ตอนฉันอายุ 3 ขวบ ฉันได้เข้าโรงเรียนเป็นครั้งแรก ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอนุบาลหรือศูนย์เด็กเล็ก ฉันเจอเพื่อนวัยเดียวกันมากมาย ชีวิตที่เคยอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ต้องกลายมาเป็นภาระหนักของคุณครู ฉันพอจำได้ว่าตอนนั้นฉันร้องไห้วิ่งจะกลับบ้าน แต่ออกไม่ได้เพราะประตูหน้าโรงเรียนปิด นั่งรอพ่อมารับกลับบ้านอย่างน่าสงสาร ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 12.00น. ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน แต่วันช่วงพักกลางวันรับประทานอาหาร ช่วงบ่ายโมงคุณครูก็จะให้นอนกลางวันเด็กต้องนอนทุกคน พอเลิกเรียนพ่อก็จะมารับกลับบ้านก่อนกลับถึงบ้านต้องแวะร้านค้าเพื่อที่จะซื้อขนมกลับไปกินบ้านทุกวัน นี่เป็นช่วงชีวิตที่ยังเป็นเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง พออายุ 4 ขวบ ฉันได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมเป็นครั้งแรกเรียนชั้นอนุบาล1 ตอนฉันเรียนอนุบาลฉันเป็นเด็กที่ซนและดื้อมาก มีเพื่อนเยอะตั้งแต่เด็กเลย การใช้ชีวิตเป็นเด็กช่างมีความสุขเหลือเกินเพราะได้นอนกลางวันพอตื่นก็ได้ดื่มนม มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันนอนกลางวันอยู่ดีๆดันฉี่ราดเพื่อนที่นอนข้างๆด้วยกัน พอฉันตื่นก็ได้แต่ร้องไห้เพราะเพื่อนล้อทำให้ฉันขาดเรียนเป็นเวลา3วัน ช่วงเวลาที่ฉันเรียนอนุบาลทั้งหมด 3 ปี หลังจากนั้นคุณครูก็ให้เลื่อนชั้นขึ้น ป.1 ฉันดีใจรีบเก็บกระเป๋าหนังสือวิ่งแซงหน้าเพื่อนไปถึงห้องก่อนใคร ตอนที่ฉันเรียนอยู่ประถมฉันได้เข้าร่วมกิจกรรมมากมาย ตอนเรียน ป.2 ได้ไปแข่งกรีฑาที่อำเภอแต่จำไม่ได้ว่าอยู่ไม้ไหน แต่ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่2 ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.4 ได้ไปแข่งขันทักษะคณิตศาสตร์ ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าได้รางวัลอะไรไหม แต่ฉันเป็นคนที่เรียนคณิตศาสตร์ไม่เก่ง ทำให้ตอนแข่งนั้นกดดันมาก แต่โชคดีที่มีเพื่อนเก่งคณิตศาสตร์เข้าแข่งขันด้วย ช่วงที่เรียน ป.5 ได้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลเคยแข่งชนะมา 4 ครั้ง พอถึงช่วงเวลาเรียน ป.6 เป็นช่วงที่ต้องตั้งเรียนเป็นพิเศษ เพราะต้องสอบเข้าโรงเรียนมัธยม ตอนนั้นพ่อส่งฉันไปเรียนพิเศษกับคุณครูที่อาสามาสอนในหมู่บ้าน หลังจากนั้นพ่อก็พาฉันไปทำเรื่องสมัครสอบเข้าโรงเรียนมัธยม ผลออกมาปรากฏว่าสอบได้จึงทำเรื่องมอบตัวกับทางโรงเรียน พอถึงเปิดเทอมวันแรกรู้สึกตื่นเต้นมากได้ใส่ชุดนักเรียนใหม่ รองเท้าใหม่ กระเป๋าใหม่ เจอเพื่อนใหม่ ฉันเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1/6 มีนักเรียนทั้งหมด 38 คน หลังจากนั้นก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนในห้อง เพื่อนต่างก็มีนิสัยที่ต่างกัน ชีวิตมัธยมกับประถมมันช่างต่างมันเหลือเกิน มัธยมต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น มีกิจกรรมให้ทำมากมาย พอขึ้นมัธยมปลายฉันก็เข้าเรียนต่อที่เรียนเดิม แต่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ที่เยอะกว่าเดิม ตอนแรกเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 พอเรียนได้เทอมหนึ่ง ก็เลือกสายที่ตัวเองชอบและถนัดที่สุด มีสายวิทย์-คณิตและสายศิลป์-ภาษา ฉันก็ได้เลือกสายศิลป์-ภาษา เพราะฉันไม่ชอบเรียนคณิตศาสตร์มันทำให้ฉันปวดหัวเหลือเกิน การเรียนมัธยมปลายถือว่ายากขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง แต่ความรู้กว้างไกล ฉันชอบเวลาที่อาจารย์สั่งงานแล้วให้ไปคนคว้าเอง เพราะมันจะทำให้ฉันสามารถช่วยตัวเองได้ พอมาถึงจุดๆหนึ่งซึ่งเป็นการเรียนปีสุดท้ายของมัธยม ในช่วงนี้เป็นช่วงที่วุ่นวายเหลือเกิน ใกล้จะสอบทั้งโอเน็ท เอเน็ท Get-Pat แถมยังมีสอบโควต้ามหาลัยอีก ฉันได้โควตารับตรงของมหาลัยราชภัฎมหาสารคาม เป็นอันติดแล้วทางมหาลัยได้ส่งหนังสือมาทางโรงเรียนให้ไปสอบสัมภาษณ์และสอบปฎิบัติ คณะที่ฉันเลือก 1. นิติศาสตร์ 2. รัฐศาสตร์ 3. ครุศาสตร์ ฉันตั้งใจว่าวินาทีแรกที่ลุ้นผลสอบ อยากสอบติดคณะนิติศาสตร์ เพราะญาติฝ่ายพ่อเรียนกฎหมายกันหมดเลย แต่ผลสอบออกมาปรากฏว่าติดคณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ แรกๆฉันคิดว่าจะไม่เรียนด้วยซ้ำอาจจะสอบเลือกคณะใหม่ แต่พ่อกับแม่อยากให้เรียนเพราะท่านอยากให้เป็นข้าราชการ ฉันเลยตัดสินใจที่จะเรียนคณะนี้ และแล้วก็ได้ย่างก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัย ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และตอนอยู่ตอนอยู่ปี1 ได้ใส่ชุดนักศึกษาใหม่กับรองเท้าผ้าใบสีขาว ใช้กระเป๋าที่มหาลัยแจกให้ รวบผมให้เรียบร้อยแต่งตัวเป็นเพรชชี่น่ารักที่สุด