เขมร ตลุง และพม่า กลองที่นำมาใช้ในการบรรเลงประกอบบทเพลงสามารถที่จะใช้สื่อความหมายของสำเนียงภาษาต่างๆ ได้ เช่น กลองแขก ใช้ออกภาษาแขก กลองเมริกัน ใช้ออกภาษาฝรั่ง เป็นต้น
เพลงเดี่ยว
หมายถึง เป็นเพลงที่สร้างขึ้นสำหรับเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียว บรรเลงเพื่อเป็นการอวดฝีมือและความสามารถของนักดนตรี เพลงที่นิยมนำมาเดี่ยวมีมากมาย เช่น เพลงกราวใน เพลงสารถี เพลงพญาโศก เพลงลาวแพน เพลงอาหนู เพลงจีนขิมใหญ่ เป็นต้น
เพลงหน้าพาทย์
เพลงหน้าพาทย์ หมายถึง เพลงที่ใช้บรรเลงประกอบกิริยาอาการ อารมณ์ของตัวละคร เพลงหน้าพาทย์เป็นเพลงที่มีทำนอง และจังหวะกำหนดเป็นแบบแผน รวมทั้งกำหนดโอกาสใช้ไว้อย่างแน่นอน โดยทั่วไปเพลงหน้าพาทย์จะไม่มีบทร้อง ใช้บรรเลงเป็นทำนองเท่านั้น ที่บรรจุเนื้อร้องก็มีบ้าง ที่พบได้แก่ เพลงตระนิมิต เพลงกราวนอก เป็นต้น เพลงหน้าพาทย์ส่วนมากจะมีท่ารำกำหนดไว้เฉพาะในแต่ละเพลง และเพลงหน้าพาทย์เพลงเดียวกัน การใช้ท่ารำของตัวละครไทยคือ พระ นาง ยักษ์ ลิง ก็ ย่อมจะแตกต่างกันไป
เพลงหน้าพาทย์แบ่งออกเป็น หน้าพาทย์ธรรมดา และหน้าพาทย์ชั้นสูง
๑. หน้าพาทย์ธรรมดา ใช้บรรเลงประกอบกิริยาอารมณ์ของตัวละครที่เป็นสามัญชน เป็นเพลงหน้าพาทย์ไม่บังคับความยาว การจะหยุด ลงจบ หรือเปลี่ยนเพลง ผู้บรรเลงจะต้องดูท่ารำของตัวละครเป็นหลัก เพลงหน้าพาทย์ชนิดนี้โดยมากใช้กับการแสดงลิเกหรือละคร เช่น เพลงเสมอ เพลงเชิด เพลงรัว เพลงโอด
๒. หน้าพาทย์ชั้นสูงเรียกอีกอย่างว่า "เพลงครู" ถือว่าเป็นเพลงที่ศักดิ์สิทธิ์ ใช้บรรเลงประกอบกิริยา อารมณ์ของตัวละครผู้สูงศักดิ์หรือเทพเจ้าต่างๆ เป็นเพลงหน้าพาทย์ประเภทบังคับความยาว ผู้รำจะต้องยืดทำนองและจังหวะของเพลงเป็นหลักสำคัญ จะตัดให้สั้นหรือเติมให้ยาวตามใจชอบไม่ได้ โดยมากใช้กับการแสดงโขน ละคร และใช้ในพิธีไหว้ครู ครอบครูดนตรีและนาฏศิลป์ เช่น เพลงตระนอน เพลงกระบองกัน เพลงตระบรรทมสินธุ์ เพลงบาทสกุณี เพลงองค์พระพิราพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงองค์พระพิราพ ถือกันว่าเป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงสุดในบรรดาเพลงหน้าพาทย์ทั้งหลาย
เพลงหน้าพาทย์แบ่งตามหน้าที่การนำไปใช้ประกอบการแสดงของตัวละครแบ่งได้ ๗ ลักษณะ คือ
๑. เพลงหน้าพาทย์ประกอบกิริยาไปมา ได้แก่ เพลงเสมอใช้ประกอบกิริยาการเดินทางระยะใกล้ ไปช้าๆ ไม่ รีบร้อน เพลงเชิดใช้ประกอบกิริยาการเดินทางระยะไกลไปมาอย่างรีบร้อน เพลงเสมอนอกจากเพลงเสมอธรรมดาแล้ว ยังมีเพลงเสมอตามลักษณะของตัวละครและตามสัญชาติของตัวละครและตามสัญชาติของตัวละครอีก เช่น เสมอลาว เสมอมอญ เสมอพม่า เสมอมาร เสมอเถร เป็นต้น เสมอลาว เสมอมอญ ข้อสังเกตให้ดูจากเครื่องแต่งกายของผู้แสดง เพลงฉิ่งใช้ประกอบกิริยาอาการเคลื่อนไหว นวยนาดกรีดกราย เล่นสนุกสนาน ชมสวน ชมป่า เก็บดอกไม้หรือเที่ยววนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เพลงบาทสกุณีใช้ประกอบการเคลื่อนไหวไปมามีพิธีรีตรอง ใช้เฉพาะกับตัวละครตัวพระ-นาง ที่มีศักดิ์ เพลงพระยาเดินใช้ประกอบกิริยาไปมาที่ไม่รีบร้อน สำหรับผู้สูงศักดิ์เป็นหมู่พร้อมด้วยข้าราชบริพาร เพลงรุกร้นใช้ประกอบการแสดงไปอย่างมีระเบียบ เพลงเสมอข้ามสมุทร ใช้ประกอบการนำกองทัพเดินข้ามสมุทรเท่านั้น ใช้เฉพาะตัวพระราม เพลงเหาะใช้ประกอบกิริยาไปมาทางอากาศของเทวดา นางฟ้า (ในพิธีไหว้ครูโขน-ละคร เป็นการอัญเชิญพระศวร) เพลงโคมเวียนใช้ประกอบกิริยาการเดินทางในอากาศของเทวดาและนางฟ้า
เพลงกลมใช้ประกอบการไป มาของตัวละครที่สูงศักดิ์ เช่น พระอินทร์ เจ้าเงาะ ในเรื่อง สังข์ทอง (ในพิธีไหว้ครูดขน-ละคร เป็นการอัญเชิญพระวิษณุกรรม) เพลงแผละใช้ประกอบกิริยาการไปมาของสัตว์มีปีกที่บินทางอากาศ เช่น นก ครุฑ เป็นต้น เพลงชุบใช้ประกอบกิริยาไปมาของตัวละครศักดิ์ต่ำ เช่น นางกำนัล เพลงโล้ใช้ประกอบกิริยาไปมาทางนำ
๒. เพลงหน้าพาทย์ประกอบการยกพล ยกทัพได้แก่ เพลงกราวนอกสำหรับการยกทัพของมนุษย์ ลิง เพลงกราวใน สำหรับการยกทัพของยักษ์ เพลงกราวกลางสำหรับการยกทัพของมนุษย์
๓.เพลงหน้าพาทย์ประกอบความสนุกสนานร่าเริงได้แก่ เพลงกราวรำสำหรับกิริยาเยาะเย้ย
เพลงสีนวล สำหรับแสดงความร่างเริงเบิกบานใจสำหรับสตรี เพลงช้า เพลงเร็ว สำหรับแสดงความเบิกบานใ